ภิกษุรูปหนึ่ง ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ของท่าน ให้ไปหาดอกไม้มาสักดอก แล้วไปพิจารณาดอกไม้นั่นให้เวลา 3 วัน
เมื่อได้รับคำสั่งมาแล้วก็ปฏิบัติตาม ท่านก็ประมวลคำสอนที่ได้สดับมาบ้าง ได้ร่ำเรียนมาบ้าง คิดไปว่า "เออ ดอกไม้นี้ ตอนเด็ดมามันยังสด ผ่านไปวันนึง มันก็เริ่มเหี่ยว ผ่านไปอีกวันมันก็เริ่มแห้งลง และโรยราไปตามลำดับ ย่อมเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
เมื่อครบ 3 วัน จึงได้พบอาจารย์ของท่าน แค่เห็นหน้ากัน ยังไม่ทันพูดอะไร อาจารย์ของท่านโดยมือไล่ บอก "ไปๆๆๆๆ ใช้ไม่ได้ ไปพิจารณาใหม่"
คราวนี้ท่านขบคิดให้ละเอียดรอบคอบกว่าเดิม "เออ ดอกไม้นี้เดิมทีมาจากเมล็ด แล้วก็เป็นต้นอ่อน แล้วมีดอก แล้วก็แก่กลายเป็นเมล็ดร่วงหล่นขึ้นเป็นต้น วนไปมาอยู่แบบนี้ เปรียบเหมือนวัฏฏสงสารที่สรรพสัตว์เวียนเกิดเวียนตายอยู่ไม่รู้จบสิ้น"
ครบ 3 วัน มาเจออาจารย์ท่านก็ถามขึ้นมาว่า "เอาอะไรคิดเนี่ย" ท่านจึงตอบว่า "เอาความคิดคิดครับ" อาจารย์ท่านจึงพูดว่า "ฉันไม่ได้ให้ไปคิด ฉันให้ไปพิจารณา" ว่าแล้วท่านก็ส่งกลับไปอีก
คราวนี้ตลอด 3 วันท่านไม่สนใจดอกไม้ นั่งสมาธิ เดินจงกรมให้ใจสบายเมื่อครบ 3 วันก็ถอนออกจากสมาธิ แล้วน้อมจิตไปพิจารณาดอกไม้นั่น คำแค่ 2 คำสั้นๆ ก็ปรากฏแก่ท่านทันที
แล้วท่านก็สอนว่า "ทั้งชีวิตเราใช้ความคิดกันมามาก ให้หัดทำตัวเป็นคนสิ้นคิดกันเสียบ้าง" อาจารย์ของอาตมาสอนว่า "การเป็นพระให้เรียนคำแค่ 2 คำ แล้วจะเป็นพระที่ดีได้"
อีกครั้งหนึ่ง ท่านได้สนทนากับฆราวาสคนหนึ่ง เค้าถามว่า "ท่านอาจารย์ปฏิบัติสายไหนครับ" ท่านก็ตอบว่า "อาตมาก็ปฏิบัติพุทโธธรรมดานี่แหละ" เค้าก็เลยบอกว่า "ท่านหลงซะแล้ว พุทโธไม่มีในพระไตรปิฎก ท่านมาผิดทางแล้ว" แล้วเค้าก็เทศนาให้อาตมาฟังกัณฑ์ใหญ่ ยกสูตรนั่น สูตรนี่มาไม่รู้กี่สูตร อาตมาก็มีแค่ 2 สูดเนี่ย สูดเข้ากับสูดออก อาตมาก็นั่งฟัง ที่จริงไม่ได้ฟังหรอก นั่งสลด "เออ สาธุ สาธุ"
หลวงปู่เกษม สันตจิตโต อาจารย์ของอาตมาสอนว่า "นิ่งดับ ขยับเกิด" เอามาจากสูตรไหนก็ไม่รู้ มีในพระไตรปิฎกหรือเปล่าก็ไม่รู้
หลวงปู่มั่นบอกกับหลวงตามหาบัวว่า "ท่านมหา พระปริยัติที่ท่านเล่าเรียนมานั้นให้เอาขึ้นหิ้งบูชาไว้ก่อน คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นของดี แต่ไม่ใช่ของเรา เพราะตัวเรายังไม่ใช่คนจริง ของจริง มาปฏิบัติเพื่อเอาของจริง ให้รู้จริง เห็นจริง กันดีกว่า" องค์หลวงปู่มั่นเอง ท่านก็เรียนไม่มาก นักธรรมเอกจบหรือเปล่าไม่รู้ แต่ท่านมรณภาพแล้วกระดูกใสเป็นแก้ว สอนเจ้าคุณ มหาเปรียญ มรณภาพแล้ว กระดูกเป็นแก้วนับไม่ถ้วน
(ถอดมาจากคำเทศนาพระอาจารย์ท่านหนึ่ง)
รู้มากยิ่งดีมาก หรือยิ่งหนักมาก ถามใจตัวเองดู ???
คนสิ้นคิด
เมื่อได้รับคำสั่งมาแล้วก็ปฏิบัติตาม ท่านก็ประมวลคำสอนที่ได้สดับมาบ้าง ได้ร่ำเรียนมาบ้าง คิดไปว่า "เออ ดอกไม้นี้ ตอนเด็ดมามันยังสด ผ่านไปวันนึง มันก็เริ่มเหี่ยว ผ่านไปอีกวันมันก็เริ่มแห้งลง และโรยราไปตามลำดับ ย่อมเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
เมื่อครบ 3 วัน จึงได้พบอาจารย์ของท่าน แค่เห็นหน้ากัน ยังไม่ทันพูดอะไร อาจารย์ของท่านโดยมือไล่ บอก "ไปๆๆๆๆ ใช้ไม่ได้ ไปพิจารณาใหม่"
คราวนี้ท่านขบคิดให้ละเอียดรอบคอบกว่าเดิม "เออ ดอกไม้นี้เดิมทีมาจากเมล็ด แล้วก็เป็นต้นอ่อน แล้วมีดอก แล้วก็แก่กลายเป็นเมล็ดร่วงหล่นขึ้นเป็นต้น วนไปมาอยู่แบบนี้ เปรียบเหมือนวัฏฏสงสารที่สรรพสัตว์เวียนเกิดเวียนตายอยู่ไม่รู้จบสิ้น"
ครบ 3 วัน มาเจออาจารย์ท่านก็ถามขึ้นมาว่า "เอาอะไรคิดเนี่ย" ท่านจึงตอบว่า "เอาความคิดคิดครับ" อาจารย์ท่านจึงพูดว่า "ฉันไม่ได้ให้ไปคิด ฉันให้ไปพิจารณา" ว่าแล้วท่านก็ส่งกลับไปอีก
คราวนี้ตลอด 3 วันท่านไม่สนใจดอกไม้ นั่งสมาธิ เดินจงกรมให้ใจสบายเมื่อครบ 3 วันก็ถอนออกจากสมาธิ แล้วน้อมจิตไปพิจารณาดอกไม้นั่น คำแค่ 2 คำสั้นๆ ก็ปรากฏแก่ท่านทันที
แล้วท่านก็สอนว่า "ทั้งชีวิตเราใช้ความคิดกันมามาก ให้หัดทำตัวเป็นคนสิ้นคิดกันเสียบ้าง" อาจารย์ของอาตมาสอนว่า "การเป็นพระให้เรียนคำแค่ 2 คำ แล้วจะเป็นพระที่ดีได้"
อีกครั้งหนึ่ง ท่านได้สนทนากับฆราวาสคนหนึ่ง เค้าถามว่า "ท่านอาจารย์ปฏิบัติสายไหนครับ" ท่านก็ตอบว่า "อาตมาก็ปฏิบัติพุทโธธรรมดานี่แหละ" เค้าก็เลยบอกว่า "ท่านหลงซะแล้ว พุทโธไม่มีในพระไตรปิฎก ท่านมาผิดทางแล้ว" แล้วเค้าก็เทศนาให้อาตมาฟังกัณฑ์ใหญ่ ยกสูตรนั่น สูตรนี่มาไม่รู้กี่สูตร อาตมาก็มีแค่ 2 สูดเนี่ย สูดเข้ากับสูดออก อาตมาก็นั่งฟัง ที่จริงไม่ได้ฟังหรอก นั่งสลด "เออ สาธุ สาธุ"
หลวงปู่เกษม สันตจิตโต อาจารย์ของอาตมาสอนว่า "นิ่งดับ ขยับเกิด" เอามาจากสูตรไหนก็ไม่รู้ มีในพระไตรปิฎกหรือเปล่าก็ไม่รู้
หลวงปู่มั่นบอกกับหลวงตามหาบัวว่า "ท่านมหา พระปริยัติที่ท่านเล่าเรียนมานั้นให้เอาขึ้นหิ้งบูชาไว้ก่อน คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นของดี แต่ไม่ใช่ของเรา เพราะตัวเรายังไม่ใช่คนจริง ของจริง มาปฏิบัติเพื่อเอาของจริง ให้รู้จริง เห็นจริง กันดีกว่า" องค์หลวงปู่มั่นเอง ท่านก็เรียนไม่มาก นักธรรมเอกจบหรือเปล่าไม่รู้ แต่ท่านมรณภาพแล้วกระดูกใสเป็นแก้ว สอนเจ้าคุณ มหาเปรียญ มรณภาพแล้ว กระดูกเป็นแก้วนับไม่ถ้วน
(ถอดมาจากคำเทศนาพระอาจารย์ท่านหนึ่ง)
รู้มากยิ่งดีมาก หรือยิ่งหนักมาก ถามใจตัวเองดู ???