.
หนึ่งฤดูกาลแรกของการคุมทีมเต็มๆของ กุนซือ เฮฟวี่ เมทอล อย่าง เจอร์เก้น คล้อป ถือว่าสอบผ่านในระดับที่แฟนคลับหงส์แดงต่างยอมรับได้ และร่วมดีใจไปกับผลงานของทีมที่ย่างกรายกลับไปสู่เวทีใหญ่ของยุโรปในฟุตบอล UCL อีกครั้ง ที่แม้จะต้องลุ้นเหนื่อยจนนัดสุดท้าย กว่าจะเข้าป้ายได้อันดับ 4 ชิงพื้นที่สุดท้ายมาได้แบบทุลักทุเลก็ตามที
เพราะทั้งนี้พื้นฐานสแตนดาร์ดเป้าหมายที่ตัวคล้อปเองหรือแฟนบอลของทีมคาดหวังในปีที่ผ่านมานั้น ก็คือพยายามจบอันดับเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลด้วยการติด 1 ใน 4 พาทีมกลับไปสู่จุดที่ ทีมที่มีอดีตอันยิ่งใหญ่ควรจะเป็น
เมื่อทำได้ตามเป้าก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ถึงบางทีความคาดหมายบางช่วงบางตอนของแฟนบอลอาจเตลิดเผลอคิดไปไกลเมื่อทีมทำผลงานได้อย่างร้อนแรงตอนครึ่งแรกของฤดูกาล ซึ่งมันก็อาจจะทำให้เสียดายเล็กๆ ที่ทีมรักษาความสม่ำเสมอไว้ไม่ได้ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างเล็กๆน้อยๆ ที่ก่อให้เกิดความไม่เสถียรในการรักษาฟอร์มการเล่นของทีม และเป็นเหตุให้ต้องมาเหนื่อยตอนท้าย ลุ้นกันแทบตายเพื่อหวังจะให้ทีมเข้าป้ายได้ตามที่หวังไว้ตอนแรก
แต่ถ้ามองให้ละเอียด ไอ้ความเสียดายเล็กๆจากปัจจัยน้อยๆที่ว่านี้แหละ อาจจะช่วยให้มองเห็นข้อผิดพลาดของตัวเราเองชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถคิดหาวิธีแก้ไขให้ปัจจัยเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบกับทีมอีกในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง
และเมื่อย้อนดูสถิติการเล่นปีที่ผ่านมาเทียบกับทีมระดับท็อปนับเฉพาะที่มีลุ้นพื้นที่ยุโรปในโซนด้านบนของตาราง มีอยู่ 6 ทีม (เซลซี สเปอร์ แมนซิตี้ ลิเวอร์พูล อาเซน่อล และแมนยู)ที่ขับเคี่ยวชิงชัยแย่งพื้นที่ยุโรปที่มีอยู่จำกัดเพียง 5 ทีม ตามความเห็นของผมเห็นว่า
มีอยู่จุดหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากและต้องหาทางแก้ไข หากลิเวอร์พูลคิดจะไปให้ไกลกว่าเดิม ซึ่งความจริงมีตัวเลขทางสถิติหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าเมื่อปีที่แล้วทีมเรายังทำผลงานบางสิ่งบางอย่างไม่ดีพอ แต่ผมขอเลือกมาเขียนในจุดนี้ เพราะเหมือนว่าเราจะไม่ได้พูดถึงกันมากเท่าไร ไม่เหมือนเรื่องการแก้ไขการตั้งรับลูกเซ็ตพีท หรือหาทางรับมือกับลูกโด่งจากการครอสด้านข้าง หรือปัญหามีตัวหลักไม่เพียงพอกับการรับมือโปรแกรมการแข่งขันจากปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นจุดอ่อนของลิเวอร์พูลในปีที่แล้ว
และจุดที่ผมหยิบมาเขียนนั้นคือ
ความผิดพลาดส่วนบุคคล หรือ Error ที่ต้องหาทางจัดการแก้ไขให้มีน้อยกว่านี้
ถึงจะรู้ดีว่ามนุษย์ทุกคนผิดพลาดกันได้ แต่การจะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ เรื่องแบบนี้ต้องพยายามให้มีให้น้อยที่สุด เพราะจากสถิติปีที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า
ลิเวอร์พูลเสียประตูจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของนักเตะคนใดคนหนึ่ง มากที่สุดในบรรดา 6 ทีมที่แข่งขันกันแย่งพื้นที่ถ้วยยุโรป ผู้เล่นลิเวอร์พูลเล่นผิดพลาดเองจนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตูมากที่สุดในบรรดา 6 ทีม ทั้งๆที่ทีมลิเวอร์พูลไม่มีการทำเข้าประตูตัวเองแม้แต่ลูกเดียวในฤดูกาลที่แล้ว ในขณะที่ทีมคู่แข่งในระดับท็อปอีก 5 ทีม ต่างมีการทำเข้าประตูตัวเองทุกทีมซึ่งก็นับเป็นการ Error เช่นกัน
เมื่อนับรวมการเล่นผิดพลาดทุกอย่างแล้ว ลิเวอร์พูลมีการเล่นผิดพลาดของผู้เล่นจนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตู 10 ครั้ง ในขณะที่ทีมคู่แข่งระดับท็อปทีมอื่นๆอีก 5 ทีมนั้น เล่นผิดพลาดเองน้อยกว่าเราทั้งสิ้น
อยากรู้ว่าทีมไหนทำเสียเองเท่าไร..? เลือกจิ้มดูกันเลยครับ (เรียงตามลำดับในตารางคะแนน)
เซลซี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สเปอร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แมนซิตี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลิเวอร์พูล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาเซน่อล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แมนยู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่แย่ไปกว่านั้น คือในยามที่ลิเวอร์พูลเล่นพลาดเอง ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะไม่ได้ถึง 6 เกมส์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในขณะที่คู่แข่งทีมอื่นๆ ถึงเขาจะเล่นพลาดหรือทำเข้าประตูตัวเองนั้น แต่พวกเขาก็ยังพลิกกลับมาชนะได้ในท้ายที่สุดเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ลิเวอร์พูลพลาดแล้วยังกลับมาชนะได้แค่ 2 เกมส์เท่านั้น(ชนะในนัดที่พบกับเลสเตอร์ต้นฤดูกาล 4-1 กับนัดที่พบกับคริสตันพาเลชแล้วชนะ 4-2) นั่นหมายความว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ลิเวอร์พูลเกิดความสูญเสียทางคะแนนมากที่สุดในบรรดาทีมที่แย่งกันชิงพื้นที่ยุโรป จากการเล่นผิดพลาดของตัวเอง
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ปัจจัยที่คิดว่าเล็กน้อยในตอนแรก ก็ดูจะเป็นปัญหาขึ้นมาจริงๆซะแล้ว ถ้าอาการแบบนี้ยังมีอยู่ต่อไปในฤดูกาลหน้า ดังนั้น เจอร์เก้น คล้อปจะต้องหาวิธีแก้ไขไม่ให้ลูกทีม เล่นผิดพลาดซ้ำรอยเก่าอีก ถึงจะรู้ว่ายังไงก็คงยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ เพราะคนยังไงก็ต้องมีความผิดพลาด แต่มันก็ยังดีกว่าถ้าลดระดับลงมาให้ใกล้เคียงกับทีมคู่ต่อสู้ที่แย่งชิงพื้นที่ถ้วยยุโรป ไม่ให้ปัญหาแบบนี้มาบั่นทอนคะแนนของทีมที่ควรจะได้ แม้อาจไม่ใช่ 3 คะแนนทุกครั้ง แต่ 1 คะแนนจากการเสมอก็ยังดีกว่าการไม่ได้อะไรเลย นอกจากความเจ็บใจที่ต้องเก็บกลับไปหลังจากการแข่งขัน
และนั้นเป็นจุดสำคัญที่เราแฟนบอล ก็สามารถรู้ได้โดยใช้การมองสถิติย้อนหลัง
ป.ล.ออกมาตั้งกะทู้นอกบ้านบ้าง จะได้มีกะทู้เรื่องอื่นๆนอกเหนือจากการบลัฟที่หาสาระประโยชน์อะไรไม่ได้เลย นอกจากสร้างความเกลียดชังกัน จึงไปหาหัวข้อเรื่องฟุตบอลจริงๆมาตั้งประเด็นให้ได้คุยกัน เพราะฟุตบอลมันมีเรื่องให้คุยมากกว่าแค่คุยโม้ หรือทับถมคนอื่น
คุยกันเรื่องสาระประโยชน์นั้นก็สามารถสร้างอรรถรสในการเชียร์ฟุตบอลได้เช่นกัน
ขอบคุณครับ
*แก้ไขคำผิด 13.24
Liverpool มองปีที่ผ่านมา เพื่อมุ่งไปข้างหน้าให้ไกลขึ้น กับข้อสังเกตทางสถิติบางอย่าง
หนึ่งฤดูกาลแรกของการคุมทีมเต็มๆของ กุนซือ เฮฟวี่ เมทอล อย่าง เจอร์เก้น คล้อป ถือว่าสอบผ่านในระดับที่แฟนคลับหงส์แดงต่างยอมรับได้ และร่วมดีใจไปกับผลงานของทีมที่ย่างกรายกลับไปสู่เวทีใหญ่ของยุโรปในฟุตบอล UCL อีกครั้ง ที่แม้จะต้องลุ้นเหนื่อยจนนัดสุดท้าย กว่าจะเข้าป้ายได้อันดับ 4 ชิงพื้นที่สุดท้ายมาได้แบบทุลักทุเลก็ตามที
เพราะทั้งนี้พื้นฐานสแตนดาร์ดเป้าหมายที่ตัวคล้อปเองหรือแฟนบอลของทีมคาดหวังในปีที่ผ่านมานั้น ก็คือพยายามจบอันดับเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลด้วยการติด 1 ใน 4 พาทีมกลับไปสู่จุดที่ ทีมที่มีอดีตอันยิ่งใหญ่ควรจะเป็น
เมื่อทำได้ตามเป้าก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ถึงบางทีความคาดหมายบางช่วงบางตอนของแฟนบอลอาจเตลิดเผลอคิดไปไกลเมื่อทีมทำผลงานได้อย่างร้อนแรงตอนครึ่งแรกของฤดูกาล ซึ่งมันก็อาจจะทำให้เสียดายเล็กๆ ที่ทีมรักษาความสม่ำเสมอไว้ไม่ได้ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างเล็กๆน้อยๆ ที่ก่อให้เกิดความไม่เสถียรในการรักษาฟอร์มการเล่นของทีม และเป็นเหตุให้ต้องมาเหนื่อยตอนท้าย ลุ้นกันแทบตายเพื่อหวังจะให้ทีมเข้าป้ายได้ตามที่หวังไว้ตอนแรก
แต่ถ้ามองให้ละเอียด ไอ้ความเสียดายเล็กๆจากปัจจัยน้อยๆที่ว่านี้แหละ อาจจะช่วยให้มองเห็นข้อผิดพลาดของตัวเราเองชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถคิดหาวิธีแก้ไขให้ปัจจัยเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบกับทีมอีกในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง
และเมื่อย้อนดูสถิติการเล่นปีที่ผ่านมาเทียบกับทีมระดับท็อปนับเฉพาะที่มีลุ้นพื้นที่ยุโรปในโซนด้านบนของตาราง มีอยู่ 6 ทีม (เซลซี สเปอร์ แมนซิตี้ ลิเวอร์พูล อาเซน่อล และแมนยู)ที่ขับเคี่ยวชิงชัยแย่งพื้นที่ยุโรปที่มีอยู่จำกัดเพียง 5 ทีม ตามความเห็นของผมเห็นว่า มีอยู่จุดหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากและต้องหาทางแก้ไข หากลิเวอร์พูลคิดจะไปให้ไกลกว่าเดิม ซึ่งความจริงมีตัวเลขทางสถิติหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าเมื่อปีที่แล้วทีมเรายังทำผลงานบางสิ่งบางอย่างไม่ดีพอ แต่ผมขอเลือกมาเขียนในจุดนี้ เพราะเหมือนว่าเราจะไม่ได้พูดถึงกันมากเท่าไร ไม่เหมือนเรื่องการแก้ไขการตั้งรับลูกเซ็ตพีท หรือหาทางรับมือกับลูกโด่งจากการครอสด้านข้าง หรือปัญหามีตัวหลักไม่เพียงพอกับการรับมือโปรแกรมการแข่งขันจากปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นจุดอ่อนของลิเวอร์พูลในปีที่แล้ว
และจุดที่ผมหยิบมาเขียนนั้นคือ
ความผิดพลาดส่วนบุคคล หรือ Error ที่ต้องหาทางจัดการแก้ไขให้มีน้อยกว่านี้
ถึงจะรู้ดีว่ามนุษย์ทุกคนผิดพลาดกันได้ แต่การจะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ เรื่องแบบนี้ต้องพยายามให้มีให้น้อยที่สุด เพราะจากสถิติปีที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ลิเวอร์พูลเสียประตูจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของนักเตะคนใดคนหนึ่ง มากที่สุดในบรรดา 6 ทีมที่แข่งขันกันแย่งพื้นที่ถ้วยยุโรป ผู้เล่นลิเวอร์พูลเล่นผิดพลาดเองจนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตูมากที่สุดในบรรดา 6 ทีม ทั้งๆที่ทีมลิเวอร์พูลไม่มีการทำเข้าประตูตัวเองแม้แต่ลูกเดียวในฤดูกาลที่แล้ว ในขณะที่ทีมคู่แข่งในระดับท็อปอีก 5 ทีม ต่างมีการทำเข้าประตูตัวเองทุกทีมซึ่งก็นับเป็นการ Error เช่นกัน
เมื่อนับรวมการเล่นผิดพลาดทุกอย่างแล้ว ลิเวอร์พูลมีการเล่นผิดพลาดของผู้เล่นจนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตู 10 ครั้ง ในขณะที่ทีมคู่แข่งระดับท็อปทีมอื่นๆอีก 5 ทีมนั้น เล่นผิดพลาดเองน้อยกว่าเราทั้งสิ้น
เซลซี [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สเปอร์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แมนซิตี้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลิเวอร์พูล [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาเซน่อล [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แมนยู [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่แย่ไปกว่านั้น คือในยามที่ลิเวอร์พูลเล่นพลาดเอง ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะไม่ได้ถึง 6 เกมส์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในขณะที่คู่แข่งทีมอื่นๆ ถึงเขาจะเล่นพลาดหรือทำเข้าประตูตัวเองนั้น แต่พวกเขาก็ยังพลิกกลับมาชนะได้ในท้ายที่สุดเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ลิเวอร์พูลพลาดแล้วยังกลับมาชนะได้แค่ 2 เกมส์เท่านั้น(ชนะในนัดที่พบกับเลสเตอร์ต้นฤดูกาล 4-1 กับนัดที่พบกับคริสตันพาเลชแล้วชนะ 4-2) นั่นหมายความว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ลิเวอร์พูลเกิดความสูญเสียทางคะแนนมากที่สุดในบรรดาทีมที่แย่งกันชิงพื้นที่ยุโรป จากการเล่นผิดพลาดของตัวเอง
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ปัจจัยที่คิดว่าเล็กน้อยในตอนแรก ก็ดูจะเป็นปัญหาขึ้นมาจริงๆซะแล้ว ถ้าอาการแบบนี้ยังมีอยู่ต่อไปในฤดูกาลหน้า ดังนั้น เจอร์เก้น คล้อปจะต้องหาวิธีแก้ไขไม่ให้ลูกทีม เล่นผิดพลาดซ้ำรอยเก่าอีก ถึงจะรู้ว่ายังไงก็คงยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ เพราะคนยังไงก็ต้องมีความผิดพลาด แต่มันก็ยังดีกว่าถ้าลดระดับลงมาให้ใกล้เคียงกับทีมคู่ต่อสู้ที่แย่งชิงพื้นที่ถ้วยยุโรป ไม่ให้ปัญหาแบบนี้มาบั่นทอนคะแนนของทีมที่ควรจะได้ แม้อาจไม่ใช่ 3 คะแนนทุกครั้ง แต่ 1 คะแนนจากการเสมอก็ยังดีกว่าการไม่ได้อะไรเลย นอกจากความเจ็บใจที่ต้องเก็บกลับไปหลังจากการแข่งขัน
และนั้นเป็นจุดสำคัญที่เราแฟนบอล ก็สามารถรู้ได้โดยใช้การมองสถิติย้อนหลัง
ป.ล.ออกมาตั้งกะทู้นอกบ้านบ้าง จะได้มีกะทู้เรื่องอื่นๆนอกเหนือจากการบลัฟที่หาสาระประโยชน์อะไรไม่ได้เลย นอกจากสร้างความเกลียดชังกัน จึงไปหาหัวข้อเรื่องฟุตบอลจริงๆมาตั้งประเด็นให้ได้คุยกัน เพราะฟุตบอลมันมีเรื่องให้คุยมากกว่าแค่คุยโม้ หรือทับถมคนอื่น
คุยกันเรื่องสาระประโยชน์นั้นก็สามารถสร้างอรรถรสในการเชียร์ฟุตบอลได้เช่นกัน
ขอบคุณครับ
*แก้ไขคำผิด 13.24