นี่เป็นกระทู้แรกที่เราเขียน ผิดพลาดอย่างไรต้องขอโทษด้วยนะคะ.
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับพ่อของเราเอง เคยได้ยินเรื่องพระจันทร์แดงกันไหมคะ ว่ากันว่าถ้ากลางคืนมีพระจันทร์แดงพยายามอย่าออกจากบ้าน โดยเฉพาะคนเกิดราศีกันย์และราศีมีน(เรื่องราศีนี้เราไม่ค่อยแน่ใจนะแต่เคยได้ยินมา)
เรื่องมีอยู่ว่า... ย้อนกลับไปประมาณ20กว่าปีที่แล้ว ตอนที่พ่อยังหนุ่มๆอยู่ตอนนั้นพ่ออาศัยอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีบ้านเกิดของพ่อ พ่อต้องออกมาหางานทำในเมืองแล้ววันนั้นพ่อกลับบ้านดึกรถสองแถวใหญ่ที่พ่อนั่งมาก็หมดระยะแค่ทางสามแยกที่ห่างจากบ้านมาก ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนพ่อก็ต้องกลับบ้านเพราะเดี๋ยวแม่ตี(ย่าของเราเอง)และต้องเดินกลับ ด้วยความที่ตอนนั้นพ่อยังหนุ่มๆอยู่เลยไม่ได้คิดอะไร พ่อก็เดินมาเรื่อยๆสักพักหนึ่งพ่อก็มองไปที่ดวงจันทร์พ่อบอกว่าจำได้ว่าคืนนั้นที่เห็นดวงจันทร์มันมีสีแดงน่ากลัวทางก็ไม่ค่อยมีไฟมืดๆแต่พ่อก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่ดี พ่อเดินห่างจากตรงที่ลงจากรถมาได้ไม่ไกลมากมองไปอีกทีสองข้างทางก็เป็นไร่มันสำปะรังแล้วก็มีก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งตั้งอยู่ตรงไร่ฝั่งที่พ่อเดิน บนก้อนหินพ่อเห็นมีผู้ชายและผู้หญิงกำลังนั่งคุยกันอยู่ พ่อก็ได้แต่คิดว่ามานั่งคุยอะไรกันอยู่ตรงนี้ดึกๆดื่นๆแต่เหมือนว่าสองคนนั้นจะได้ยินสิ่งที่พ่อคิดเขาทั้งสองคนก็ค่อยๆหันมาหาพ่ออย่างช้าๆ แต่!!!! เขาก็ไม่ได้หันมาแบบธรรมดา เขาทั้งสองคนนั่งหันหลังให้พ่อเราแต่สิ่งที่เขาทำคือเขาหันมาแต่หัว 360องศาตัวเขาอยู่เฉยๆแต่หน้าเขาหันมาถึงหลังเขาจ้องมาที่หน้าพ่อหน้าเขาซีดไม่มีสีสันของหน้าคนเลย พอพ่อเห็นพ่อก็ลมแทบจับแต่ว่าพยายามรวบรวมสติแล้วก็รีบเดินไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ย้ำ!! ว่าเดินให้เร็วที่สุดไม่ใช่วิ่งนะ!!! พ่อรีบหาบ้านคนแถวนั้นที่ใกล้ที่สุดและขอเข้าไปพักในบ้าน(สมัยก่อนคนต่างจังหวัดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันจึงให้เข้ามาพักในบ้านได้) ทุกวันนี้เวลาพ่อกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้วผ่านจุดนั้นพ่อก็จะสวดมนต์ให้ทุกที
เรื่องก็มีเท่านี้นะคะ.. แต่ว่าเรื่องของพ่อมีอีกหลายเรื่องเลย ถ้าว่างๆจะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ ขอบคุณค่า.
คืนพระจันทร์แดง
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับพ่อของเราเอง เคยได้ยินเรื่องพระจันทร์แดงกันไหมคะ ว่ากันว่าถ้ากลางคืนมีพระจันทร์แดงพยายามอย่าออกจากบ้าน โดยเฉพาะคนเกิดราศีกันย์และราศีมีน(เรื่องราศีนี้เราไม่ค่อยแน่ใจนะแต่เคยได้ยินมา)
เรื่องมีอยู่ว่า... ย้อนกลับไปประมาณ20กว่าปีที่แล้ว ตอนที่พ่อยังหนุ่มๆอยู่ตอนนั้นพ่ออาศัยอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีบ้านเกิดของพ่อ พ่อต้องออกมาหางานทำในเมืองแล้ววันนั้นพ่อกลับบ้านดึกรถสองแถวใหญ่ที่พ่อนั่งมาก็หมดระยะแค่ทางสามแยกที่ห่างจากบ้านมาก ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนพ่อก็ต้องกลับบ้านเพราะเดี๋ยวแม่ตี(ย่าของเราเอง)และต้องเดินกลับ ด้วยความที่ตอนนั้นพ่อยังหนุ่มๆอยู่เลยไม่ได้คิดอะไร พ่อก็เดินมาเรื่อยๆสักพักหนึ่งพ่อก็มองไปที่ดวงจันทร์พ่อบอกว่าจำได้ว่าคืนนั้นที่เห็นดวงจันทร์มันมีสีแดงน่ากลัวทางก็ไม่ค่อยมีไฟมืดๆแต่พ่อก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่ดี พ่อเดินห่างจากตรงที่ลงจากรถมาได้ไม่ไกลมากมองไปอีกทีสองข้างทางก็เป็นไร่มันสำปะรังแล้วก็มีก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งตั้งอยู่ตรงไร่ฝั่งที่พ่อเดิน บนก้อนหินพ่อเห็นมีผู้ชายและผู้หญิงกำลังนั่งคุยกันอยู่ พ่อก็ได้แต่คิดว่ามานั่งคุยอะไรกันอยู่ตรงนี้ดึกๆดื่นๆแต่เหมือนว่าสองคนนั้นจะได้ยินสิ่งที่พ่อคิดเขาทั้งสองคนก็ค่อยๆหันมาหาพ่ออย่างช้าๆ แต่!!!! เขาก็ไม่ได้หันมาแบบธรรมดา เขาทั้งสองคนนั่งหันหลังให้พ่อเราแต่สิ่งที่เขาทำคือเขาหันมาแต่หัว 360องศาตัวเขาอยู่เฉยๆแต่หน้าเขาหันมาถึงหลังเขาจ้องมาที่หน้าพ่อหน้าเขาซีดไม่มีสีสันของหน้าคนเลย พอพ่อเห็นพ่อก็ลมแทบจับแต่ว่าพยายามรวบรวมสติแล้วก็รีบเดินไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ย้ำ!! ว่าเดินให้เร็วที่สุดไม่ใช่วิ่งนะ!!! พ่อรีบหาบ้านคนแถวนั้นที่ใกล้ที่สุดและขอเข้าไปพักในบ้าน(สมัยก่อนคนต่างจังหวัดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันจึงให้เข้ามาพักในบ้านได้) ทุกวันนี้เวลาพ่อกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้วผ่านจุดนั้นพ่อก็จะสวดมนต์ให้ทุกที
เรื่องก็มีเท่านี้นะคะ.. แต่ว่าเรื่องของพ่อมีอีกหลายเรื่องเลย ถ้าว่างๆจะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ ขอบคุณค่า.