< เรื่องสั้น > --- ลบเลือนความทรงจำ --- ตอนที่ 4

กระทู้สนทนา
“น้องเนตร” อ่านหนังสือไปได้สิบกว่าหน้า ก็ถูกครูใหญ่โบกไม้โบกมือ สั่งให้หยุด

“เอาหละ พอๆ พอแล้วจ้ะ” น้ำเสียงครูใหญ่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้น เธอมองหน้าเด็กชายอายุเพียงสามขวบครึ่งด้วยความทึ่งไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แล้วหันไปหาครูสอนภาษาอังกฤษที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านขวามือของเธอ

“ครูปรีดาคะ ลองมาทดสอบภาษาอังกฤษของเด็กน้อยคนนี้สักหน่อยสิ”

“ครูปรีดา” พยักหน้าตอบ “ได้ครับผม” แล้วก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าน้องเนตร ก่อนเริ่มถามปัญหาทดสอบเด็กน้อย

“อ่านสะกดภาษาอังกฤษได้มากแค่ไหนแล้วครับ ?” เขาถามยิ้มๆ ด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดู

“พออ่านได้บ้างครับ” น้องเนตรตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม

ครูปรีดาพยักหน้าช้าๆ

“โอเค...งั้น ลองเปิดหนังสือภาษาอังกฤษ อ่านให้ครูฟังซักหน่อยนะ”

“ได้ครับ” น้องเนตรตอบพร้อมกับพยักหน้า และหยิบหนังสือภาษาอังกฤษขึ้นมาเปิดอ่านตั้งแต่หน้าแรก

คราวนี้ ทุกคนในห้องเรียนห้องนั้น ตื่นตะลึงมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะน้องเนตร ไม่เพียงแต่จะอ่านได้โดยไม่ผิดเลยแม้แต่คำเดียวแล้ว ยังออกเสียงสเตรส สำเนียง โทนนิ่งของภาษาอังกฤษได้ถูกต้องอีกต่างหาก แม้ว่าจะอ่านช้าหน่อยหนึ่ง แต่ก็ชัดเจน

น้องเนตรอ่านไปสามสี่หน้าเท่านั้น ครูปรีชาก็สั่งให้หยุด แล้วถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่น้องเนตรได้อ่านไปเกือบสิบคำถามโดยถามเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และน้องเนตรก็ตอบได้ถูกต้องทั้งหมดทุกข้อ!!!

“โอเค.....แธ็ตส์ อินัฟ, กู๊ดบอย!” ครูปรีชาบอกเลิกและชมเชย

“แธ้งกิ่ว เซอร์!” น้องเนตรตอบกลับทันที สีหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม ราวกับคนไร้ความรู้สึก

“อะเมซซิ่ง!!” ครูปรีชาร้องคราง หันไปหาแจ๊คกับนิดผู้เป็นพ่อและแม่ และถามอย่างฉงน

“พวกคุณ สอนเค้ายังไงเนี่ย ? ทำไมไปไกลได้ขนาดนี้ ??? ผมว่าเด็กชั้น ป.6 หรือเผลอๆ อาจเลยไปถึง ม.1 ม.2 ยังสู้เค้าไม่ได้เลยครับ!!!”

สองสามีภรรยาได้แต่ยิ้มและส่ายหน้า

“เราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” นิดเป็นผู้ตอบ “เค้าอยู่โรงเรียนอนุบาลได้แค่สามสี่เดือน ครูที่โรงเรียนอนุบาลก็บอกกับเราสองคนว่า คุณไม่ต้องให้เค้ามาอยู่กับเด็กๆพวกนี้แล้ว ให้เค้าเรียนอ่านเขียนอยู่ที่บ้านก็ได้”

“ตอนนั้น เค้าอายุเท่าไรครับ” ครูปรีชาขมวดคิ้วถาม

“ก็...ก่อนหน้าที่จะมาที่โรงเรียนนี้ซักครึ่งปีเห็นจะได้ค่ะ” นิดกล่าว และเหลือบแลดูลูกชายด้วยความรักและปลื้มเป็นล้นพ้น

“แปลว่า......สองขวบกว่า ใกล้จะสามขวบ พวกคุณให้เค้าเข้าโรงเรียนอนุบาล และตอนนี้ สามขวบครึ่ง พวกคุณพาเค้ามาที่นี่วันนี้ เหลือเชื่อมากๆ”

“ตอนอยู่ที่บ้าน คุณสองคนให้เค้าอ่านเขียนทุกวันเลยหรือคะ?” ครูใหญ่ถาม

“เอ้อ...ครับ” แจ๊คตอบ “บางที หรือบ่อยครั้ง เค้าหยิบหนังสือมาอ่านเองเลยก็มี”

“มีหนังสือ ที่ไม่ใช่หนังสือเรียนบ้างไหมคะ ?”

“มีเหมือนกันครับ” แจ๊คพยักหน้า “พอผมหรือนิดภรรยาผมถามว่า อ่านได้หรือลูก ? เค้าก็ตอบว่า พอได้ครับ ว่างั้น”

“แล้วคุณเคยถามเค้าไหม ว่าที่อ่านไปแล้วน่ะเกี่ยวกับอะไรบ้าง ?”

“เคยครับผม และเค้าจำได้ ตอบได้หมดเลยครับ”

“ฮึ่ยย” ครูปรีชาครางออกมายาวๆ ในขณะที่ครูใหญ่ส่งเสียง “ฮุ้ยย” ออกมา ก่อนจะหันไปหาคุณครูอีกคนหนึ่ง

“ครูทัศนีย์คะ ลองทดสอบเด็กดูบ้าง กับวิชาวิทยาศาสตร์”


“ได้ค่ะครูใหญ่” ครูผู้หญิงรูปร่างอวบใส่แว่นหนาเตอะ ตอบรับแล้วลุกจากเก้าอี้ฝั่งซ้าย เดินมาข้างหน้าน้องเนตร แล้วเริ่มพูดกับเด็กมหัศจรรย์

“ครูขอถามหนูเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หน่อยนะ หนูไม่ต้องเปิดหนังสืออ่านละ ได้ยินว่าอยู่ที่บ้านก็ชอบอ่านหนังสือใช่ไหม ?”

น้องเนตรพยักหน้าตอบ “ใช่ครับ”

“รู้จักนักวิทยาศาสตร์บ้างไหม ?”

“รู้จักบ้าง..นิดหน่อยครับ”

“อ้ะ งั้นบอกชื่อมานะ ครูจะถามทีละข้อๆ”

“ครับ”

“ใครสร้างระบบผลิตและแจกจ่ายไฟฟ้าเป็นคนแรก ?”

โธมัส อัลวา เอดิสัน ครับ”

“ใครกล่าวโลกหมุนรอบตัวเอง ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาล ?”

กาลิเลโอ กาลิเลอิ ครับ”

“ก่อนหน้ากาลิเลโอ ใครเคยสร้างแบบจำลองระบบสุริยจักรวาล ?”

นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส ครับ”

“ใครค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก?”

น้องเนตรนิ่ง มองหน้าครูทัศนีย์ครู่หนึ่ง ก่อนให้คำตอบที่ทำให้คุณครูอึ้ง

" แรงโน้มถ่วงของโลก ไม่ต้องให้ใครค้นพบหรอกครับ มันมีตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณครูถามว่า ใครเป็นผู้ค้นพบ กฏแห่งแรงโน้มถ่วงของโลก คำตอบคือ “เซอร์ ไอแซ็ค นิวตั้น ครับ”

" อ่าฮะ....." คุณครูส่งเสียงครางแหบแห้ง...แล้วถามต่อไป

“ใครสร้างรถยนต์คันแรก ?”

เฮนรี่ ฟอร์ด ครับ”

“ใครสร้างเครื่องจักรไอน้ำเป็นคนแรก ?”

เจมส์ วัตต์ ครับ”

“เอิ่ม...”
ครูทัศนีย์อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ “ถามเรื่องดาราศาสตร์บ้างดีกว่า เคยอ่านบ้างไหม?”

เคยครับ ชอบด้วยครับ!!!” น้องเนตรตอบ และคราวนี้ยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนจะกลับไปมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม

“ไหนเรียงลำดับดาวนพเคราะห์ให้ครูฟังซิ เอาที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ไปจนถึงไกลที่สุด ?”

“ครับ....จากใกล้ที่สุดคือ ดาวพุธ แล้วก็ ดาวพระศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน และสุดท้าย ดาวพลูโต ครับ”

“อืม.....รู้จัก โซล่าร์ ซิสเต้ม ไหม ?”

“รู้จักครับ คือระบบที่ มีดาวฤกษ์อยู่เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์หลายดวงโคจรอยู่รอบๆครับ”

“บ๊ะ!” ครูทัศนีย์อุทาน แล้วถามต่อ “รู้จัก กาแลกซี่ ไหม?”

น้องเนตรพยักหน้าตอบทันที “รู้จักครับ”

“มันคืออะไร ?”

“มันเป็นกลุ่มดาวฤกษ์ กลุ่มใหญ่ มีดาวฤกษ์นับล้าน มีโซลาร์ซิสเต้มนับไม่ถ้วน รวมกันอยู่ครับ”

“มีกาแลกซี่เท่าไรในอวกาศ ?” ครูทัศนีย์เริ่มเล่นลวดลายถาม

มีมากจนนับไม่ได้ครับ !!!” น้องเนตรตอบโดยไม่ต้องคิด

“โลกเรา อยู่ในกาแลกซี่ชื่ออะไร ?”

มิ้ลกี้ เวย์ ครับ”

“ภาษาไทยเรียกว่า ?”

ทางช้างเผือก ครับ”

“อืม......กาแลกซี่ที่อยู่ใกล้ทางช้างเผือกมากที่สุด ชื่ออะไร ?”

แอนโดรเมด้าครับ!!”

“ห๊ะ!” คุณครูร่างอวบอุทาน อ้าปากค้าง สตั๊นท์ไปราวสองสามวินาที แล้วถามต่อ

“แอนโดรเมด้า อยู่ห่างจากทางช้างเผือกประมาณเท่าไร ?”

สองจุดสองล้านปีแสง ครับ!!!”

“แสง มีความเร็วเท่าไรจ๊ะ?”

“ประมาณ หนึ่งแสน แปดหมื่น หกพันไมล์ ต่อวินาที หรือสามแสนกิโลเมตรต่อวินาทีครับ”

" 1 ปีแสง มีระยะทางเท่าไร ? "

" เก้าจุดสี่ ล้านล้านกิโลเมตร ครับ !!!"

“ยานอวกาศลำแรกที่มีคนขับโคจรรอบโลกชื่ออะไร?”

สปุตนิก 1 ของรัสเซียครับ”

“ใครเหยียบดวงจันทร์คนแรก ?”

นีล อาร์มสตรอง นักบินอวกาศชาวสหรัฐอเมริกาครับ”

“ตอนที่เขาก้าวลงเหยียบดวงจันทร์ เขาพูดว่าอะไร?”

“เขาบอกว่า That's one small step for man, one giant leap for mankind "

"แปลว่า.??? "

"แปลว่า นี่เป็นก้าวเล็กๆสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ ครับ”

“ฟิ้ววว” ครูทัศนีย์เป่าปากยาว และบอกลาน้องเนตรส่งท้าย ก่อนจะเดินจากไป

“พอแล้วจ้ะ เก่งมาก เก่งมากๆ”

“ขอบคุณครับ” น้องเนตรลุกขึ้นยกมือไหว้ครูทัศนีย์ที่กำลังหันหลังเดินจากไป แล้วนั่งลงนิ่งเงียบ

ทุกคนในห้องพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างอื้ออึง ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ได้พบเด็กอัจฉริยะเข้าแล้ว และจะปล่อยให้ไปที่อื่นไม่ได้ การให้เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้ น่าจะสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนได้เป็นอย่างมากแน่ๆ

ในขณะที่ทุกๆคนกำลังพูดคุยกัน น้องเนตร นั่งนิ่ง หันหน้ามองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ส่งสายตาเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

และบนท้องฟ้านั้น ปรากฏมียานรูปทรงไข่สีเงินยวง สะท้อนแสงอาทิตย์วาววับ ลอยนิ่งอยู่

เด็กน้อย นั่งมองอยู่อย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น สักครู่หนึ่ง ยานลึกลับลำนั้นก็พุ่งสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และหายลับไป

และในที่สุด น้องเนตร ก็ได้เป็นนักเรียนชั้นประถม เรียนอยู่ ณ โรงเรียนแห่งนั้น ......

***************************************************************************************************************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่