

รีวิวนี้จริงๆติดพันมาตั้งแต่ก่อนเดือนมีนาคม 2560 แล้วล่ะครับ ก่อนที่ผมจะไป Kota Kinabalu ช่วงนั้นก็นั่งอ่านรีวิวไปเรื่อยๆตามสไตล์ตากล้องจะออกท่องเที่ยว ไปเดินเหนื่อยทั้งที ถ่ายอะไรดีนะ
ขึ้นเขาขึ้นดอย ต้องตื่นมาเดินดึกดื่นๆด้วย คงหนีไม่พ้นถ่ายดาว เกิดมาไม่เคยถ่ายดาวครับ อันนี้ยอมรับตรงๆ เปิดตำราดูมันไม่ยากเท่าไหร่ ไปลองที่อ่างขางก็ได้ดาวมานิดๆหน่อยๆ พอไป Kota Kinabalu ก็ได้หางของทางช้างเผือกมาโชว์เขาบ้าง เริ่มมาจริงจังก็ตอนไปทริปกับอาจารย์โอที่ทาง Epson จัดนั่นแหละครับ
เอ้าขอเข้าเรื่องข้อจำกัดของการถ่ายดาวสักนิดนึงนะครับ
1.แสงดาวไม่ได้สว่างมากมายนะครับ ISO ที่ใช้จึงต้องสูง 3200 ขึ้นไป รูรับแสงถ้ากว้างได้ก็ดี แต่ F4 ก็พอไหวสำหรับ ultrawide angle
2.เนื่องจากโลกเราหมุนรอบแกนดังนั้นถ้าเราเปิดหน้ากล้องนาน ดาวก็จะไม่กลม ลากหางยาวๆออกมา เหมือนดาวตกอะไรแบบนั้นแต่เป็นเส้นโค้งๆขนานๆกันไปนะครับ
3.ถ้าไม่อยากให้ดาวลากหาง ก็มีคนคิดสูตรขึ้นมาว่าเอา 600 หรือ 500 ตั้งหารด้วยทางยาวโฟกัส ก็จะได้ระยะเวลาของการเปิดหน้ากล้องเป็นวินาที เช่น เลนส์ทางยาว 35 มม. ก็จะต้องเปิดหน้ากล้องไม่เกิน 600/35 = 17 วินาที ถ้ามันมืดก็ไปขยายรูรับแสง หรือเพิ่ม ISO เอา (แน่นอนถ้าเพิ่ม ISO ก็จะได้ noise ตามมาเพียบ)
พอจะเห็นปัญหากันบ้างรึยังครับ ถ้าเราอยากใช้ ISO น้อยๆ ต้องเปิดหน้ากล้องนาน ดาวก็ลากหาง อันนี้ยังไม่รวมเรื่องเลนส์คุณภาพไม่ดีที่จะมีดาวที่ขอบมุมภาพไม่กลมอีกนะครับ (coma and astigmatism) แล้วยิ่งถ้าเราจะเจาะเอาบางส่วนของกลุ่มดาว เราต้องใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสสูงขึ้นเวลาเปิดหน้ากล้องยิ่งลดลงถ้าไม่อยากให้ดาวลากหางตามสูตรข้างบน ปัญหาทั้งหมดนี้หมดไปได้ด้วย มอเตอร์ตามดาว ครับ
หลักการคือ เราเอาแกนหมุนของมอเตอร์ชี้ไปที่ตำแหน่ง แกนหมุนของโลกทางทิศเหนือ (polar alignment) ขั้นตอนนี้ไม่ง่ายครับ ตั้งขาตั้ง ปรับระดับน้ำให้ระนาบสามมิติ เปิดหาพิกัด เอาพิกัดเราไปคำนวนตามวันเดือนปี เวลา ว่าใน polar scope ดาวเหนือจะต้องอยู่ที่จุดขีดไหน พอได้ทั้งหมดนี้แล้ว ค่อยเอากล้องมาติดเข้ากับแกนมอเตอร์คราวนี้กล้องจะหันไปทางไหนบนฟ้าได้หมด ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาผมลองเองนะ ยี่สิบนาทีเป็นอย่างน้อย และน้ำหนักที่ต้องแบกไปเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1.5-2.5 กิโลกรัม

เอ้าเข้าเรื่อง งานขายต้องมา ปัญหาที่ว่ามาเกือบจะทั้งหมดนี้ (ไม่ทั้งหมดนะ ตัวมอเตอร์ตามดาวยังทำได้มากกว่าอยู่ดี) แก้ได้ด้วย..........
PENTAX K-1 ครับ ตัวกล้อง K-1 จะมี GPS ภายในตัว พร้อมเข็มทิศและตัววัดความเอียงสามมิติ มันฉลาดพอที่จะรู้ว่าตัวมันเองอยู่จุดไหนบนโลกหันหน้ากล้องไปทิศไหน ก้มเงยเอียงอย่างไร พอมันรู้แบบนี้ก็เอาข้มูลไปขยับเซนเซอร์ให้เคลื่อนที่ตามดาวไปครับ.....น่าทึ่งอย่างยิ่ง
แต่เนื่องจากเป็นการขยับเซนเซอร์ตามดาวเคลื่อนที่ มันก็เลยมีข้อจำกัด นานมากก็ตามไม่ได้ละ ถ้าถามว่านานแค่ไหน อันนี้มันขึ้นกับทางยาวโฟกัสเลนส์ที่เลือกใช้ แต่ที่ผมลอง 70 มม ได้มากถึง 47 วินาที โดยกลุ่มดาวแมงป่องยังกลมดิ๊กอยู่เลยครับ

การเปิดการใช้งานไม่ยากลำบากอะไรเลยครับ กดเปิดปุ่ม GPS ที่กระโหลกกล้องด้านขวา เข้าไปที่เมนู ASTROTRACKER แล้วเปิด จากนั้นก็ calibrate ตัวกล้องให้จับวัดตำแหน่งด้วยการหมุนตัวกล้องพร้อมเลนส์ไป 180 องศา สามแนวแกน ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่เกิน 3 นาที ทำแค่ครั้งเดียวถ้าไม่ย้ายสถานที่ถ่ายแบบข้ามอำเภอนะครับ (ถ้าอยู่ตำแหน่งเดิม ปิดเปิดกล้องไม่ต้อง calibrate ใหม่)

กระทู้นี้รีวิวกล้อง แต่มีเลนส์ 24-70 F2.8 ติดกล้องมาด้วย ลองมองดูที่ขอบภาพครับ ผมหา coma, astigmatism ไม่เจอครับ เลนส์ตัวนี้ของเค้าดีจริง
เริ่มด้วยเรื่องดาว จบด้วยเรื่องกล้องครับ Pentax K-1
ผมตั้งชื่อเล่นมันว่า เจ้ารถถัง ครับ จอด้านหลังขยับได้ด้วยก้านและ ball and socket ไม่เหมือนใคร ถ่ายงานปกติงามมากทั้งกลางวันกลางคืน ถ่ายดาวงามที่สุด (แน่ล่ะเหมือนมีมอเตอร์ตามดาวอยู่ในตัว) ส่วนไฟล์ภาพแบบ RAW ดึงได้มหาศาลครับ ไม่มีวุ้นแน่นอน ข้อเสียมีสองข้อ ข้อแรกมันหนักครับ ข้อสองจอ LCD ด้านหลังเวลาเราเอาตาเข้าไปมอง view finder มันไม่ดับเอง ต้องกดชัตเตอร์ครึ่งนึงมันถึงดับ แต่เลือกปิด หรือเลือกโหมดกลางคืนเป็นสีแดงได้ครับ (ถ้าเลือกโหมดกลางคืน เวลา preview ภาพ ภาพจะเป็นโมโนโทนสีแดงด้วยนะเออ)


รีวิวนี้ตั้งใจเอาไปถ่ายดาวแต่ฟ้าปิดเร็วมากได้ภาพดาวมานิดเดียว เอาไว้ค่อยไปแก้ตัวกันใหม่ครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
[SR] +++ รีวิวการใช้งาน Pentax K-1 ในมุมมองของการถ่ายดาว +++
รีวิวนี้จริงๆติดพันมาตั้งแต่ก่อนเดือนมีนาคม 2560 แล้วล่ะครับ ก่อนที่ผมจะไป Kota Kinabalu ช่วงนั้นก็นั่งอ่านรีวิวไปเรื่อยๆตามสไตล์ตากล้องจะออกท่องเที่ยว ไปเดินเหนื่อยทั้งที ถ่ายอะไรดีนะ
ขึ้นเขาขึ้นดอย ต้องตื่นมาเดินดึกดื่นๆด้วย คงหนีไม่พ้นถ่ายดาว เกิดมาไม่เคยถ่ายดาวครับ อันนี้ยอมรับตรงๆ เปิดตำราดูมันไม่ยากเท่าไหร่ ไปลองที่อ่างขางก็ได้ดาวมานิดๆหน่อยๆ พอไป Kota Kinabalu ก็ได้หางของทางช้างเผือกมาโชว์เขาบ้าง เริ่มมาจริงจังก็ตอนไปทริปกับอาจารย์โอที่ทาง Epson จัดนั่นแหละครับ
เอ้าขอเข้าเรื่องข้อจำกัดของการถ่ายดาวสักนิดนึงนะครับ
1.แสงดาวไม่ได้สว่างมากมายนะครับ ISO ที่ใช้จึงต้องสูง 3200 ขึ้นไป รูรับแสงถ้ากว้างได้ก็ดี แต่ F4 ก็พอไหวสำหรับ ultrawide angle
2.เนื่องจากโลกเราหมุนรอบแกนดังนั้นถ้าเราเปิดหน้ากล้องนาน ดาวก็จะไม่กลม ลากหางยาวๆออกมา เหมือนดาวตกอะไรแบบนั้นแต่เป็นเส้นโค้งๆขนานๆกันไปนะครับ
3.ถ้าไม่อยากให้ดาวลากหาง ก็มีคนคิดสูตรขึ้นมาว่าเอา 600 หรือ 500 ตั้งหารด้วยทางยาวโฟกัส ก็จะได้ระยะเวลาของการเปิดหน้ากล้องเป็นวินาที เช่น เลนส์ทางยาว 35 มม. ก็จะต้องเปิดหน้ากล้องไม่เกิน 600/35 = 17 วินาที ถ้ามันมืดก็ไปขยายรูรับแสง หรือเพิ่ม ISO เอา (แน่นอนถ้าเพิ่ม ISO ก็จะได้ noise ตามมาเพียบ)
พอจะเห็นปัญหากันบ้างรึยังครับ ถ้าเราอยากใช้ ISO น้อยๆ ต้องเปิดหน้ากล้องนาน ดาวก็ลากหาง อันนี้ยังไม่รวมเรื่องเลนส์คุณภาพไม่ดีที่จะมีดาวที่ขอบมุมภาพไม่กลมอีกนะครับ (coma and astigmatism) แล้วยิ่งถ้าเราจะเจาะเอาบางส่วนของกลุ่มดาว เราต้องใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสสูงขึ้นเวลาเปิดหน้ากล้องยิ่งลดลงถ้าไม่อยากให้ดาวลากหางตามสูตรข้างบน ปัญหาทั้งหมดนี้หมดไปได้ด้วย มอเตอร์ตามดาว ครับ
หลักการคือ เราเอาแกนหมุนของมอเตอร์ชี้ไปที่ตำแหน่ง แกนหมุนของโลกทางทิศเหนือ (polar alignment) ขั้นตอนนี้ไม่ง่ายครับ ตั้งขาตั้ง ปรับระดับน้ำให้ระนาบสามมิติ เปิดหาพิกัด เอาพิกัดเราไปคำนวนตามวันเดือนปี เวลา ว่าใน polar scope ดาวเหนือจะต้องอยู่ที่จุดขีดไหน พอได้ทั้งหมดนี้แล้ว ค่อยเอากล้องมาติดเข้ากับแกนมอเตอร์คราวนี้กล้องจะหันไปทางไหนบนฟ้าได้หมด ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาผมลองเองนะ ยี่สิบนาทีเป็นอย่างน้อย และน้ำหนักที่ต้องแบกไปเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1.5-2.5 กิโลกรัม
เอ้าเข้าเรื่อง งานขายต้องมา ปัญหาที่ว่ามาเกือบจะทั้งหมดนี้ (ไม่ทั้งหมดนะ ตัวมอเตอร์ตามดาวยังทำได้มากกว่าอยู่ดี) แก้ได้ด้วย..........
PENTAX K-1 ครับ ตัวกล้อง K-1 จะมี GPS ภายในตัว พร้อมเข็มทิศและตัววัดความเอียงสามมิติ มันฉลาดพอที่จะรู้ว่าตัวมันเองอยู่จุดไหนบนโลกหันหน้ากล้องไปทิศไหน ก้มเงยเอียงอย่างไร พอมันรู้แบบนี้ก็เอาข้มูลไปขยับเซนเซอร์ให้เคลื่อนที่ตามดาวไปครับ.....น่าทึ่งอย่างยิ่ง
แต่เนื่องจากเป็นการขยับเซนเซอร์ตามดาวเคลื่อนที่ มันก็เลยมีข้อจำกัด นานมากก็ตามไม่ได้ละ ถ้าถามว่านานแค่ไหน อันนี้มันขึ้นกับทางยาวโฟกัสเลนส์ที่เลือกใช้ แต่ที่ผมลอง 70 มม ได้มากถึง 47 วินาที โดยกลุ่มดาวแมงป่องยังกลมดิ๊กอยู่เลยครับ
การเปิดการใช้งานไม่ยากลำบากอะไรเลยครับ กดเปิดปุ่ม GPS ที่กระโหลกกล้องด้านขวา เข้าไปที่เมนู ASTROTRACKER แล้วเปิด จากนั้นก็ calibrate ตัวกล้องให้จับวัดตำแหน่งด้วยการหมุนตัวกล้องพร้อมเลนส์ไป 180 องศา สามแนวแกน ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่เกิน 3 นาที ทำแค่ครั้งเดียวถ้าไม่ย้ายสถานที่ถ่ายแบบข้ามอำเภอนะครับ (ถ้าอยู่ตำแหน่งเดิม ปิดเปิดกล้องไม่ต้อง calibrate ใหม่)
กระทู้นี้รีวิวกล้อง แต่มีเลนส์ 24-70 F2.8 ติดกล้องมาด้วย ลองมองดูที่ขอบภาพครับ ผมหา coma, astigmatism ไม่เจอครับ เลนส์ตัวนี้ของเค้าดีจริง
เริ่มด้วยเรื่องดาว จบด้วยเรื่องกล้องครับ Pentax K-1
ผมตั้งชื่อเล่นมันว่า เจ้ารถถัง ครับ จอด้านหลังขยับได้ด้วยก้านและ ball and socket ไม่เหมือนใคร ถ่ายงานปกติงามมากทั้งกลางวันกลางคืน ถ่ายดาวงามที่สุด (แน่ล่ะเหมือนมีมอเตอร์ตามดาวอยู่ในตัว) ส่วนไฟล์ภาพแบบ RAW ดึงได้มหาศาลครับ ไม่มีวุ้นแน่นอน ข้อเสียมีสองข้อ ข้อแรกมันหนักครับ ข้อสองจอ LCD ด้านหลังเวลาเราเอาตาเข้าไปมอง view finder มันไม่ดับเอง ต้องกดชัตเตอร์ครึ่งนึงมันถึงดับ แต่เลือกปิด หรือเลือกโหมดกลางคืนเป็นสีแดงได้ครับ (ถ้าเลือกโหมดกลางคืน เวลา preview ภาพ ภาพจะเป็นโมโนโทนสีแดงด้วยนะเออ)
รีวิวนี้ตั้งใจเอาไปถ่ายดาวแต่ฟ้าปิดเร็วมากได้ภาพดาวมานิดเดียว เอาไว้ค่อยไปแก้ตัวกันใหม่ครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ