••สิ่งที่มนุษย์พ่อมนุษย์แม่ควรเลิกปฏิบัติ••

แน่นอนว่าทุกคนรักลูกและอยากจะให้อะไรที่ดีที่สุดแก่ลูก แต่บางครั้งความรักและการหยิบยื่นอะไรที่มันมากเกินไป ก็อาจจะไม่ส่งผลดีซะทีเดียว เราควรปลูกฝังและสร้างวินัยให้ลูกตั้งแต่เด็กเพื่อให้เขาได้เติบโตและยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นที่ภาคภูมิใจ


การรับประทานอาหารไม่ใช่แค่เพื่อการเจริญเติบโตของร่างกายเท่านั้น การรับประทานอาหารไม่ใช่แค่เพื่อการเจริญเติบโตของร่างกายเท่านั้น แต่!!!! "การรับประทานอาหาร" เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของทุกๆชาติ มันคือ ช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองของมนุษย์ที่การตอบแทนร่างกายที่ทำงานอย่างหนักในแต่ละช่วงของทุกๆวัน และมนุษย์จะดื่มด่ำกับบรรยากาศ รสชาติของอาหาร พร้อมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในช่วงเวลานี้ ด้วยเหตุนี้ ลูกน้อยควรซึมซับวัฒนธรรมการรับประทานอาหารตั้งแต่เด็กๆ การที่ครอบครัวนั่งทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน ลูกจะสัมผัสได้ถึง "ความสุขของชีวิต"
เพราะการมีจิตสำนึกและการเคารพผู้อื่นมันสอนกันไม่ได้ แต่เราสามารถทำให้ลูกเห็นได้!! การเคารพกติกาในสังคมของพ่อแม่ คือ การปลูกฝังจิตสำนึกให้ลูกในอนาคต เช่น การเข้าแถวต่อคิว, การทิ้งขยะลงถัง, หรือแม้แต่การtake turnระหว่างพ่อแม่กับลูกก็ตาม พ่อแม่ไม่ควรคิดว่าการทำพฤติกรรมแบบ "ลักไก่" นานทีปีหน จะไม่ส่งผลกระทบมากมายต่อลูก หรือคิดว่าลูกคงไม่เห็น เพราะเด็กคือ นักเจ้าสังเกตตัวฉกาจ ไม่ว่าเห็นทำอะไร พูดอย่างไร ลูกจะทำตามเสมอ
การรอ การเป็นผู้ฟังที่ดี คือ หนึ่งในคุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จ ในกรณีที่ลูกต้องรอเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างที่เขากำลังตื่นเต้น ลูกจะต้องมี self-control ระดับ10 เลยหละค่ะ เราสามารถค่อยๆอธิบายให้ลูกเข้าใจได้ว่า เวลาที่เราพูดคุยกัน มันต้องมีทั้งผู้ฟังและผู้พูด ในยามที่ลูกพูด พ่อแม่จะเป็นผู้ฟัง, ส่วนในยามที่พ่อหรือแม่กำลังพูดนั้น ลูกก็ควรจะเป็นผู้ฟังที่ดีเช่นกัน ในเมื่อคุณสอนให้ลูกเคารพ นอบน้อมผู้อื่น คุณควรสอนให้เขาเคารพตัวคุณเองด้วย
หากพ่อแม่ปล่อยให้"การร้องของลูก "มีความหมายจนลูกสามารถนำมาต่อรองเพื่อให้ได้อะไรบางอย่างจากพ่อแม่ทุกครั้ง เท่ากับว่าพัฒนาการด้านภาษา และการคิดแบบมีเหตุมีผลของลูกไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างที่ควรจะเป็น พ่อแม่ควรสังเกต และเดาใจลูกให้ได้ แล้วพูดในสิ่งที่เขาต้องการแทนเขาในช่วงแรกๆ ให้เขาได้รู้จักวิธีการสื่อสารด้วยการพูดแทนการร้องไห้ เช่น ลูกร้องไห้ตอนเช้าเพราะไม่อยากไปโรงเรียน(พ่อแม่เดาถูก) แล้วพ่อแม่ก็ไม่พาเขาไปจริงๆ ลูกจะรับรู้ได้ทันทีว่า แค่ร้องไห้ พ่อแม่ก็ใจอ่อนแล้ว การกระทำเช่นนี้กลับส่งผลเสีย และสนับสนุนให้เขาร้องไห้มากขึ้น วิธีที่แนะนำคือ ทำให้เขารู้ให้ได้ว่า เขาจะต้องพูดอธิบายออกมา การร้องไห้ เป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ (ในกรณีที่ลูกพูดได้บ้างแล้ว)
การเทของเล่นกระจัดกระจายไม่ช่วยให้เด็กมีสมาธิในการเล่นเลย เพราะทุกอย่างมันน่าสนใจไปหมด ช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน ลูกอยากเล่นไปซะทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้ วิธีที่เหมาะสมคือ พ่อแม่ควรให้ลูกเลือกของเล่นก่อนที่จะปล่อยให้เขาหยิบมาเล่น และเมื่อเขาหยิบมาเล่นทีละชิ้น ปัญหาเรื่องการเก็บของเล่นก็จะลดลง ปัญหาในการหาของเล่นไม่เจอก็จะหายไป หากฝึกลูกเช่นนี้นอกจากบรรยากาศในบ้านก็จะดีขึ้นแล้ว เราก็ได้สอนลูกให้เคารพต่อสิ่งของ และสิ่งแวดล้อมในบ้านด้วย
คำต้องห้ามของ Toddler คือ 3 คำนี้ค่ะ "ไม่, อย่า, ห้าม" หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบพูดคำพวกนี้กับลูก ต้องรีบเปลี่ยนนะคะ เพราะลูกจะทำในสิ่งที่กันตรงข้ามกับสิ่งที่คุณบอก (จะเห็นได้ชัดเมื่อลูกอายุ 2.5 ขวบขึ้นไป) เช่น "อย่าปีน" เราไม่สามารถหยุดความอยากรู้อยากลองของลูกได้ เพราะมัน คือการเรียนรู้ของเด็กทุกคน สิ่งที่เราทำได้คือ จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยมากขึ้นเผื่ออุบัติเหตุที่คาดการณ์ว่ามันอาจจะเกิด โดยหาอุปกรณ์ที่ไว้สำหรับปีนมาให้ลูกแทน บางครั้งการที่ลูกล้ม เจ็บบ้าง มันก็สอนให้ลูกรู้จักความระมัดระวังมากขึ้นในครั้งต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่