
ทริปนี้ของเราตั้งแต่ ปลายเดือนเมษา เพิ่งจะว่างมาเขียนกระทู้ค่ะ ไม่ใช่การรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว กระทู้นี้จะเป็นเหมือนบันทึกการเดินทางของเราและแฟนค่ะ เราจะพิมพ์เป็นตอนๆไปนะคะ

การเดินทางทริปนี้ของเรา ขอเรียกว่าเป็น Road trip นะคะเพราะเที่ยวแบบนั่งรถไฟไปเรื่อยๆ เริ่มต้นที่ โอซาก้า เกียวโต ทาคายาม่า ฮิดะฟุรุคาว่า โทยาม่า คุโรเบะอัลไพน์รูท มัตสึโมโต้ และโตเกียว
ตอนที่2 " ฮิดะ ฟุรุคาว่า เธอจะอยู่ในใจของฉันเสมอ" https://pantip.com/topic/36605678
20 Apr 17
ออกเดินทางตั้งแต่เวลา เที่ยงคืนของวันที่ 19 เพื่อที่จะไปรอเช็คอิน สายการบิน Hongkong airline เที่ยวบินตีสี่ ไปถึงนึกว่าจะได้รอนานแต่ผิดคาดที่เคาท์เตอร์เช็คอินเปิดตั้งแต่เที่ยงคืน เราจึงได้เช็คอินเป็นคนแรกๆ ทั้งๆที่ได้เช็คอินออนไลน์มาแล้วกันเหนียว จากข่าวฉาวการโอเวอร์บุ๊คกิ้งบ่อยๆ (ของสายการบินอื่น) เมื่อเช็คอินเสร็จก็เข้าไปนั่งรอในเกท นั่งหลับนกรอเวลา เราเดินทางไปโอซาก้าโดยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ แวะทรานสิตเครื่องที่ฮ่องกงใช้เวลา ต่อเครื่องสองชั่วโมง ก็กำลังสบายๆ แต่มีเหตุให้ตื่นเต้น เมื่อเครื่องที่ฮ่องกงต้องดีเลย์เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเพราะสภาพอากาศที่ปิด มีฝนตกหนัก และการจราจรหนาแน่น ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ ฝนตกหนักพอสมควร ขณะเครื่องกำลังเทคออฟ เรารู้สึกถึงเครื่องบินที่สั่นมากๆ เหมือนปะทะกับแรงลม ค่อนข้างหวาดเสียว แฟนเราเป็นคนกลัวการขึ้นเครื่องบินก็นั่งเกร็งมาก เครื่องเทคออฟขึ้นมาได้ระยะหนึ่ง กัปตันก็ประกาศเป็นระยะว่าสภาพอากาศไม่ค่อยดี ให้รัดเข็มขัดไว้ ตอนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ เพราะเคยขึ้นเครื่องมานับสิบเที่ยวก็ไม่เคยเจออย่างนี้ เป็นเวลานานเกือบสองชั่วโมง กว่าเครื่องบินจะบินออกจากสภาพอากาศอันแปรปรวนนั้น เรากับแฟนจึงผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากนั้นก็ราบรื่นดี จนกระทั่งเครื่องบินลงสู่สนามบินคันไซ ในเวลาประมาณ เกือบหกโมงเย็น กว่าจะผ่าน ตม.ญี่ปุ่นซึ่งคนรอต่อคิวกันเยอะมาก สภาพเหมือนศูนย์อพยพเลย ออกมาได้ก็กินเวลาไปหนึ่งทุ่มกว่าๆ
เราสองคนไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปที่สถานีรถไฟเข้าเมือง จากที่วางแผนไว้ว่าจะแลกตั๋ว JR Pass ที่สนามบิน ก็เปลี่ยนแผนไปแลกที่ สถานีรถไฟ “ชินโอซาก้า”แทนในวันพรุ่งนี้ เพราะไม่อยากเข้าเมืองค่ำเกินไป ต้องเดินไปโรงแรมอีก
เมื่อออกมาจากสนามบินเดินมาที่สถานีรถไฟ . ก็เกิดอาการ งงเด้ งงเด้ ขึ้นมาทันที เพราะสถานีกว้างใหญ่รถไฟหลากหลายขบวนมาก ที่ค้นข้อมูลมาก็คือนั่งรถไฟ ‘NanKai’ เข้าเมืองเพื่อไปลงที่สถานี “นัมบะ” หลังจากที่ยืนงงๆอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่หญิงยืนถือป้าย เป็นรายชื่อขบวนรถไฟต่างๆ เราจึงเข้าไปสอบถามโดยถามว่า ‘Numba Station?” เจ้าหน้าที่ก็ชี้ที่รายชื่อรถไฟ สองรายชื่อมีราคาบอกเสร็จสรรพ ประมาณว่ามีขบวน ‘express’ กับ ‘Local’ ซึ่งราคาแตกต่างกัน เราจึงชี้ไปที่ขบวน ‘Local’ เลือกราคาถูกสุด นึกว่าเจ้าหน้าจะพาไปซื้อตั๋ว ที่ไหนได้เธอชี้ไปที่ตู้หยอดเหรียญซื้อบัตรโดยสาร แล้วเธอก็หันไปหานักท่องเที่ยวอื่นต่อไป
เรากับแฟนก็มายืนงงอยู่หน้าตู้หยอดบัตร ดูคนอื่นเขากดก่อน ทีนี้เรามีแต่แบงค์หมื่นเยน เพราะตอนแลกมาที่ร้านแลกเงินไม่มีแบงค์ย่อยนอกจากแบงค์หมื่นเยน เราก็วิ่งไปถามเจ้าหน้าที่คนเดิม แล้วชูแบงค์แล้วชี้ไปที่เครื่องถามว่า ‘exchange ?’ เธอก็พยักหน้าแล้วตอบ โอเคๆ เราจึงให้แฟนที่ยืนดูวิธีกดจนจำได้แล้วเป็นคนกด อันดับแรก ต้องกดเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษ แล้วกดที่ราคาตั๋วที่เราจะซื้อ แล้วกดจำนวนคน แล้วสอดแบงค์เข้าช่อง แล้วเครื่องก็ออกตั๋วมาสองใบ พร้อมเงินทอนครบ ง่ายแฮะ!! ไม่ยากเลยค่ะ
แล้วเราก็เดินไปที่ช่องเข้าสถานี เสียบตั๋วเข้าไปมันจะเด้งออกมาเราก็เก็บตั๋วไว้ขาออก เดินไปตามป้ายบอกชานชาลา เมื่อมาถึงชานชาลา มีรถไฟจอดอยู่อีกฝั่ง ดูเหมือนจะเป็นขบวนexpress เพระดูดีมาก แต่ของเราเป็นLocal ก็ต้องยืนรอ สักพักรถไฟก็มาตรงเวลาเป๊ะ ขบวนรถไฟค่อนข้างเก่า แต่ข้างในสะอาดสะอ้านมาก มีคนขึ้นไม่มากนัก ที่นั่งว่างเพียบ เรากับแฟนขึ้นไปนั่งก็มองเส้นทางเดินรถที่อยู่เหนือประตู เราต้องนั่งไป 27สถานีค่ะ สถานีที่เราลงคือสถานีที่1 “Namba” เป็นสถานีสุดท้าย เรามองหน้ากันก็บอกว่าหวานเย็นมากๆเลย เพราะราคาถูก เราต้องนั่งชั่วโมงกว่าๆ ทั้งๆที่ถ้าชบวนเอ็กซเพรสก็แค่ครึ่งชั่วโมง ขณะที่นั่งรถไฟที่จอดทุกสถานีนั้น ก็เห็นขบวนexpress วิ่งฉิวผ่านไปก็เจ็บใจ หันไปบ่นแฟนว่าเห็นแก่ตั๋วราคาถูก แฟนก็บอกว่า “เอ้าจะได้นั่งนานๆ ดูคนดูบ้านเมืองเขาไม่ดีเหรอ” แต่ก็ไม่น่าเบื่อหรอกค่ะ ดูเมืองเขาดูคนไปเพลินๆ ที่สำคัญหนุ่มๆโอซาก้าแต่งสูทเนี๊ยบมาก หล่อๆตรงสเป๊คเยอะเลย เราจึงไม่เบื่อ 5555


โรงแรมที่พักอยู่ใกล้สถานีนัมบะมาก เดินออกมาถึงจะงงๆ แต่แผนที่ที่เซฟมาก็ทำให้เดินไปหาโรงแรมที่อยู่ในซอยเล็กๆได้ถูก โรงแรมเล็กๆแต่ทำเลดีมากค่ะเดินไปย่าน “ดงทงโบริ” ได้เลย แถวนั้นร้านค้าห้างร้านเต็มไปหมด พอเข้าห้องเก็บกระเป๋า เรากับแฟนก็ออกมาเดินสำรวจย่านแถว รร. แต่เรากับแฟนไม่ใช่ขาช็อป ไม่ได้ตื่นเต้นกับร้านค้าอะไรเท่าไหร่ แต่ชอบดูบรรยากาศของยามค่ำคืนของย่าน “ดงทงโบริ” มากกว่า หนุ่มๆออฟฟิศเดินกันเป็นแก็งค์ๆ หาที่ดื่มกันเยอะแยะละลานตาไปหมด คนโอซาก้านี่ดูสบายๆกันจังค่ะ พูดคุยกันเสียงดัง ได้ยินมาว่าคนแถบคันไซนี่ชอบสนุกสนานเฮฮามากกว่าคนแถบคันโตนี่คงจะจริง แล้วเราก็เดินกลับ รร.เพราะเพลียจากการเดินทางหลายชั่วโมง เราแวะซื้อข้าวกล่องในเซเว่นมากิน อิ่มอร่อยมากเลย คืนแรกในโอซาก้าหลับเป็นตาย เพราะเหนื่อยจากการเดินทางมายาวนาน
ไม่สามารถตั้งกระทู้จบในโพสเดียวได้ค่ะ จะมาต่อเป็นตอนๆนะคะ และจะแทรกรูปภายหลังด้วยค่ะ
My first Japan Road Trip's Diary. 10 days for Osaka ,Kyoto, Takayama, Hida furukawa, Kurobe Alpine route, Tokyo.
ทริปนี้ของเราตั้งแต่ ปลายเดือนเมษา เพิ่งจะว่างมาเขียนกระทู้ค่ะ ไม่ใช่การรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว กระทู้นี้จะเป็นเหมือนบันทึกการเดินทางของเราและแฟนค่ะ เราจะพิมพ์เป็นตอนๆไปนะคะ
ตอนที่2 " ฮิดะ ฟุรุคาว่า เธอจะอยู่ในใจของฉันเสมอ" https://pantip.com/topic/36605678
20 Apr 17
ออกเดินทางตั้งแต่เวลา เที่ยงคืนของวันที่ 19 เพื่อที่จะไปรอเช็คอิน สายการบิน Hongkong airline เที่ยวบินตีสี่ ไปถึงนึกว่าจะได้รอนานแต่ผิดคาดที่เคาท์เตอร์เช็คอินเปิดตั้งแต่เที่ยงคืน เราจึงได้เช็คอินเป็นคนแรกๆ ทั้งๆที่ได้เช็คอินออนไลน์มาแล้วกันเหนียว จากข่าวฉาวการโอเวอร์บุ๊คกิ้งบ่อยๆ (ของสายการบินอื่น) เมื่อเช็คอินเสร็จก็เข้าไปนั่งรอในเกท นั่งหลับนกรอเวลา เราเดินทางไปโอซาก้าโดยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ แวะทรานสิตเครื่องที่ฮ่องกงใช้เวลา ต่อเครื่องสองชั่วโมง ก็กำลังสบายๆ แต่มีเหตุให้ตื่นเต้น เมื่อเครื่องที่ฮ่องกงต้องดีเลย์เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเพราะสภาพอากาศที่ปิด มีฝนตกหนัก และการจราจรหนาแน่น ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ ฝนตกหนักพอสมควร ขณะเครื่องกำลังเทคออฟ เรารู้สึกถึงเครื่องบินที่สั่นมากๆ เหมือนปะทะกับแรงลม ค่อนข้างหวาดเสียว แฟนเราเป็นคนกลัวการขึ้นเครื่องบินก็นั่งเกร็งมาก เครื่องเทคออฟขึ้นมาได้ระยะหนึ่ง กัปตันก็ประกาศเป็นระยะว่าสภาพอากาศไม่ค่อยดี ให้รัดเข็มขัดไว้ ตอนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ เพราะเคยขึ้นเครื่องมานับสิบเที่ยวก็ไม่เคยเจออย่างนี้ เป็นเวลานานเกือบสองชั่วโมง กว่าเครื่องบินจะบินออกจากสภาพอากาศอันแปรปรวนนั้น เรากับแฟนจึงผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากนั้นก็ราบรื่นดี จนกระทั่งเครื่องบินลงสู่สนามบินคันไซ ในเวลาประมาณ เกือบหกโมงเย็น กว่าจะผ่าน ตม.ญี่ปุ่นซึ่งคนรอต่อคิวกันเยอะมาก สภาพเหมือนศูนย์อพยพเลย ออกมาได้ก็กินเวลาไปหนึ่งทุ่มกว่าๆ
เราสองคนไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปที่สถานีรถไฟเข้าเมือง จากที่วางแผนไว้ว่าจะแลกตั๋ว JR Pass ที่สนามบิน ก็เปลี่ยนแผนไปแลกที่ สถานีรถไฟ “ชินโอซาก้า”แทนในวันพรุ่งนี้ เพราะไม่อยากเข้าเมืองค่ำเกินไป ต้องเดินไปโรงแรมอีก
เมื่อออกมาจากสนามบินเดินมาที่สถานีรถไฟ . ก็เกิดอาการ งงเด้ งงเด้ ขึ้นมาทันที เพราะสถานีกว้างใหญ่รถไฟหลากหลายขบวนมาก ที่ค้นข้อมูลมาก็คือนั่งรถไฟ ‘NanKai’ เข้าเมืองเพื่อไปลงที่สถานี “นัมบะ” หลังจากที่ยืนงงๆอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่หญิงยืนถือป้าย เป็นรายชื่อขบวนรถไฟต่างๆ เราจึงเข้าไปสอบถามโดยถามว่า ‘Numba Station?” เจ้าหน้าที่ก็ชี้ที่รายชื่อรถไฟ สองรายชื่อมีราคาบอกเสร็จสรรพ ประมาณว่ามีขบวน ‘express’ กับ ‘Local’ ซึ่งราคาแตกต่างกัน เราจึงชี้ไปที่ขบวน ‘Local’ เลือกราคาถูกสุด นึกว่าเจ้าหน้าจะพาไปซื้อตั๋ว ที่ไหนได้เธอชี้ไปที่ตู้หยอดเหรียญซื้อบัตรโดยสาร แล้วเธอก็หันไปหานักท่องเที่ยวอื่นต่อไป
เรากับแฟนก็มายืนงงอยู่หน้าตู้หยอดบัตร ดูคนอื่นเขากดก่อน ทีนี้เรามีแต่แบงค์หมื่นเยน เพราะตอนแลกมาที่ร้านแลกเงินไม่มีแบงค์ย่อยนอกจากแบงค์หมื่นเยน เราก็วิ่งไปถามเจ้าหน้าที่คนเดิม แล้วชูแบงค์แล้วชี้ไปที่เครื่องถามว่า ‘exchange ?’ เธอก็พยักหน้าแล้วตอบ โอเคๆ เราจึงให้แฟนที่ยืนดูวิธีกดจนจำได้แล้วเป็นคนกด อันดับแรก ต้องกดเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษ แล้วกดที่ราคาตั๋วที่เราจะซื้อ แล้วกดจำนวนคน แล้วสอดแบงค์เข้าช่อง แล้วเครื่องก็ออกตั๋วมาสองใบ พร้อมเงินทอนครบ ง่ายแฮะ!! ไม่ยากเลยค่ะ
แล้วเราก็เดินไปที่ช่องเข้าสถานี เสียบตั๋วเข้าไปมันจะเด้งออกมาเราก็เก็บตั๋วไว้ขาออก เดินไปตามป้ายบอกชานชาลา เมื่อมาถึงชานชาลา มีรถไฟจอดอยู่อีกฝั่ง ดูเหมือนจะเป็นขบวนexpress เพระดูดีมาก แต่ของเราเป็นLocal ก็ต้องยืนรอ สักพักรถไฟก็มาตรงเวลาเป๊ะ ขบวนรถไฟค่อนข้างเก่า แต่ข้างในสะอาดสะอ้านมาก มีคนขึ้นไม่มากนัก ที่นั่งว่างเพียบ เรากับแฟนขึ้นไปนั่งก็มองเส้นทางเดินรถที่อยู่เหนือประตู เราต้องนั่งไป 27สถานีค่ะ สถานีที่เราลงคือสถานีที่1 “Namba” เป็นสถานีสุดท้าย เรามองหน้ากันก็บอกว่าหวานเย็นมากๆเลย เพราะราคาถูก เราต้องนั่งชั่วโมงกว่าๆ ทั้งๆที่ถ้าชบวนเอ็กซเพรสก็แค่ครึ่งชั่วโมง ขณะที่นั่งรถไฟที่จอดทุกสถานีนั้น ก็เห็นขบวนexpress วิ่งฉิวผ่านไปก็เจ็บใจ หันไปบ่นแฟนว่าเห็นแก่ตั๋วราคาถูก แฟนก็บอกว่า “เอ้าจะได้นั่งนานๆ ดูคนดูบ้านเมืองเขาไม่ดีเหรอ” แต่ก็ไม่น่าเบื่อหรอกค่ะ ดูเมืองเขาดูคนไปเพลินๆ ที่สำคัญหนุ่มๆโอซาก้าแต่งสูทเนี๊ยบมาก หล่อๆตรงสเป๊คเยอะเลย เราจึงไม่เบื่อ 5555
ไม่สามารถตั้งกระทู้จบในโพสเดียวได้ค่ะ จะมาต่อเป็นตอนๆนะคะ และจะแทรกรูปภายหลังด้วยค่ะ