พอดีเจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสอ่านเรื่องการเปิดประเด็นพูดคุยระหว่างคนรักอย่างนุ่มนวล เห็นในห้องนี้มีคำถามอยู่บ่อยครั้งว่าจะเริ่มพูดกับแฟนเวลามีปัญหาเรื่องต่างๆ ยังไงดี เลยอยากนำมาแบ่งปันค่ะ เราคิดว่าวิธีพูดแบบนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปใช้กับลูกหรือเราใช้กับคนในครอบครัวได้ด้วยนะคะ
หากใครสนใจการสื่อสารในลักษณะนี้ ท่านอาจสนใจเรื่อง nonviolent communication ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ
ที่มาจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/LoveDemystified/photos/a.708344809353699.1073741828.669861976535316/709345042587009/?type=3&theater
หนุ่มๆ มักพูดกันว่า “ผู้หญิงชอบหาเรื่องชวนทะเลาะ” คุณคิดว่าจริงมั้ย ?
เวลาความสัมพันธ์ของคู่คุณไม่ราบรื่น รู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องเคลียร์กันแล้วล่ะ
ใครเป็นคนเปิดประเด็นก่อน ใช่ฝ่ายหญิงรึเปล่า
จากงานวิจัยของ Dr. John Gottman คำพูดที่ว่าผู้หญิงชอบหาเรื่องชวนทะเลาะมันก็จริงอยู่บ้าง Dr. Gottman เค้าบอกว่า ฝ่ายหญิงมักเป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงปัญหาระหว่างกันและพยายามให้คนรักร่วมกันแก้ปัญหานั้น แต่ไม่ได้แปลว่าฝ่ายหญิงเปิดประเด็นเป็นเรื่องไม่ดีนะ เพราะคู่แต่งงานที่มีความสุขดีนั้น ฝ่ายหญิงก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
Dr. Gottman ยังเทพระดับที่ว่า หากเค้าแค่ได้ดูคู่รักพูดคุยถึงปัญหาความขัดแย้งแค่ 3 นาทีแรก เค้าสามารถทำนายการหย่าร้างได้แม่นยำถึง 96% เชียวล่ะ แล้ว 3 นาทีแรกมันมีอะไรอยู่ ทำไมมันสำคัญขนาดนั้น ?
เพราะวิธีในการเริ่มเปิดประเด็นพูด มันมีผลโดยตรงว่าการพูดคุยนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจหรือกลายเป็นดราม่าน่ะสิ
หากท่าทีในการเปิดประเด็นเป็น ‘แบบรุนแรง’ (harsh startup) คนรักของคุณมีแนวโน้มจะพูดจาปกป้องตัวเองและไม่ให้ความร่วมมือในการพูดคุยนั้น แต่ถ้าเป็นการเปิดประเด็น ‘แบบนุ่มนวล’ (soft startup) คนรักก็มีแนวโน้มจะฟังและยอมรับสิ่งที่พูดมากขึ้น
เรามาดูตัวอย่าง การเปิดประเด็น ‘แบบรุนแรง’ (harsh startup) และ ‘แบบนุ่มนวล’ (soft startup) กัน
1. พูดตำหนิ vs. บอกความไม่พอใจ (Blame vs. Complaining)
ไม่ควรพูดโจมตีอีกฝ่าย ตำหนิตัวตนของเค้า ให้บอกเค้าแทนว่าเราไม่พอใจอะไร
หลายคนอาจรู้สึกว่า เอ๊ะ!!! ก็เค้าแย่แบบนั้นจริงๆ นี่นา ทำไมจะพูดไม่ได้ ??
ที่ไม่ควรพูดแบบนั้น เพราะมันจะทำให้เค้าต่อต้าน ทำหูทวนลมใส่เราไง สุดท้ายก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
ตัวอย่าง
“เธอเล่นเกมมากเกินไปนะ” vs.
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่ช่วงนี้เราใช้เวลาด้วยกันน้อยลง”
“ทำไมเธอติดเพื่อนขนาดนี้” vs.
“ฉันรู้สึกน้อยใจที่เธอมักจะไปกับเพื่อนมากกว่าฉัน”
2. ขึ้นต้นประโยคด้วย “เธอ” vs. ขึ้นต้นประโยคด้วย “ฉัน” (“You” Statement vs. “I” Statement)
การเปิดประโยคด้วย “ฉัน…” มีโทนของการตำหนิน้อยกว่า “เธอ…” ซึ่งคนฟังมีโอกาสที่จะปกป้องตัวเองน้อยกว่า และรับฟังได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราต้องมาทบทวนตัวเองก่อนพูดว่าจริงๆ แล้วเรารู้สึกยังไงกับสถานการณ์นี้กันแน่
ตัวอย่าง
“เธอหัดอ่านไลน์บ้างก็ดีนะ” vs.
“ฉันรู้สึกไม่ดีเลย เวลาที่เธอไม่อ่านไลน์”
“ทำไมเธอกลับบ้านดึกทุกวันเลย” vs.
“ฉันรู้สึกกังวล เวลารอเธอกลับบ้านตอนดึกๆ”
ข้อควรระวัง!!! คำพูดที่ตามหลัง ‘ฉัน’ ต้องเป็นเรื่องของเราเอง เป็นความรู้สึก ความเชื่อ ค่านิยมของตัวเรา ดังนั้น ประโยคประมาณว่า “ฉันรู้สึกว่า ทำไมเธอถึงเล่นแต่เกม” แม้จะขึ้นด้วย ฉัน แต่ก็ไม่ใช่ประโยคแบบนุ่มนวล เพราะมันเริ่มด้วยเรื่องของเค้า
3. ใช้คำพูดตัดสิน vs. อธิบายสถานการณ์ (Judging vs. Describing)
ใช้คำพูดบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริง โดยไม่ไปตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด หรือสรุปอะไรเอาเอง เพราะคนฟังได้ยินปุ๊บ เค้าจะนึกแต่ว่าจะเถียงกลับอย่างไร จนไม่ได้ยินสิ่งที่เราจะพูดต่อจากนั้น
ตัวอย่าง
“เธอไม่เคยแคร์ความรู้สึกฉันเลย” vs.
“ฉันรู้สึกเหมือนไม่มีใครฟังฉันเลย เวลาฉันพูดเธอก็มักจะกดมือถือ”
“เธอคุยกับยัยนี่บ่อยไปแล้วนะ ชอบมันใช่มั้ย” vs.
“เราไม่สบายใจเลยที่เธอคุยกับผู้หญิงคนนี้บ่อยๆ”
4. พูดกว้างๆ เหมารวม vs. พูดเฉพาะเจาะจง ชัดเจน (General vs. Specific)
สื่อสารความต้องการของเราออกไปตรงๆ อย่าไปคาดหวังว่าคนรักจะอ่านใจเราออกว่าเราอยากได้อะไร ถ้าเราพูดแบบกว้างๆ เค้าก็คงจะสงสัยว่า แล้วเค้าต้องทำอะไรต่อ???
ตัวอย่าง
“เธอสนใจฉันหน่อยได้มั้ย” vs.
“เวลาเราคุยโทรศัพท์กัน ฉันอยากให้เธอหยุดเล่นเกมก่อนได้มั้ย”
“ทำไมครัวมันรกขนาดนี้” vs.
“เธอช่วยเก็บโต๊ะอาหารกับล้างจานให้หน่อยได้มั้ย”
5. พูดด้วยความก้าวร้าว vs. พูดอย่างสุภาพ (Aggressive vs. Polite)
เราสามารถทำให้คำพูดสุภาพขึ้นด้วยการเพิ่มคำว่า ‘ช่วย...’ ‘จะดีมากเลย ถ้าเธอ...’ ‘เราอยากให้...’ เข้าไปด้วยนะ
ตัวอย่าง
“ก็ที่เราพูดไปมันเรื่องจริง จะอารมณ์เสียเพื่อ?” vs.
“ที่เราพูดไป ทำให้เธอไม่โอเครึเปล่า มีอะไรบอกเราได้นะ”
6. รู้สึกว่าคนรัก’ต้องทำ’สิ่งที่เราต้องการ vs. ชื่นชมเมื่อคนรักทำสิ่งนั้นให้ (Entitled vs. Appreciative)
คนรักไม่ได้มีหน้าที่ต้องทำทุกอย่างที่เราพอใจ การที่เค้าตัดสินใจช่วยเหลือหรือลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อเราเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเสมอ
ตัวอย่าง
“เลิกงานแล้วมารับฉันที่ทำงานด้วยนะ” vs.
เวลาคนรักมารับที่ทำงานให้ชื่นชมแทน “ขอบคุณมากนะ ที่มารับเรา”
“เธอควรจะหาเวลาว่างไปดูหนังกับฉันบ้างนะ” vs.
“วันนี้เธอพาฉันไปดูหนังด้วย น่ารักจังเลย”
ทั้งนี้เราจะเปิดประเด็นแบบนุ่มนวลได้ก็ต่อเมื่อ เราไม่ได้โมโหอยู่ ดังนั้น ถ้ารู้สึกหัวร้อน อย่าเพิ่งโทร อย่าเพิ่งคุย หายใจลึกๆ ตั้งสติ แล้วคิดว่าจะพูดอย่างไรดี ถ้าไม่คุ้นเคยกับการพูดแบบนี้ ลองซ้อมพูดกับตัวเองก่อนก็ได้
ที่สำคัญคือ เมื่อรู้สึกไม่พอใจหรือรู้สึกมีปัญหาอะไร ให้รีบคุยกับคนรักแต่เนิ่นๆ อย่าทนเก็บความไม่พอใจนั้นเอาไว้จนถึงจุดระเบิด เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราจะไม่สามารถเปิดประเด็นอย่างนุ่มนวลได้อีกต่อไป แล้วอย่าลืมดูอารมณ์อีกฝ่ายด้วยนะจ๊ะ ว่าเค้าอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะคุยอยู่รึเปล่า
ตัวอย่างประโยคสำหรับเคสที่หนุ่มๆ เจอ
"เรื่องแค่นี้ทำไมต้องดราม่า" vs.
"เรารู้สึกไม่ดีเวลาเธอพูดเสียงดัง เราทำตัวไม่ถูก"
"หึงไร้สาระว่ะ" vs.
"ดูเธอไม่ค่อยโอเคที่เพื่อนคนนี้โทรมาหาเรา เล่าให้เราฟังได้ป่ะว่าเธอคิดอะไรอยู่ (แล้วฟัง)"
"กลับบ้านมามีแต่ด่าด่าด่า รำคาญ!!!" vs.
"ช่วยพูดช้าๆ และเบาลงหน่อยได้ป่าว เราฟังไม่ค่อยทัน"
"เธอจืดชืดมาก หัดทำอะไรเร้าใจบ้างสิ" vs.
"เวลาเรา...กัน เราอยากให้เธอ..."
"ห้องสกปรกว่ะ" vs.
"เห้ย วันนี้ห้องสะอาดจัง เธอทำความสะอาดมาใช่มั้ย ขอบคุณนะ"
หากคุณลองทำครบทุกข้อแล้ว เค้ายังไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น แอดคิดวว่า ถึงเวลาที่คุณต้องทบทวนแล้วล่ะว่า คุณชอบคนคนนี้ที่ตรงไหน ?
ใครมีแฟนติดเกม แฟนติดเพื่อน แฟนไม่มีเวลาให้ แฟนไม่ได้ดั่งใจ... แต่ไม่รู้จะเริ่มพูดกับแฟนยังไงดี ลองอ่านค่ะ
หากใครสนใจการสื่อสารในลักษณะนี้ ท่านอาจสนใจเรื่อง nonviolent communication ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ
ที่มาจาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หนุ่มๆ มักพูดกันว่า “ผู้หญิงชอบหาเรื่องชวนทะเลาะ” คุณคิดว่าจริงมั้ย ?
เวลาความสัมพันธ์ของคู่คุณไม่ราบรื่น รู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องเคลียร์กันแล้วล่ะ
ใครเป็นคนเปิดประเด็นก่อน ใช่ฝ่ายหญิงรึเปล่า
จากงานวิจัยของ Dr. John Gottman คำพูดที่ว่าผู้หญิงชอบหาเรื่องชวนทะเลาะมันก็จริงอยู่บ้าง Dr. Gottman เค้าบอกว่า ฝ่ายหญิงมักเป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงปัญหาระหว่างกันและพยายามให้คนรักร่วมกันแก้ปัญหานั้น แต่ไม่ได้แปลว่าฝ่ายหญิงเปิดประเด็นเป็นเรื่องไม่ดีนะ เพราะคู่แต่งงานที่มีความสุขดีนั้น ฝ่ายหญิงก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
Dr. Gottman ยังเทพระดับที่ว่า หากเค้าแค่ได้ดูคู่รักพูดคุยถึงปัญหาความขัดแย้งแค่ 3 นาทีแรก เค้าสามารถทำนายการหย่าร้างได้แม่นยำถึง 96% เชียวล่ะ แล้ว 3 นาทีแรกมันมีอะไรอยู่ ทำไมมันสำคัญขนาดนั้น ?
เพราะวิธีในการเริ่มเปิดประเด็นพูด มันมีผลโดยตรงว่าการพูดคุยนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจหรือกลายเป็นดราม่าน่ะสิ
หากท่าทีในการเปิดประเด็นเป็น ‘แบบรุนแรง’ (harsh startup) คนรักของคุณมีแนวโน้มจะพูดจาปกป้องตัวเองและไม่ให้ความร่วมมือในการพูดคุยนั้น แต่ถ้าเป็นการเปิดประเด็น ‘แบบนุ่มนวล’ (soft startup) คนรักก็มีแนวโน้มจะฟังและยอมรับสิ่งที่พูดมากขึ้น
เรามาดูตัวอย่าง การเปิดประเด็น ‘แบบรุนแรง’ (harsh startup) และ ‘แบบนุ่มนวล’ (soft startup) กัน
1. พูดตำหนิ vs. บอกความไม่พอใจ (Blame vs. Complaining)
ไม่ควรพูดโจมตีอีกฝ่าย ตำหนิตัวตนของเค้า ให้บอกเค้าแทนว่าเราไม่พอใจอะไร
หลายคนอาจรู้สึกว่า เอ๊ะ!!! ก็เค้าแย่แบบนั้นจริงๆ นี่นา ทำไมจะพูดไม่ได้ ??
ที่ไม่ควรพูดแบบนั้น เพราะมันจะทำให้เค้าต่อต้าน ทำหูทวนลมใส่เราไง สุดท้ายก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
ตัวอย่าง
“เธอเล่นเกมมากเกินไปนะ” vs.
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่ช่วงนี้เราใช้เวลาด้วยกันน้อยลง”
“ทำไมเธอติดเพื่อนขนาดนี้” vs.
“ฉันรู้สึกน้อยใจที่เธอมักจะไปกับเพื่อนมากกว่าฉัน”
2. ขึ้นต้นประโยคด้วย “เธอ” vs. ขึ้นต้นประโยคด้วย “ฉัน” (“You” Statement vs. “I” Statement)
การเปิดประโยคด้วย “ฉัน…” มีโทนของการตำหนิน้อยกว่า “เธอ…” ซึ่งคนฟังมีโอกาสที่จะปกป้องตัวเองน้อยกว่า และรับฟังได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราต้องมาทบทวนตัวเองก่อนพูดว่าจริงๆ แล้วเรารู้สึกยังไงกับสถานการณ์นี้กันแน่
ตัวอย่าง
“เธอหัดอ่านไลน์บ้างก็ดีนะ” vs.
“ฉันรู้สึกไม่ดีเลย เวลาที่เธอไม่อ่านไลน์”
“ทำไมเธอกลับบ้านดึกทุกวันเลย” vs.
“ฉันรู้สึกกังวล เวลารอเธอกลับบ้านตอนดึกๆ”
ข้อควรระวัง!!! คำพูดที่ตามหลัง ‘ฉัน’ ต้องเป็นเรื่องของเราเอง เป็นความรู้สึก ความเชื่อ ค่านิยมของตัวเรา ดังนั้น ประโยคประมาณว่า “ฉันรู้สึกว่า ทำไมเธอถึงเล่นแต่เกม” แม้จะขึ้นด้วย ฉัน แต่ก็ไม่ใช่ประโยคแบบนุ่มนวล เพราะมันเริ่มด้วยเรื่องของเค้า
3. ใช้คำพูดตัดสิน vs. อธิบายสถานการณ์ (Judging vs. Describing)
ใช้คำพูดบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริง โดยไม่ไปตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด หรือสรุปอะไรเอาเอง เพราะคนฟังได้ยินปุ๊บ เค้าจะนึกแต่ว่าจะเถียงกลับอย่างไร จนไม่ได้ยินสิ่งที่เราจะพูดต่อจากนั้น
ตัวอย่าง
“เธอไม่เคยแคร์ความรู้สึกฉันเลย” vs.
“ฉันรู้สึกเหมือนไม่มีใครฟังฉันเลย เวลาฉันพูดเธอก็มักจะกดมือถือ”
“เธอคุยกับยัยนี่บ่อยไปแล้วนะ ชอบมันใช่มั้ย” vs.
“เราไม่สบายใจเลยที่เธอคุยกับผู้หญิงคนนี้บ่อยๆ”
4. พูดกว้างๆ เหมารวม vs. พูดเฉพาะเจาะจง ชัดเจน (General vs. Specific)
สื่อสารความต้องการของเราออกไปตรงๆ อย่าไปคาดหวังว่าคนรักจะอ่านใจเราออกว่าเราอยากได้อะไร ถ้าเราพูดแบบกว้างๆ เค้าก็คงจะสงสัยว่า แล้วเค้าต้องทำอะไรต่อ???
ตัวอย่าง
“เธอสนใจฉันหน่อยได้มั้ย” vs.
“เวลาเราคุยโทรศัพท์กัน ฉันอยากให้เธอหยุดเล่นเกมก่อนได้มั้ย”
“ทำไมครัวมันรกขนาดนี้” vs.
“เธอช่วยเก็บโต๊ะอาหารกับล้างจานให้หน่อยได้มั้ย”
5. พูดด้วยความก้าวร้าว vs. พูดอย่างสุภาพ (Aggressive vs. Polite)
เราสามารถทำให้คำพูดสุภาพขึ้นด้วยการเพิ่มคำว่า ‘ช่วย...’ ‘จะดีมากเลย ถ้าเธอ...’ ‘เราอยากให้...’ เข้าไปด้วยนะ
ตัวอย่าง
“ก็ที่เราพูดไปมันเรื่องจริง จะอารมณ์เสียเพื่อ?” vs.
“ที่เราพูดไป ทำให้เธอไม่โอเครึเปล่า มีอะไรบอกเราได้นะ”
6. รู้สึกว่าคนรัก’ต้องทำ’สิ่งที่เราต้องการ vs. ชื่นชมเมื่อคนรักทำสิ่งนั้นให้ (Entitled vs. Appreciative)
คนรักไม่ได้มีหน้าที่ต้องทำทุกอย่างที่เราพอใจ การที่เค้าตัดสินใจช่วยเหลือหรือลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อเราเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเสมอ
ตัวอย่าง
“เลิกงานแล้วมารับฉันที่ทำงานด้วยนะ” vs.
เวลาคนรักมารับที่ทำงานให้ชื่นชมแทน “ขอบคุณมากนะ ที่มารับเรา”
“เธอควรจะหาเวลาว่างไปดูหนังกับฉันบ้างนะ” vs.
“วันนี้เธอพาฉันไปดูหนังด้วย น่ารักจังเลย”
ทั้งนี้เราจะเปิดประเด็นแบบนุ่มนวลได้ก็ต่อเมื่อ เราไม่ได้โมโหอยู่ ดังนั้น ถ้ารู้สึกหัวร้อน อย่าเพิ่งโทร อย่าเพิ่งคุย หายใจลึกๆ ตั้งสติ แล้วคิดว่าจะพูดอย่างไรดี ถ้าไม่คุ้นเคยกับการพูดแบบนี้ ลองซ้อมพูดกับตัวเองก่อนก็ได้
ที่สำคัญคือ เมื่อรู้สึกไม่พอใจหรือรู้สึกมีปัญหาอะไร ให้รีบคุยกับคนรักแต่เนิ่นๆ อย่าทนเก็บความไม่พอใจนั้นเอาไว้จนถึงจุดระเบิด เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราจะไม่สามารถเปิดประเด็นอย่างนุ่มนวลได้อีกต่อไป แล้วอย่าลืมดูอารมณ์อีกฝ่ายด้วยนะจ๊ะ ว่าเค้าอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะคุยอยู่รึเปล่า
ตัวอย่างประโยคสำหรับเคสที่หนุ่มๆ เจอ
"เรื่องแค่นี้ทำไมต้องดราม่า" vs.
"เรารู้สึกไม่ดีเวลาเธอพูดเสียงดัง เราทำตัวไม่ถูก"
"หึงไร้สาระว่ะ" vs.
"ดูเธอไม่ค่อยโอเคที่เพื่อนคนนี้โทรมาหาเรา เล่าให้เราฟังได้ป่ะว่าเธอคิดอะไรอยู่ (แล้วฟัง)"
"กลับบ้านมามีแต่ด่าด่าด่า รำคาญ!!!" vs.
"ช่วยพูดช้าๆ และเบาลงหน่อยได้ป่าว เราฟังไม่ค่อยทัน"
"เธอจืดชืดมาก หัดทำอะไรเร้าใจบ้างสิ" vs.
"เวลาเรา...กัน เราอยากให้เธอ..."
"ห้องสกปรกว่ะ" vs.
"เห้ย วันนี้ห้องสะอาดจัง เธอทำความสะอาดมาใช่มั้ย ขอบคุณนะ"
หากคุณลองทำครบทุกข้อแล้ว เค้ายังไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น แอดคิดวว่า ถึงเวลาที่คุณต้องทบทวนแล้วล่ะว่า คุณชอบคนคนนี้ที่ตรงไหน ?