ในฐานะที่ผมอยู่ในวงการโดยตรง ผมขอนำเสนอปัญหาในการศึกษาไทยครับ
ด้านหลักสูตร
1. วิชาภาษาไทย แน่นอนครับ จะมีวิชาหลักภาษา กับ วิชาวรรณคดี ซึ่งตามปรกติหลักสูตรจะเน้นทั้งสองแนวทาง
แต่ในหนังสือวรรณคดีวิจักษ์ มักจะเน้นวรรณคดีไทย แต่บังเอิญที่วรรณคดีที่สะท้อนสังคมไทยในอดีตบางเรื่องแทบไม่ได้ให้คุณค่าเชิงจริยธรรม จรรโลงใจเลย อาทิเช่น ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี ที่ล้าสมัยเกินไปในสังคมปัจจุบันที่ควรเน้นค่านิยมรักเดียวใจเดียว (ตัวเอกของเรื่องอย่างขุนแผน ไม่ได้รับโทษเท่าที่ควร) บางเรื่องที่เลือกมาก็เป็นพวกบทชมนาง ชมวิวทิวทัศน์ ที่มิอาจหาคุณค่าที่เชื่อมโยงกับสังคมสมัยใหม่ได้ ขณะเดียวกันวรรณคดีสากลกลับถูกละเลย ทั้งๆที่บางเรื่องอาจให้คุณค่าความเข้าใจสังคมสมัยใหม่ หรือเข้าใจสภาพการณ์ประเทศไทยที่สัมพัทธ์กับสังคมโลกขณะนั้น แน่นอนว่าผมไม่ได้อยากให้ตัดวรรณคดีไทยออกหมด แต่ควรตัดบางเรืองที่โบราณ และไม่ให้คุณค่าทางจริยธรรม แล้วเพิ่มวรรณคดีสากลเข้ามา
2. วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) ตัวหนังสือเรียนไม่สอดคล้องกับข้อสอบที่ออกมาวัดผล
บางเรื่องที่เรียนไม่เชื่อมโยงกับเรื่องอื่นเท่าไรนัก เพียงแทรกเข้ามาเพิ่มเนื้อหา (คาดว่าดัดแปลงหลักสูตรที่อื่นมา แต่ทำได้ด้อยกว่า)
เช่น คณิต บททฤษฎีกราฟ เคมี บทอุตสาหกรรม ฟิสิกส์ บทนิวเคลียร์
3. วิชาสังคม ค่อนข้างปรับไปจากสมัยเก่า เช่น เพิ่มอาเซียน
แต่กลับละเลยทวีปยุโรป เอเชีย อเมริกา ที่เรียนกันเฉพาะม ต้น ม ปลายไม่ค่อยเน้นทั้งที่เป็นมหาอำนาจในปัจจุบัน
4.และที่สำคัญ ตอนนี้กำลังละเลยวิชาสังคม กำลังตัดออกจากข้อสอบ O NET ทั้งๆที่วิชานี้สำคัญในเชิง EQ
(ทำให้เข้าใจผู้อื่น รักผู้อื่น เข้าใจประวัติศาสตร์ ทำให้เข้าใจประเพณี วัฒนธรรม)
ด้านการประเมินผล วัดผล
1. การใช้ GPA ในระบบสอบกลาง ก่อปัญหาการวัดผลของ รร
ทำให้ รร แบ่งสัดส่วนการคิดคะแนนที่เอื้อต่อเด็ก เช่น เพิ่มคะแนนเก็บจากสมุด ชีท ปรับลดคะแนนสอบกลางภาค ปลายภาค
2. ข้อสอบส่วนกลางมีแนวโน้มออกเกินหลักสูตร โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีการดัดแปลงข้อสอบต่างประเทศ ข้อสอบโอลิมปิกวิชาการ
ดูเผินๆเหมือนยกระดับการศึกษา แต่ลึกๆแล้วยิ่งก่อปัญหาเหลื่อมล้ำตามมา นั่นคือเด็กมีเงิน กวดวิชา เด็กจน เสียเปรียบไม่มีแม้แต่หนังสือข้อสอบเก่า (เนื่องจากข้อสอบบางอย่าง เช่น วิชาสามัญ สทศ แทบไม่ปล่อยออกมา แต่แน่นอนว่าครูกวดวิชาดังๆย่อมมีตัวข้อสอบ)
อยากให้ สทศ เป็นธรรม ต่อทุกฝ่าย แจกข้อสอบเหมือน O NET ให้ครบทุกปีพร้อมเฉลยคำตอบ
3. ปัญหาจากข้อ 1 และ 2 ทำให้การเหลื่อมล้ำการศึกษาไทยสูงขึ้น เด็กชนบทแทบไม่มีโอกาสเรียนมหาลัย คณะดีๆ ต้องเรียนสายอาชีพแทน
4. การรับจำนวนนักศึกษาบางคณะ ที่รับสูงเกินความจำเป็น ก่อปัญหาว่างงานตามมา เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์
5. การรับนักศึกษาที่เคยศึกษาสถาบันอื่น (เด็กซิ่ว) ที่กำลังก่อปัญหาเรียนไม่จบ เปลืองงบประมาณ และก่อปัญหาการแย่งงานตามมา
6. มีการสอบ GAT เชื่อมโยง ที่เนื้อหาไม่ใช่การวิเคราะห์ทางภาษามากนัก เป็นเพียงการหาความสัมพันธ์เหตุผลพื้นฐานเท่านั้น
7. การใช้คะแนนความถนัด เช่นในระบบ admission คณะวิศวกรรมศาสตร์ กลับไม่ใช้คะแนน PAT 1 (คณิตศาสตร์)
ปัญหาอื่นๆ
-มีกลุ่มบุคคลหนึ่งความพยายามจัดอันดับ รร ในไทย แต่กลับไม่มีใครห้ามปราม ทั้งๆที่ไม่ได้มีเกณฑ์ชี้วัดอันดับชัดเจน ไม่มีการแจกแจงสัมประสิทธิ์ ค่าในการวัดผล
วิเคราะห์ปัญหาระบบการศึกษาไทย
ด้านหลักสูตร
1. วิชาภาษาไทย แน่นอนครับ จะมีวิชาหลักภาษา กับ วิชาวรรณคดี ซึ่งตามปรกติหลักสูตรจะเน้นทั้งสองแนวทาง
แต่ในหนังสือวรรณคดีวิจักษ์ มักจะเน้นวรรณคดีไทย แต่บังเอิญที่วรรณคดีที่สะท้อนสังคมไทยในอดีตบางเรื่องแทบไม่ได้ให้คุณค่าเชิงจริยธรรม จรรโลงใจเลย อาทิเช่น ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี ที่ล้าสมัยเกินไปในสังคมปัจจุบันที่ควรเน้นค่านิยมรักเดียวใจเดียว (ตัวเอกของเรื่องอย่างขุนแผน ไม่ได้รับโทษเท่าที่ควร) บางเรื่องที่เลือกมาก็เป็นพวกบทชมนาง ชมวิวทิวทัศน์ ที่มิอาจหาคุณค่าที่เชื่อมโยงกับสังคมสมัยใหม่ได้ ขณะเดียวกันวรรณคดีสากลกลับถูกละเลย ทั้งๆที่บางเรื่องอาจให้คุณค่าความเข้าใจสังคมสมัยใหม่ หรือเข้าใจสภาพการณ์ประเทศไทยที่สัมพัทธ์กับสังคมโลกขณะนั้น แน่นอนว่าผมไม่ได้อยากให้ตัดวรรณคดีไทยออกหมด แต่ควรตัดบางเรืองที่โบราณ และไม่ให้คุณค่าทางจริยธรรม แล้วเพิ่มวรรณคดีสากลเข้ามา
2. วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) ตัวหนังสือเรียนไม่สอดคล้องกับข้อสอบที่ออกมาวัดผล
บางเรื่องที่เรียนไม่เชื่อมโยงกับเรื่องอื่นเท่าไรนัก เพียงแทรกเข้ามาเพิ่มเนื้อหา (คาดว่าดัดแปลงหลักสูตรที่อื่นมา แต่ทำได้ด้อยกว่า)
เช่น คณิต บททฤษฎีกราฟ เคมี บทอุตสาหกรรม ฟิสิกส์ บทนิวเคลียร์
3. วิชาสังคม ค่อนข้างปรับไปจากสมัยเก่า เช่น เพิ่มอาเซียน
แต่กลับละเลยทวีปยุโรป เอเชีย อเมริกา ที่เรียนกันเฉพาะม ต้น ม ปลายไม่ค่อยเน้นทั้งที่เป็นมหาอำนาจในปัจจุบัน
4.และที่สำคัญ ตอนนี้กำลังละเลยวิชาสังคม กำลังตัดออกจากข้อสอบ O NET ทั้งๆที่วิชานี้สำคัญในเชิง EQ
(ทำให้เข้าใจผู้อื่น รักผู้อื่น เข้าใจประวัติศาสตร์ ทำให้เข้าใจประเพณี วัฒนธรรม)
ด้านการประเมินผล วัดผล
1. การใช้ GPA ในระบบสอบกลาง ก่อปัญหาการวัดผลของ รร
ทำให้ รร แบ่งสัดส่วนการคิดคะแนนที่เอื้อต่อเด็ก เช่น เพิ่มคะแนนเก็บจากสมุด ชีท ปรับลดคะแนนสอบกลางภาค ปลายภาค
2. ข้อสอบส่วนกลางมีแนวโน้มออกเกินหลักสูตร โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีการดัดแปลงข้อสอบต่างประเทศ ข้อสอบโอลิมปิกวิชาการ
ดูเผินๆเหมือนยกระดับการศึกษา แต่ลึกๆแล้วยิ่งก่อปัญหาเหลื่อมล้ำตามมา นั่นคือเด็กมีเงิน กวดวิชา เด็กจน เสียเปรียบไม่มีแม้แต่หนังสือข้อสอบเก่า (เนื่องจากข้อสอบบางอย่าง เช่น วิชาสามัญ สทศ แทบไม่ปล่อยออกมา แต่แน่นอนว่าครูกวดวิชาดังๆย่อมมีตัวข้อสอบ)
อยากให้ สทศ เป็นธรรม ต่อทุกฝ่าย แจกข้อสอบเหมือน O NET ให้ครบทุกปีพร้อมเฉลยคำตอบ
3. ปัญหาจากข้อ 1 และ 2 ทำให้การเหลื่อมล้ำการศึกษาไทยสูงขึ้น เด็กชนบทแทบไม่มีโอกาสเรียนมหาลัย คณะดีๆ ต้องเรียนสายอาชีพแทน
4. การรับจำนวนนักศึกษาบางคณะ ที่รับสูงเกินความจำเป็น ก่อปัญหาว่างงานตามมา เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์
5. การรับนักศึกษาที่เคยศึกษาสถาบันอื่น (เด็กซิ่ว) ที่กำลังก่อปัญหาเรียนไม่จบ เปลืองงบประมาณ และก่อปัญหาการแย่งงานตามมา
6. มีการสอบ GAT เชื่อมโยง ที่เนื้อหาไม่ใช่การวิเคราะห์ทางภาษามากนัก เป็นเพียงการหาความสัมพันธ์เหตุผลพื้นฐานเท่านั้น
7. การใช้คะแนนความถนัด เช่นในระบบ admission คณะวิศวกรรมศาสตร์ กลับไม่ใช้คะแนน PAT 1 (คณิตศาสตร์)
ปัญหาอื่นๆ
-มีกลุ่มบุคคลหนึ่งความพยายามจัดอันดับ รร ในไทย แต่กลับไม่มีใครห้ามปราม ทั้งๆที่ไม่ได้มีเกณฑ์ชี้วัดอันดับชัดเจน ไม่มีการแจกแจงสัมประสิทธิ์ ค่าในการวัดผล