☔ธปท.ยก‘7เหตุผล’เศรษฐกิจไทยไกลวิกฤติปี40 (เอิ่มมม อืมมม ! ?!)

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/760718
(1) ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกัน โดยก่อนการลอยตัวค่าเงินบาท ไทยใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ทำให้ในยามที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกับค่าเงินที่ตรึงไว้ตกเป็นเป้านิ่งของการโจมตีค่าเงินได้ง่าย ต่างจากปัจจุบันที่ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัวที่การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนส่วนหนึ่งถูกกำหนดโดย กลไกตลาด ทำให้การโจมตีค่าเงินทำได้ยากกว่า


(2) ปัญหาในตอนนั้นเป็นปัญหาเงินทุนไหลออก ซึ่งกดดันให้บาทอ่อน ขณะที่ปัจจุบันเป็นปัญหาของเงินทุนไหลเข้า ซึ่งกดดันให้บาทแข็ง วันที่ ธปท. ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ผมยังไม่ได้เป็นพนักงานธปท. แต่รับทุนธนาคารมาแล้ว ค่าเงินบาทที่อ่อนลงอย่างมากทำให้มูลค่าทุนที่ผมผูกพันกับ ธปท.ในรูปของเงินบาทสูงขึ้นอย่างมาก แต่ในฐานะนักเรียนทุน ผมก็ทำงานชดใช้ทุนไปเรื่อยๆ ต่างจากบริษัท
ห้างร้านต่างๆ ที่มีหนี้เป็นสกุลเงินต่างประเทศ ที่ไม่สามารถนำเงินมาชดใช้มูลค่าหนี้ที่สูงขึ้นได้ ทำให้ต้องผิดนัดชำระหนี้ และส่งผลสั่นสะเทือนสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ทั้งระบบ จนสถาบันการเงินหลายแห่งต้องล้มหรือแทบจะล้มละลายไปด้วย ทำให้เกิด ปัญหาสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ


(3) การแทรกแซงค่าเงินของ ธปท. ในภาวะเงินทุนไหลออก ใช้การขายสินทรัพย์หรือเงินสำรอง
ระหว่างประเทศ ทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศลดลง ขณะที่การแทรกแซงในภาวะเงินทุนไหลเข้า ใช้การซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศ ทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
การลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 เป็นผลจากการที่ ธปท. มองว่าเงินสำรองระหว่างประเทศเหลือไม่พอที่จะขายเพื่อปกป้องค่าเงิน ตามภาษาชาวบ้าน ที่ว่าหมดหน้าตัก ขณะที่ในปัจจุบัน เงินสำรองของ ธปท. (รวมสถานะการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า) มีมากกว่าสองแสนล้านดอลลาร์ สูงมากกว่ามาตรฐานสากลมาก ไม่ว่าจะวัดในตัวของมันเอง หรือเทียบกับมูลค่าการนำเข้า มูลค่าหนี้ต่างประเทศ หรือขนาดเศรษฐกิจ ดังนั้น ความมั่นคงด้านต่างประเทศของ ธปท. ในปัจจุบันจึงไม่น่าเป็นห่วง


(4) การขาดทุนของ ธปท. ในปัจจุบันส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตีราคาเงินสำรองระหว่างประเทศเป็น
เงินบาท ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศที่แปลงเป็นสกุลเงินบาทมีมูลค่าลดลง โดยที่เงินสำรองในรูปของเงินดอลลาร์ไม่ได้หายไปไหน ยังมีให้ใช้เป็นจำนวนมาก ในทางกลับกัน การอ่อนค่าของเงินบาทในปี 2540 ทำให้ ธปท.มีกำไรจากการตีราคาค่าเงิน แต่เป็นกำไรที่เอามาใช้ไม่ได้ เพราะการดูแลค่าเงินต้องใช้เงินสำรองในรูปของเงินดอลลาร์ซึ่งตอนนั้นแทบไม่มีเหลือ


(5) ในปี 2540 มีบริษัทที่ต้องปิดกิจการไปเพราะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนทางบัญชี แต่การขาดทุนของธนาคารกลางแบบ ธปท.ต่างจากการขาดทุนของบริษัทหรือสถาบันการเงินทั่วๆไป เพราะธนาคารกลางมีความสามารถในการพิมพ์เงินเองได้ ซึ่งความสามารถในการดำเนินกิจการต่อไปเรื่อยๆของธนาคารกลางขึ้นกับความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางมากกว่าสถานะของงบดุล ซึ่งปัจจุบัน ความน่าเชื่อถือของ ธปท. เป็นจุดแข็งของประเทศที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศมักหยิบยกขึ้นมาเสมอ โดยที่การขาดทุนของ ธปท. มิได้เป็นประเด็นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ธปท. ตระหนักว่า การขาดทุนต่อเนื่องถึงจุดจุดหนึ่งก็อาจบั่นทอนความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางได้ เพราะถึงจะพิมพ์เงินเองได้ แต่ถ้าธนาคารกลางสูญเสียความน่าเชื่อถือ เงินที่พิมพ์ออกมาก็ไม่มีค่า และนำไปสู่วิกฤตเงินเฟ้อในที่สุด


(6) ในปี 2540 เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยถือว่าง่อนแง่นเป็นอย่างมาก โดยนอกจากเงินสำรองระหว่างประเทศจะร่อยหรอแล้ว ดุลบัญชีเดินสะพัด หรือผลต่างของรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการกับรายจ่ายในการนำเข้าสินค้าและบริการ ยังขาดดุลสูง โดยในปี 2539 ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 8% ของขนาดเศรษฐกิจ เทียบกับในปี 2559 ที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 12% ของขนาดเศรษฐกิจ


(7) ท้ายที่สุด หลายจุดอ่อนสำคัญที่นำไปสู่วิกฤตปี 2540 ได้ถูกปิดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจุดอ่อนด้านความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน ด้านการพึ่งพาหนี้สกุลเงินต่างประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่มีจุดโหว่และไม่ทันการณ์ตัวอย่างของระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ดีขึ้น เช่น การมีข้อมูลจีดีพีรายไตรมาสจากเดิมที่เป็นรายปี การจัดตั้งบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติที่ปัจจุบันขยายรวมถึงลูกหนี้ของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และการจัดตังศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการมีข้อมูลอุปสงค์และอุปทานของทั้งตลาด เป็นต้น

เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนตามการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าและบริการที่ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายในประเทศยังไม่เข้าที่นัก โดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนที่จากข้อมูลล่าสุดยังคงหดตัว
นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำไมคนทั่วไปยังไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น การแชร์ข้อมูลที่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าวิกฤตเศรษฐกิจแบบปี 2540 กำลังจะกลับมาอาจทำให้ประชาชนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยและธุรกิจบางส่วนไม่กล้าลงทุน ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าและไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่