ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ
ผม..อ้วนๆดำๆ หน้าตาเรียกว่าไปวัดหมาก็หอน อายุใกล้เลข 3 แล้ว เคยทำงานออฟฟิต แล้วก็มาสานต่อธุรกิจของครอบครัว จนสุดท้ายตอนนี้มาเป็นช่างตัดผมครับ
แฟน..หนุ่มหัวอินเตอร์ แนวความคิดแบบฝรั่ง หน้าตาผิวพรรณขาว ตี๋ อายุ 26 หลายๆคนบอกว่าแฟนผมดูดี เป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยเข้าสังคมเพราะโลกส่วนตัวสูงมากครับ
ก่อนหน้าผมจะเจอน้องเค้า ผมไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนมาก่อน ไม่เคยพาใครมารู้จักกับคนในสังคมของผม ยิ่งบ้านผมล่ะก็...ไม่มีใครเคยได้มาครับ น้องคนนี้แหละครับ เป็นคนแรก ที่ผมเปิดตัวกับครอบครัว เพื่อนฝูง และก็พามาบ้าน
ส่วนน้องเค้า เคยมีแฟนมาก่อนครับ แฟนคนล่าสุดก่อนหน้าผมคบกันมาสองปีกว่าๆ แล้วก็เลิกรากันไปเป็นปี แต่ยังคงสถานะเป็นเพื่อนกัน จากนั้นน้องก็ครองตัวโสดมาตลอดจนมาเจอผมนี่แหละ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากด้านบน จึงไม่แปลกใช่ไหมครับ ที่เวลาผมแนะนำแฟนให้คนรอบข้างรู้จัก คนรอบข้างมักจะกล่าวทำนองว่า "ไปทำเสน่ห์ที่ไหนมา" หรือ "ไปหลอกน้องเค้ามาจากไหน" 555
เริ่มเรื่องดีกว่าครับ
ช่วงปีที่แล้ว (2559) หลังจากที่อกหักมาหลายครั้ง พลาดพลั้งมาหลายหน เลยตัดสินใจเก็บใจไว้ในลิ้นชัก...คงไม่เจอแล้วรักแร้ เอ๊ยรักแท้
และไม่คิดจะจีบใครเป็นตัวเป็นตนอีก ช่วงว่างๆในแต่ละวัน ก็มีแค่คุยกับเพื่อนในกลุ่มไลน์ ส่องเฟสบุคอัพเดตชีวิตเพื่อนๆ ดูอินสตราแกรม ฟังเพลงเรื่อยเปื่อย
และอ่านบอร์ดพันทิป มีตอบบ้างนิดๆหน่อยๆ ส่งหลังไมค์ไปหาใคร ก็จะมีแต่เรื่องที่มีสาระ ไม่เคยส่งและได้รับหลังไมค์จีบใครๆมาก่อน
จนมาวันนึงช่วงกลางเดือน ตุลาคม 2559 ผมก็เปิดพันทิปตามปกติ แต่ที่ผิดปกติคือ เฮ้ย!! มีหลังไมค์ว่ะ จากไหนเนี่ย กดเช็คดูข้อความหน่อย หัวข้อขึ้นมาว่า "พี่น่ารักจังครับ" ผมนี่รีบส่องกระจกดูหน้าตัวเองเลย คิดในหัวว่า หรือเพราะรูปประจำตัวที่เป็นโทนขาวดำเลยช่วยปกปิดความเสื่อมโทรมบนหน้าผมไว้ แต่น้องเค้าไม่ได้ขึ้นรูปหน้าตัวเองนะครับ
ผมตอบน้องเค้าไปว่า "ขอบคุณคร้าบ แต่มันแค่รูปครับ ตัวจริงอ้วนดำ" แต่นั่นกลับเป็นการตอบที่ทำให้น้องอยากรู้จักผมมากขึ้นไปอีก
น้องเค้าหลังไมค์กลับมาในอีกไม่กี่วันว่า "อยากเจอตัวจริงจัง" มันทำให้ผมชักสนใจแล้วสิว่าน้องเค้าถ้าเจอตัวจริงๆ จะรับสภาพผมได้ไหม ผมเลยทิ้งไอดีไลน์สำรองของผมไว้ให้น้องเค้า
ช่วงเวลาหลังจากที่ผมรอน้องเค้าแอดไลน์มา บอกเลยครับว่าลุ้นมาก ว่าหน้าตาน้องเค้าจะเป็นยังไง เพราะมีเพียงแต่ผมที่ยังไม่เคยเห็นหน้าเค้าสักครั้งเลย
และแล้ว น้องเค้าก็แอดไลน์มาครับ รูปโปรไฟล์น้องน่ารักมากครับ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อรูป เลยทำการแลกรูปหน้าตากันเพิ่ม และด้วยความที่ผมอกหักมาเยอะ เจ็บมาเยอะ และขี้เกียจเฟคแล้ว ผมตัดสินใจส่งรูปหน้าเยินๆของผมให้น้องดูและพิจารณาทุกมุม
เราคุยกัน ทำความรู้จักกันได้อย่างไวมากๆ ด้วยความที่ผมทำธุรกิจส่วนตัว และน้องก็ยังว่างงาน เลยทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุยศึกษานิสัยใจคอกันค่อนข้างเยอะครับทั้งข้อความไลน์ โทรไลน์ จนมาถึงการแลกเบอร์
แต่โลกไม่ได้สวยเสมอไปครับ เราคุยกันได้ไม่นานหรอก ด้วยความที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว การอบรมบ่มนิสัยที่และความคิดที่ต่างกันตลอด มันก็จะมีปัญหาให้ไม่เข้าใจกัน (จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น 555)
แล้วช่วงปลายเดือนตุลาคมนั่นแหละ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับน้องตัวเป็นๆ สาเหตุเพราะน้องไม่สบาย ไม่มีใครอยู่ดูแล หลังจากผมเลิกงานที่บ้าน ผมก็ขับรถจากบางใหญ่ มุ่งหน้าไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านเลียบด่วนรามอินทราทันที พอผมใกล้ถึง ผมโทรบอกน้องเค้าให้มารับหน้าบ้าน
โอ๊ย...ผมจอดรถหน้าบ้านน้องเค้าแล้วครับ เห็นหน้าน้องตัวเป็นๆแล้ว ผมไม่อยากลงจากรถเลย ผมมองผ่านฟิล์มกระจกรถที่ค่อนข้างเข้มด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก คิดว่าถ้าน้องเห็นผมแล้ว น้องจะคิดยังไง ผมกลัวน้องจะรับสภาพผมไม่ได้ น้องดูดีเกินไปสำหรับคนอย่างผม แต่เอาวะ มาถึงแล้ว น้องเค้าก็ไม่สบาย ไปเทคแคร์น้องเค้าหน่อยละกัน
และนี่แหละครับ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้เราสองคนคบกัน
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ นิสัยเราสองคนก็ยังคงต่างกันเหมือนเดิม ผมก็ยังคงเป็นคนที่พร่ำบอกว่ารักและคิดถึงน้องเค้าเหมือนเดิม ในทางตรงกันข้าม น้องก็เงียบไม่เคยปริปากให้ได้ยินแม้แต่คำเดียว 5555 เรียกว่า ต่อให้ผมพยายามง้างปากน้องเค้าเท่าไร น้องเค้าก็ไม่พูดครับ
ตั้งแต่มีแฟนคนนี้ ชีวิตมีสีสันขึ้นครับ น้องจะชวนผมไปกินอาหารอะไรที่ไม่เคยกิน ไปสถานที่ที่ไม่เคยไป น้องไม่เคยแสดงอาการว่าอายที่คบผมต่อหน้าสาธารณะเลยครับ อย่างเวลาเดินห้าง น้องจะชอบเดินมาเบียดข้างๆบ้าง เดินแกว่งมือมาโดนกันบ้าง ซื้อขนมมาก็แบ่งกันกัน ป้อนกันกลางห้าง กินข้าวก็สั่งคนละอย่างแล้วก็มาตักๆแบ่ง ฯลฯ ครับ
เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดว่าชีวิตคู่จะดีไปตลอดครับ ณ ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เราสองคนก็ยังทะเลาะกันเพราะเรื่องงี่เง่าเหมือนเดิม น้องเค้าก็จะโกรธผมด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ปรับตัวกันไหม? คงมีผมที่ปรับแหละมั้งครับ เพราะผมโตกว่าน้องเค้านี่นา และอีกอย่างเพราะ "คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน" ผมจึงไม่เบื่อที่จะบอกคำว่า "รัก" "ขอโทษ" "คิดถึง" และอีกมากมายกับน้องเค้าก่อนเสมอๆ
อย่างที่กล่าวไว้บนหัวกระทู้แหละครับ ตอนนี้ ผมไม่รู้หรอก ว่ามันคือความรักไหม... แต่ผมแค่ขาดน้องเค้าไม่ได้แค่นั้นเอง
บางครั้งคนเราไม่ได้ต้องการคนที่ดีพร้อมที่สุด แต่เราต้องการคนที่เข้าใจเราที่สุด และผมก็คิดว่าน้องเค้านี่แหละที่เป็นคนๆนึงที่เข้าใจผม ยอมรับผมในสิ่งที่ผมเป็น ไม่เคยทอดทิ้งผมในวันที่ผมอ่อนล้า ให้กำลังใจในวันที่มืดมน
ขอบคุณนะเด็กดื้อ...ที่จับมือและคอยอยู่เคียงข้างกัน
เกย์ - ไม่รู้ว่า รั ก ไหม...รู้แค่ว่า ข า ด ไม่ได้
ผม..อ้วนๆดำๆ หน้าตาเรียกว่าไปวัดหมาก็หอน อายุใกล้เลข 3 แล้ว เคยทำงานออฟฟิต แล้วก็มาสานต่อธุรกิจของครอบครัว จนสุดท้ายตอนนี้มาเป็นช่างตัดผมครับ
แฟน..หนุ่มหัวอินเตอร์ แนวความคิดแบบฝรั่ง หน้าตาผิวพรรณขาว ตี๋ อายุ 26 หลายๆคนบอกว่าแฟนผมดูดี เป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยเข้าสังคมเพราะโลกส่วนตัวสูงมากครับ
ก่อนหน้าผมจะเจอน้องเค้า ผมไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนมาก่อน ไม่เคยพาใครมารู้จักกับคนในสังคมของผม ยิ่งบ้านผมล่ะก็...ไม่มีใครเคยได้มาครับ น้องคนนี้แหละครับ เป็นคนแรก ที่ผมเปิดตัวกับครอบครัว เพื่อนฝูง และก็พามาบ้าน
ส่วนน้องเค้า เคยมีแฟนมาก่อนครับ แฟนคนล่าสุดก่อนหน้าผมคบกันมาสองปีกว่าๆ แล้วก็เลิกรากันไปเป็นปี แต่ยังคงสถานะเป็นเพื่อนกัน จากนั้นน้องก็ครองตัวโสดมาตลอดจนมาเจอผมนี่แหละ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากด้านบน จึงไม่แปลกใช่ไหมครับ ที่เวลาผมแนะนำแฟนให้คนรอบข้างรู้จัก คนรอบข้างมักจะกล่าวทำนองว่า "ไปทำเสน่ห์ที่ไหนมา" หรือ "ไปหลอกน้องเค้ามาจากไหน" 555
เริ่มเรื่องดีกว่าครับ
ช่วงปีที่แล้ว (2559) หลังจากที่อกหักมาหลายครั้ง พลาดพลั้งมาหลายหน เลยตัดสินใจเก็บใจไว้ในลิ้นชัก...คงไม่เจอแล้วรักแร้ เอ๊ยรักแท้
และไม่คิดจะจีบใครเป็นตัวเป็นตนอีก ช่วงว่างๆในแต่ละวัน ก็มีแค่คุยกับเพื่อนในกลุ่มไลน์ ส่องเฟสบุคอัพเดตชีวิตเพื่อนๆ ดูอินสตราแกรม ฟังเพลงเรื่อยเปื่อย
และอ่านบอร์ดพันทิป มีตอบบ้างนิดๆหน่อยๆ ส่งหลังไมค์ไปหาใคร ก็จะมีแต่เรื่องที่มีสาระ ไม่เคยส่งและได้รับหลังไมค์จีบใครๆมาก่อน
จนมาวันนึงช่วงกลางเดือน ตุลาคม 2559 ผมก็เปิดพันทิปตามปกติ แต่ที่ผิดปกติคือ เฮ้ย!! มีหลังไมค์ว่ะ จากไหนเนี่ย กดเช็คดูข้อความหน่อย หัวข้อขึ้นมาว่า "พี่น่ารักจังครับ" ผมนี่รีบส่องกระจกดูหน้าตัวเองเลย คิดในหัวว่า หรือเพราะรูปประจำตัวที่เป็นโทนขาวดำเลยช่วยปกปิดความเสื่อมโทรมบนหน้าผมไว้ แต่น้องเค้าไม่ได้ขึ้นรูปหน้าตัวเองนะครับ
ผมตอบน้องเค้าไปว่า "ขอบคุณคร้าบ แต่มันแค่รูปครับ ตัวจริงอ้วนดำ" แต่นั่นกลับเป็นการตอบที่ทำให้น้องอยากรู้จักผมมากขึ้นไปอีก
น้องเค้าหลังไมค์กลับมาในอีกไม่กี่วันว่า "อยากเจอตัวจริงจัง" มันทำให้ผมชักสนใจแล้วสิว่าน้องเค้าถ้าเจอตัวจริงๆ จะรับสภาพผมได้ไหม ผมเลยทิ้งไอดีไลน์สำรองของผมไว้ให้น้องเค้า
ช่วงเวลาหลังจากที่ผมรอน้องเค้าแอดไลน์มา บอกเลยครับว่าลุ้นมาก ว่าหน้าตาน้องเค้าจะเป็นยังไง เพราะมีเพียงแต่ผมที่ยังไม่เคยเห็นหน้าเค้าสักครั้งเลย
และแล้ว น้องเค้าก็แอดไลน์มาครับ รูปโปรไฟล์น้องน่ารักมากครับ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อรูป เลยทำการแลกรูปหน้าตากันเพิ่ม และด้วยความที่ผมอกหักมาเยอะ เจ็บมาเยอะ และขี้เกียจเฟคแล้ว ผมตัดสินใจส่งรูปหน้าเยินๆของผมให้น้องดูและพิจารณาทุกมุม
เราคุยกัน ทำความรู้จักกันได้อย่างไวมากๆ ด้วยความที่ผมทำธุรกิจส่วนตัว และน้องก็ยังว่างงาน เลยทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุยศึกษานิสัยใจคอกันค่อนข้างเยอะครับทั้งข้อความไลน์ โทรไลน์ จนมาถึงการแลกเบอร์
แต่โลกไม่ได้สวยเสมอไปครับ เราคุยกันได้ไม่นานหรอก ด้วยความที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว การอบรมบ่มนิสัยที่และความคิดที่ต่างกันตลอด มันก็จะมีปัญหาให้ไม่เข้าใจกัน (จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น 555)
แล้วช่วงปลายเดือนตุลาคมนั่นแหละ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับน้องตัวเป็นๆ สาเหตุเพราะน้องไม่สบาย ไม่มีใครอยู่ดูแล หลังจากผมเลิกงานที่บ้าน ผมก็ขับรถจากบางใหญ่ มุ่งหน้าไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านเลียบด่วนรามอินทราทันที พอผมใกล้ถึง ผมโทรบอกน้องเค้าให้มารับหน้าบ้าน
โอ๊ย...ผมจอดรถหน้าบ้านน้องเค้าแล้วครับ เห็นหน้าน้องตัวเป็นๆแล้ว ผมไม่อยากลงจากรถเลย ผมมองผ่านฟิล์มกระจกรถที่ค่อนข้างเข้มด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก คิดว่าถ้าน้องเห็นผมแล้ว น้องจะคิดยังไง ผมกลัวน้องจะรับสภาพผมไม่ได้ น้องดูดีเกินไปสำหรับคนอย่างผม แต่เอาวะ มาถึงแล้ว น้องเค้าก็ไม่สบาย ไปเทคแคร์น้องเค้าหน่อยละกัน
และนี่แหละครับ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้เราสองคนคบกัน
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ นิสัยเราสองคนก็ยังคงต่างกันเหมือนเดิม ผมก็ยังคงเป็นคนที่พร่ำบอกว่ารักและคิดถึงน้องเค้าเหมือนเดิม ในทางตรงกันข้าม น้องก็เงียบไม่เคยปริปากให้ได้ยินแม้แต่คำเดียว 5555 เรียกว่า ต่อให้ผมพยายามง้างปากน้องเค้าเท่าไร น้องเค้าก็ไม่พูดครับ
ตั้งแต่มีแฟนคนนี้ ชีวิตมีสีสันขึ้นครับ น้องจะชวนผมไปกินอาหารอะไรที่ไม่เคยกิน ไปสถานที่ที่ไม่เคยไป น้องไม่เคยแสดงอาการว่าอายที่คบผมต่อหน้าสาธารณะเลยครับ อย่างเวลาเดินห้าง น้องจะชอบเดินมาเบียดข้างๆบ้าง เดินแกว่งมือมาโดนกันบ้าง ซื้อขนมมาก็แบ่งกันกัน ป้อนกันกลางห้าง กินข้าวก็สั่งคนละอย่างแล้วก็มาตักๆแบ่ง ฯลฯ ครับ
เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดว่าชีวิตคู่จะดีไปตลอดครับ ณ ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เราสองคนก็ยังทะเลาะกันเพราะเรื่องงี่เง่าเหมือนเดิม น้องเค้าก็จะโกรธผมด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ปรับตัวกันไหม? คงมีผมที่ปรับแหละมั้งครับ เพราะผมโตกว่าน้องเค้านี่นา และอีกอย่างเพราะ "คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน" ผมจึงไม่เบื่อที่จะบอกคำว่า "รัก" "ขอโทษ" "คิดถึง" และอีกมากมายกับน้องเค้าก่อนเสมอๆ
อย่างที่กล่าวไว้บนหัวกระทู้แหละครับ ตอนนี้ ผมไม่รู้หรอก ว่ามันคือความรักไหม... แต่ผมแค่ขาดน้องเค้าไม่ได้แค่นั้นเอง
บางครั้งคนเราไม่ได้ต้องการคนที่ดีพร้อมที่สุด แต่เราต้องการคนที่เข้าใจเราที่สุด และผมก็คิดว่าน้องเค้านี่แหละที่เป็นคนๆนึงที่เข้าใจผม ยอมรับผมในสิ่งที่ผมเป็น ไม่เคยทอดทิ้งผมในวันที่ผมอ่อนล้า ให้กำลังใจในวันที่มืดมน
ขอบคุณนะเด็กดื้อ...ที่จับมือและคอยอยู่เคียงข้างกัน