สวัสดีค่ะ ทุกท่าน รอบนี้ไม่ได้มารีวิวท่องเที่ยวเหมือนกระทู้ก่อนๆแล้ว ใครยังไม่ได้อ่านก็ ฝากร้านด้วยนะคะ
พาเที่ยว "ไต้หวัน" กับ "มนุษย์พ่อมนุษย์แม่" -->
https://pantip.com/topic/36228008
ทริปพักหนาวแบคแพคตะลุยโซล 5 วัน 4 คืน -->
https://pantip.com/topic/33262769

รอบนี้จะมาเล่าประสบการณ์การไป Work and Travel ที่ United states of America รัฐ Alabama ทุกคนคงรู้สึกว่ารัฐอะไรอะ มันอยู่อเมริกาด้วยเหรอ ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วนคนที่เคยได้ยินก็คงจะนึกถึงหนังเรื่อง Sweet home Alabama ใช่มั้ยคะ แต่เรานั้นเคยได้ยินเพราะว่า….ติดอันดับรัฐอาชญากรรม 1 ใน 5 ของอเมริกาเลยทีเดียว!!!! OMG

อ้างอิงจาก
https://www.dek-d.com/studyabroad/33400/
แล้วทุกคนก็คงจะสงสัยต่อว่า แล้วเราไปทำอะไรที่นั่นล่ะ? เอ้อ นั่นสิ เราก็งงตัวเองอยู่ ที่ชอบๆไม่ไป ทำไมไปที่นี่55555
ก่อนอื่นมันเริ่มมาจากเราไปสมัครไว้กับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีความน่าเชื่อถือสูง แต่เป็นจอมเทเด็กอันดับ 1
ทุกคนคงจะพอเดาได้แล้วว่าที่ไหน555
แต่เราไม่ได้เลือกที่แรกเป็น Alabama หรอก เราเลือกงาน แห่งหนึ่งที่ MD (Maryland) ตำแหน่งงานเป็นพนักงานทั่วไป ในโรงแรมที่เป็นสวนน้ำในตัว (ขายตั๋ว เก็บของ บริการลูกค้า)
เราเลือกเพราะว่า เราอยากทำตำแหน่งอะไรที่ได้พูด ได้พบปะผู้คน ได้ทำงานบริการ ซึ่งเป็นอะไรที่เราสนใจอยู่แล้ว
--> ใครที่ไม่รู้จะเลือกงานประเภทไหน ให้ถามตัวเองดูว่าระดับภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่ในระดับไหน อยากไปเพราะอะไร ชอบอยู่สถานที่แบบไหน ในเมือง ชนบท ขึ้นเขา หรือ ติดทะเลไปเลย จะได้เลือกงานได้ง่ายขึ้น

ทำเรื่องทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว จ่ายตัง ก้อนแรก ก้อน 2 นัดสัมภาษณ์ สัมภาษณ์เสร็จหมดแล้ว แต่เขาดันไม่เอาเรา กับเพื่อนเราอีกคนนึง เราขอถามเหตุผล เขาไม่ได้บอกมาว่าเพราะอะไร แต่เขาบอกให้เราลองแก้ที่ resume ดู เพราะระดับภาษาอังกฤษนั้น อาจจะสูงไม่ถึงระดับที่นายจ้างต้องการ
ความจริงคือเราพอสื่อสารได้ ฟังออก พอพูดได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรใส่ระดับอะไรดี พี่ๆเขาเลยบอกว่าใส่ซัก Upper Intermediate น่าจะกำลังดี เราก็ทำตามนั้น
ทีนี้ต้องมาหางานตัวใหม่ (ซึ่งตอนนั้น เป็นปลาย มค แล้ว งานเหลือน้อยเต็มที) เรากับเพื่อนก็เลยหากันใหม่ แต่เพื่อนเราเสนอว่าไปทำ Fast Food มั้ยล่ะ ตำแหน่งงานว่างยังเหลืออีกเยอะเลย แต่ใจเรานั้นไม่ค่อยอยากทำ Fast Food เท่าไหร่ ก็เลยบอกเดี๋ยวขอดูก่อนแล้วกัน แต่เพื่อนเราบอกงั้นเขาจองแล้วนะ เราก็ อืมๆ Fast Food ก็ได้ ไม่มีอะไรจะเสียละ แต่ตอนนั้นดึกแล้ว เราเลยว่าพรุ่งนี้ค่อยจองอีกที
วันต่อมานี้แหละพีคแรกก็มา...
ตอนเช้าเปิดขึ้นมา เฮ้ยยยยย งานที่เพื่อนสมัครมันหายไปแล้ว!!! บอกเพื่อน เพื่อนก็รีบติดต่อพี่ๆขอ cancel งานได้มั้ย พี่บอกไม่ได้ ดำเนินการไปแล้ว ตายหมู่ละทีนี้ เราก็ขอโทษขอโพยเพื่อนไป เป็นความผิดของเราเอง สุดท้ายเลยต้องบอกว่า เฮ้ยเพื่อน เราต้องแยกกันไปแล้วว่ะ ไหวนะ? ทีนี้ก็เหลือตัวคนเดียวแล้วล่ะ.........
เราเลยหาใหม่วันนั้น และค้นพบว่าเหลืออยู่แค่ 3 งาน คือ
Life guard
House keeping
Fast food
ทุกคนคิดว่าเราควรเลือกอะไร? 555555555 เหมือนไร้ทางเลือกอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องเลือก Fast food เราก็ทำการเปลี่ยนงาน ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย อารมณ์เหมือนต้องรีบไว้ก่อน ไม่งั้นงานเต็มอีก และหลังจากนั้นเห็น ชื่องาน Fast food , AL พีคที่ 2 ก็ตามมา ก็งงว่านี่รัฐอะไร ไม่รู้จัก ถึงกับต้องไปเปิดดู และค้นพบว่า โอ้ เมืองอาชญากรรม ตายแหล่ว งานเข้าที่แท้จริง………
แต่เราก็มองในแง่ดีว่า บริษัทเสนองานมาได้แปลว่า ต้องผ่านการพิจารณามาในระดับหนึ่งแล้ว คงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เราก็เลยต้องก้าวต่อไป ถอยกลับไม่ได้แล้ว (ไม่งั้นถ้าไม่ไปแล้ว จะขอ refund เงินคืน จะได้ไม่เต็มจำนวนนะจ้ะ TT_TT)
เราดูรายละเอียดงาน ก็โอเค ตำแหน่ง Crew position เดี๋ยวคงว่ากันอีกที หลังไปถึงที่นู่น ตอนนั้นก็ได้แต่คิดในใจว่า สาธุขอให้ได้ร้านไหนก็ได้ที่ไม่ใช่แมคทีเถ้อะ เหมือนฟ้าได้ยิน หลังสัมภาษณ์เสร็จ เขาประกาศว่าเราได้งาน Mcdonald’s สมใจอยากเลยค่ะ ท่านผู้ชม

แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น ยังมีจุดพีคก่อนจะได้ไปอีก คือ...
เราโดนเท ใบ DS หรือที่บริษัทเขาเรียกว่าใบ DS ทองคำ ที่มาคือมันหายากยิ่งกว่าทองคำอีก เพราะปี 2016 เด็กไปเวิร์คกันเยอะมาก คงอาจจะเกินโควตาของเขา เราโดนเทเพราะบริษัทบอกว่า ที่พัก Verify ไม่ผ่าน เพราะที่พักค่อนข้างอันตราย และเก่า ทำให้หน่วยงานของรัฐไม่ Approve ให้ ตอนนั้นเราตกใจมาก อุส่าห์ลำบากทำเรื่องนู่นนี่นั่นเยอะแยะ สุดท้ายมาโดนเทเพราะว่าแค่เรื่องที่พัก เนี่ยนะ
พี่เขาก็บอกว่าให้รอก่อน จะรีบตามเรื่องให้ สุดท้ายตามเรื่องอยู่เป็นอาทิตย์ กระวนกระวายทุกวัน เพราะตอนนั้นเพื่อนที่ไปรัฐอื่นเขาบินไปกันหมดแล้ว ตัวเราเองยังไม่ได้ขอวีซ่าเลย ทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ ตอนนั้นพี่หายไปนานมาก จนเราปลงและคิดว่าคงไม่น่าได้แล้วล่ะ โทรไปตามเรื่องก็เท่านั้น ตอนนั้นเตรียมทำเรื่อง Refund เงินคืน แล้ววางแผนจะไปทำ Part time ในไทยอย่างอื่นซะแล้ว
แต่หลังจากผ่านไปอาทิตย์นึง พี่โทรมาบอกว่า “น้องคะ เรื่องทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ได้ใบ DS มาแล้วค่ะ ไว้วันอังคารนี้ น้องเตรียมมารับเอกสารที่บริษัทเพื่อไปขอวีซ่านะคะ”
วดฟ!!!!!!!! ตอนนั้นทั้งอึ้ง ทั้ง งง ทั้งเต็มไปด้วยความหวังที่กลับมาอีกครั้ง ทำไมพี่เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังเลยฟะ ถามว่าพี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆถึงได้แล้วล่ะ ทั้งๆที่ตอนนั้นไม่น่าจะได้แล้วแท้ๆ พี่เขาบอกว่า พี่เจ้าของบริษัทเขาไปไฟ้วมา เพื่อให้พวกเราได้ไป ยอมเลยค่ะ นับถือพี่เจ้าของมากๆ สุดท้ายก็ได้ไปในวินาทีสุดท้ายค่ะ เอาเอกสารไปขอวีซ่า ทุกอย่างฉุกละหุกมาก ภายในเวลาอาทิตย์เดียว…
เราขอข้ามขั้น หาตั๋วเครื่องบิน เตรียมกระเป๋า ขอวีซ่า เตรียมเอกสารทั้งหลายไปเลยนะคะ เพราะว่า ไม่ได้ลำบากอะไร บริษัทจัดการให้หมด แต่เรื่องตั๋วเครื่องบินเราหาเองค่ะ ของสายการบิน Cathey Pacific ไปกลับสนนราคาอยู่ที่ 4x,xxx ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ หลังไมค์ถามเราได้เลยค่ะ
เมืองที่เราอยู่นั้น คือเมือง Mobile ,AL ค่ะ (อ่านว่า โมบีล)

นี่คือ Expectation อันสูงส่ง ที่หาได้จาก Google
Reality นั้น...

คือในรูปที่หามามันอยู่ใจกลาง Downtown เลย แต่ที่พักที่เราอยู่นั้นอยู่ห่างออกมาอีกเป็น 10 กิโล ตอนแรกนึกว่ามาประเทศชลบุรีด้วยนะเอาจริง
เมือง Mobile เป็นหนึ่งในเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัฐ Alabama และ มีประวัติเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 แต่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เหมือนเป็นเมืองทางผ่านระหว่าง New Orleans และ ทางไป Florida มากกว่า ความประทับใจแรกเมื่อมาถึงคือ ทำไมมันโล้น แห้งแล้ง แดดแรงขนาดนี้ อย่าว่าแต่ตึกสูง บ้านคนยังหาไม่ค่อยเจอเลย นี่บริษัทเขาบอกว่า เป็น Premium Location นะเนี่ย จ่ะ เชื่อเขาเลย
ส่วนการเดินทางนั้น
หนทางยาวไกลมาก ต่อถึง 4 ต่อ ใช้เวลาเดินทางนานถึง 41 ชม (รวมเวลาต่อเครื่องด้วย)
BKK -->Hongkong (HKG) --> San Francisco (SFO) --> Charlotte Douglas (CLT) --> Mobile (MOB)
แรกๆก็ไม่เท่าไหร่ หลังๆเครื่องบินลำเล็กลงเรื่อยๆ จนด่านสุดท้ายเป็นเครื่องบินใบพัด ที่นั่ง 2-2 อู้วววว

เล็กขนาดที่ว่ากระเป๋าต้องลากไปวางตรงทางขึ้นเครื่องบินเอง มีแอร์สาวคนเดียว บริการทั้งลำ เครื่องเอียงๆสั่นๆ ตลอดทาง
ตาตื่นเลยฮะ หายเพลียเลย ตลอด 2ชม
ยังดีที่เรามีกลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยกัน (ไม่รู้จักกันมาก่อน เจอกันวันไปทำวีซ่า) จองตั๋วด้วยกัน บินไปด้วยกัน
เลยช่วยๆกันดูตอนเปลี่ยนเครื่อง ตลอดทาง ไม่งั้นไปคนเดียวก็คงจะเคว้งไม่เบาเลย
กว่าจะถึงใช้ความทรหดอดทนสูงมากจริงๆค่ะ ระหว่างทางก็คิดว่าทำไมมันไม่ถึงซักทีฟะ ไม่ไหวแล้ว อยากนอน พอไปถึงโมบีลประมาณ 10.30 น. ก็มีคนของเอเจนซี่ฝั่งนู้นมารับ เป็นหญิงสูงวัยท่านนึง วัย 65+ เราขอเรียกว่า อาม่า 5555555 เขามารอรับ พาไปส่งที่พัก

อาม่าท่านนี้มีนามว่า BJ ขนาดชื่อยังเฟี้ยวเลย อาม่าคนนี้แหละที่ขับรถตู้ไปรับไปส่งเรากับเพื่อนๆที่แมค และเป็นที่ปรึกษาให้เราเวลาเรามีปัญหา
เขาเหมือนอาม่าคนนึงที่เป็นห่วงเด็กๆ จากใจจริง อาม่าเป็นคนที่น่ารักมาก
และเมื่อมาถึงที่พักของเรา ชื่อว่า Intown suites

ไปถึง สิ่งที่ทำคือ เช็คอินก่อน ที่พักของเราเป็นโรงแรม เขาเรียกว่า Studio ที่มีห้องครัวในตัวด้วย
ค่าห้อง $90/week/คน ราคาสูงมาก แต่มีทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์ และไม่มีค่ามัดจำ
ข้างในห้อง

เนื่องจากนอนกัน 5 คนเลยต้องเอาเตียงมาชนกัน แล้วมีคนนึงนอนตรงกลาง
หลังจากได้กุญแจห้องแล้ว วางกระเป๋า แล้วนอนเลยค่ะ ไม่ใช่!! 555 ตอนนั้นคือรู้สึกเพลียแต่ก็ไม่อยากนอน เพราะว่ากลัวจะปรับเวลาไม่ได้ซักที ก็เลยต้องลากตัวเองกับกลุ่มรูมเมทไปซื้อของตั้งตัวกันที่ Walmart ก่อน
หลังจากนั้นกลับมา นอนลูกเดียว และนี่คือการนอนมาราธอนที่แท้จริง นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตื่นอีกที 8 โมงเช้าอีกวันเลยทีเดียว กว่าจะหายเจทแลค ก็ใช้เวลา 4-5 วันค่ะ
ช่วงอาทิตย์แรกๆ ไม่มีอะไรทำเลย ต้องรอทำ Social Security Card ก่อน (บัตรนี้เหมือนเอาไว้ยืนยันว่าเรามาทำงานแบบถูกกฏหมาย)
และต้องรอคนไทยคนอื่นตามมาสมทบก่อน เพราะว่าแมค ต้อง มี orientation ก่อนการทำงานจริง
อ้อมีอยู่วันนึงได้ไปเดินใน Downtown มา ก็โอเคเลย น่าอยู่กว่าแถวที่พักมาก

หลังจากนั้นอีก 2-3 วันก็ไม่ได้ทำอะไรอีก สิริเวลานั่งๆนอนๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยอยู่ที่พัก 1 อาทิตย์เต็มๆ แล้วก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลย เพราะว่าเมืองมันชนบทมากจริงๆ ไม่มีรถประจำทาง ถ้าจะไปไหนก็ต้องเรียก Uber ถ้าจะไปทะเลต้องขับรถไปอีกเป็น ชม
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง นายจ้างพาไปทำ Social security card ขั้นตอนค่อนข้างละเอียดนิดนึง ต้องเตรียมเอกสารเยอะ บางอันถ้าไม่ได้ปริ้นท์มาจากไทย (อย่าลืมส่งเอกสารสำคัญๆต่างๆเข้าเมลตัวเองด้วยนะคะ สำรองเอาไว้ เผื่อต้องใช้อะไรเพิ่ม มีไว้ดีกว่าไม่มี ) ถ้าไม่มีต้องไปปริ้นท์จากร้านที่นู่น แผ่นละ $3 อู้ว แผ่นละ 100 กว่าบาท คิดถึงร้านถ่ายเอกสารที่มอ ขึ้นมาเลย
หลังจากทำอะไรเสร็จหมดแล้ว นายจ้างก็พาไปเลี้ยงข้าวด้วยค่ะ (ออกแนวกึ่งบังคับเพราะ บ่นกับนายจ้างว่าหิวตลอดทาง 5555) นายจ้างก็พาไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารจีนค่ะ

หลังจากนั้นผ่านไปอีกประมาณ 2-3 วันก็ถึงวัน ที่นายจ้างพาไปเข้าอบรบการทำงานร้านอาหาร (กฏหมายของรัฐบังคับให้พนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับอาหารทุกคนต้องเข้าฟังก่อน)
นี่ก็เป็นคลิปเปิดวนไปวนมาส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับวิธีการควบคุมคุณภาพของอาหาร ต้องจัดการกับเศษอาหารอย่างไรบ้าง ที่ไม่ทำให้เกิดคราบไขมันจนอุดตันท่อ (ชีส นม เนย ทั้งนั้น) และวิธีป้องกันอาหารจะปนเปื้อน แล้วลูกค้าจะเสี่ยงต่อการเป็นนู่นนี่ นั่งดูอยู่เป็นชมเลย
ต่อไปก็จะไป orientation ที่แมคกันแล้ว
ไว้เดี๋ยวมาต่อนะค
[Work&Travel] Fast food, AL มหากาพย์ประสบการณ์ที่คิดว่าไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนแน่นอน
พาเที่ยว "ไต้หวัน" กับ "มนุษย์พ่อมนุษย์แม่" --> https://pantip.com/topic/36228008
ทริปพักหนาวแบคแพคตะลุยโซล 5 วัน 4 คืน -->https://pantip.com/topic/33262769
รอบนี้จะมาเล่าประสบการณ์การไป Work and Travel ที่ United states of America รัฐ Alabama ทุกคนคงรู้สึกว่ารัฐอะไรอะ มันอยู่อเมริกาด้วยเหรอ ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วนคนที่เคยได้ยินก็คงจะนึกถึงหนังเรื่อง Sweet home Alabama ใช่มั้ยคะ แต่เรานั้นเคยได้ยินเพราะว่า….ติดอันดับรัฐอาชญากรรม 1 ใน 5 ของอเมริกาเลยทีเดียว!!!! OMG
อ้างอิงจาก https://www.dek-d.com/studyabroad/33400/
แล้วทุกคนก็คงจะสงสัยต่อว่า แล้วเราไปทำอะไรที่นั่นล่ะ? เอ้อ นั่นสิ เราก็งงตัวเองอยู่ ที่ชอบๆไม่ไป ทำไมไปที่นี่55555
ก่อนอื่นมันเริ่มมาจากเราไปสมัครไว้กับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีความน่าเชื่อถือสูง แต่เป็นจอมเทเด็กอันดับ 1
ทุกคนคงจะพอเดาได้แล้วว่าที่ไหน555
แต่เราไม่ได้เลือกที่แรกเป็น Alabama หรอก เราเลือกงาน แห่งหนึ่งที่ MD (Maryland) ตำแหน่งงานเป็นพนักงานทั่วไป ในโรงแรมที่เป็นสวนน้ำในตัว (ขายตั๋ว เก็บของ บริการลูกค้า)
เราเลือกเพราะว่า เราอยากทำตำแหน่งอะไรที่ได้พูด ได้พบปะผู้คน ได้ทำงานบริการ ซึ่งเป็นอะไรที่เราสนใจอยู่แล้ว
--> ใครที่ไม่รู้จะเลือกงานประเภทไหน ให้ถามตัวเองดูว่าระดับภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่ในระดับไหน อยากไปเพราะอะไร ชอบอยู่สถานที่แบบไหน ในเมือง ชนบท ขึ้นเขา หรือ ติดทะเลไปเลย จะได้เลือกงานได้ง่ายขึ้น
ทำเรื่องทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว จ่ายตัง ก้อนแรก ก้อน 2 นัดสัมภาษณ์ สัมภาษณ์เสร็จหมดแล้ว แต่เขาดันไม่เอาเรา กับเพื่อนเราอีกคนนึง เราขอถามเหตุผล เขาไม่ได้บอกมาว่าเพราะอะไร แต่เขาบอกให้เราลองแก้ที่ resume ดู เพราะระดับภาษาอังกฤษนั้น อาจจะสูงไม่ถึงระดับที่นายจ้างต้องการ
ความจริงคือเราพอสื่อสารได้ ฟังออก พอพูดได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรใส่ระดับอะไรดี พี่ๆเขาเลยบอกว่าใส่ซัก Upper Intermediate น่าจะกำลังดี เราก็ทำตามนั้น
ทีนี้ต้องมาหางานตัวใหม่ (ซึ่งตอนนั้น เป็นปลาย มค แล้ว งานเหลือน้อยเต็มที) เรากับเพื่อนก็เลยหากันใหม่ แต่เพื่อนเราเสนอว่าไปทำ Fast Food มั้ยล่ะ ตำแหน่งงานว่างยังเหลืออีกเยอะเลย แต่ใจเรานั้นไม่ค่อยอยากทำ Fast Food เท่าไหร่ ก็เลยบอกเดี๋ยวขอดูก่อนแล้วกัน แต่เพื่อนเราบอกงั้นเขาจองแล้วนะ เราก็ อืมๆ Fast Food ก็ได้ ไม่มีอะไรจะเสียละ แต่ตอนนั้นดึกแล้ว เราเลยว่าพรุ่งนี้ค่อยจองอีกที
วันต่อมานี้แหละพีคแรกก็มา...
ตอนเช้าเปิดขึ้นมา เฮ้ยยยยย งานที่เพื่อนสมัครมันหายไปแล้ว!!! บอกเพื่อน เพื่อนก็รีบติดต่อพี่ๆขอ cancel งานได้มั้ย พี่บอกไม่ได้ ดำเนินการไปแล้ว ตายหมู่ละทีนี้ เราก็ขอโทษขอโพยเพื่อนไป เป็นความผิดของเราเอง สุดท้ายเลยต้องบอกว่า เฮ้ยเพื่อน เราต้องแยกกันไปแล้วว่ะ ไหวนะ? ทีนี้ก็เหลือตัวคนเดียวแล้วล่ะ.........
เราเลยหาใหม่วันนั้น และค้นพบว่าเหลืออยู่แค่ 3 งาน คือ
Life guard
House keeping
Fast food
ทุกคนคิดว่าเราควรเลือกอะไร? 555555555 เหมือนไร้ทางเลือกอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องเลือก Fast food เราก็ทำการเปลี่ยนงาน ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย อารมณ์เหมือนต้องรีบไว้ก่อน ไม่งั้นงานเต็มอีก และหลังจากนั้นเห็น ชื่องาน Fast food , AL พีคที่ 2 ก็ตามมา ก็งงว่านี่รัฐอะไร ไม่รู้จัก ถึงกับต้องไปเปิดดู และค้นพบว่า โอ้ เมืองอาชญากรรม ตายแหล่ว งานเข้าที่แท้จริง………
แต่เราก็มองในแง่ดีว่า บริษัทเสนองานมาได้แปลว่า ต้องผ่านการพิจารณามาในระดับหนึ่งแล้ว คงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เราก็เลยต้องก้าวต่อไป ถอยกลับไม่ได้แล้ว (ไม่งั้นถ้าไม่ไปแล้ว จะขอ refund เงินคืน จะได้ไม่เต็มจำนวนนะจ้ะ TT_TT)
เราดูรายละเอียดงาน ก็โอเค ตำแหน่ง Crew position เดี๋ยวคงว่ากันอีกที หลังไปถึงที่นู่น ตอนนั้นก็ได้แต่คิดในใจว่า สาธุขอให้ได้ร้านไหนก็ได้ที่ไม่ใช่แมคทีเถ้อะ เหมือนฟ้าได้ยิน หลังสัมภาษณ์เสร็จ เขาประกาศว่าเราได้งาน Mcdonald’s สมใจอยากเลยค่ะ ท่านผู้ชม
แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น ยังมีจุดพีคก่อนจะได้ไปอีก คือ...
เราโดนเท ใบ DS หรือที่บริษัทเขาเรียกว่าใบ DS ทองคำ ที่มาคือมันหายากยิ่งกว่าทองคำอีก เพราะปี 2016 เด็กไปเวิร์คกันเยอะมาก คงอาจจะเกินโควตาของเขา เราโดนเทเพราะบริษัทบอกว่า ที่พัก Verify ไม่ผ่าน เพราะที่พักค่อนข้างอันตราย และเก่า ทำให้หน่วยงานของรัฐไม่ Approve ให้ ตอนนั้นเราตกใจมาก อุส่าห์ลำบากทำเรื่องนู่นนี่นั่นเยอะแยะ สุดท้ายมาโดนเทเพราะว่าแค่เรื่องที่พัก เนี่ยนะ
พี่เขาก็บอกว่าให้รอก่อน จะรีบตามเรื่องให้ สุดท้ายตามเรื่องอยู่เป็นอาทิตย์ กระวนกระวายทุกวัน เพราะตอนนั้นเพื่อนที่ไปรัฐอื่นเขาบินไปกันหมดแล้ว ตัวเราเองยังไม่ได้ขอวีซ่าเลย ทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ ตอนนั้นพี่หายไปนานมาก จนเราปลงและคิดว่าคงไม่น่าได้แล้วล่ะ โทรไปตามเรื่องก็เท่านั้น ตอนนั้นเตรียมทำเรื่อง Refund เงินคืน แล้ววางแผนจะไปทำ Part time ในไทยอย่างอื่นซะแล้ว
แต่หลังจากผ่านไปอาทิตย์นึง พี่โทรมาบอกว่า “น้องคะ เรื่องทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ได้ใบ DS มาแล้วค่ะ ไว้วันอังคารนี้ น้องเตรียมมารับเอกสารที่บริษัทเพื่อไปขอวีซ่านะคะ”
วดฟ!!!!!!!! ตอนนั้นทั้งอึ้ง ทั้ง งง ทั้งเต็มไปด้วยความหวังที่กลับมาอีกครั้ง ทำไมพี่เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังเลยฟะ ถามว่าพี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆถึงได้แล้วล่ะ ทั้งๆที่ตอนนั้นไม่น่าจะได้แล้วแท้ๆ พี่เขาบอกว่า พี่เจ้าของบริษัทเขาไปไฟ้วมา เพื่อให้พวกเราได้ไป ยอมเลยค่ะ นับถือพี่เจ้าของมากๆ สุดท้ายก็ได้ไปในวินาทีสุดท้ายค่ะ เอาเอกสารไปขอวีซ่า ทุกอย่างฉุกละหุกมาก ภายในเวลาอาทิตย์เดียว…
เราขอข้ามขั้น หาตั๋วเครื่องบิน เตรียมกระเป๋า ขอวีซ่า เตรียมเอกสารทั้งหลายไปเลยนะคะ เพราะว่า ไม่ได้ลำบากอะไร บริษัทจัดการให้หมด แต่เรื่องตั๋วเครื่องบินเราหาเองค่ะ ของสายการบิน Cathey Pacific ไปกลับสนนราคาอยู่ที่ 4x,xxx ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ หลังไมค์ถามเราได้เลยค่ะ
เมืองที่เราอยู่นั้น คือเมือง Mobile ,AL ค่ะ (อ่านว่า โมบีล)
นี่คือ Expectation อันสูงส่ง ที่หาได้จาก Google
Reality นั้น...
คือในรูปที่หามามันอยู่ใจกลาง Downtown เลย แต่ที่พักที่เราอยู่นั้นอยู่ห่างออกมาอีกเป็น 10 กิโล ตอนแรกนึกว่ามาประเทศชลบุรีด้วยนะเอาจริง
เมือง Mobile เป็นหนึ่งในเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัฐ Alabama และ มีประวัติเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 แต่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เหมือนเป็นเมืองทางผ่านระหว่าง New Orleans และ ทางไป Florida มากกว่า ความประทับใจแรกเมื่อมาถึงคือ ทำไมมันโล้น แห้งแล้ง แดดแรงขนาดนี้ อย่าว่าแต่ตึกสูง บ้านคนยังหาไม่ค่อยเจอเลย นี่บริษัทเขาบอกว่า เป็น Premium Location นะเนี่ย จ่ะ เชื่อเขาเลย
ส่วนการเดินทางนั้น
หนทางยาวไกลมาก ต่อถึง 4 ต่อ ใช้เวลาเดินทางนานถึง 41 ชม (รวมเวลาต่อเครื่องด้วย)
BKK -->Hongkong (HKG) --> San Francisco (SFO) --> Charlotte Douglas (CLT) --> Mobile (MOB)
แรกๆก็ไม่เท่าไหร่ หลังๆเครื่องบินลำเล็กลงเรื่อยๆ จนด่านสุดท้ายเป็นเครื่องบินใบพัด ที่นั่ง 2-2 อู้วววว
เล็กขนาดที่ว่ากระเป๋าต้องลากไปวางตรงทางขึ้นเครื่องบินเอง มีแอร์สาวคนเดียว บริการทั้งลำ เครื่องเอียงๆสั่นๆ ตลอดทาง
ตาตื่นเลยฮะ หายเพลียเลย ตลอด 2ชม
ยังดีที่เรามีกลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยกัน (ไม่รู้จักกันมาก่อน เจอกันวันไปทำวีซ่า) จองตั๋วด้วยกัน บินไปด้วยกัน
เลยช่วยๆกันดูตอนเปลี่ยนเครื่อง ตลอดทาง ไม่งั้นไปคนเดียวก็คงจะเคว้งไม่เบาเลย
กว่าจะถึงใช้ความทรหดอดทนสูงมากจริงๆค่ะ ระหว่างทางก็คิดว่าทำไมมันไม่ถึงซักทีฟะ ไม่ไหวแล้ว อยากนอน พอไปถึงโมบีลประมาณ 10.30 น. ก็มีคนของเอเจนซี่ฝั่งนู้นมารับ เป็นหญิงสูงวัยท่านนึง วัย 65+ เราขอเรียกว่า อาม่า 5555555 เขามารอรับ พาไปส่งที่พัก
อาม่าท่านนี้มีนามว่า BJ ขนาดชื่อยังเฟี้ยวเลย อาม่าคนนี้แหละที่ขับรถตู้ไปรับไปส่งเรากับเพื่อนๆที่แมค และเป็นที่ปรึกษาให้เราเวลาเรามีปัญหา
เขาเหมือนอาม่าคนนึงที่เป็นห่วงเด็กๆ จากใจจริง อาม่าเป็นคนที่น่ารักมาก
และเมื่อมาถึงที่พักของเรา ชื่อว่า Intown suites
ไปถึง สิ่งที่ทำคือ เช็คอินก่อน ที่พักของเราเป็นโรงแรม เขาเรียกว่า Studio ที่มีห้องครัวในตัวด้วย
ค่าห้อง $90/week/คน ราคาสูงมาก แต่มีทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์ และไม่มีค่ามัดจำ
ข้างในห้อง
เนื่องจากนอนกัน 5 คนเลยต้องเอาเตียงมาชนกัน แล้วมีคนนึงนอนตรงกลาง
หลังจากได้กุญแจห้องแล้ว วางกระเป๋า แล้วนอนเลยค่ะ ไม่ใช่!! 555 ตอนนั้นคือรู้สึกเพลียแต่ก็ไม่อยากนอน เพราะว่ากลัวจะปรับเวลาไม่ได้ซักที ก็เลยต้องลากตัวเองกับกลุ่มรูมเมทไปซื้อของตั้งตัวกันที่ Walmart ก่อน
หลังจากนั้นกลับมา นอนลูกเดียว และนี่คือการนอนมาราธอนที่แท้จริง นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตื่นอีกที 8 โมงเช้าอีกวันเลยทีเดียว กว่าจะหายเจทแลค ก็ใช้เวลา 4-5 วันค่ะ
ช่วงอาทิตย์แรกๆ ไม่มีอะไรทำเลย ต้องรอทำ Social Security Card ก่อน (บัตรนี้เหมือนเอาไว้ยืนยันว่าเรามาทำงานแบบถูกกฏหมาย)
และต้องรอคนไทยคนอื่นตามมาสมทบก่อน เพราะว่าแมค ต้อง มี orientation ก่อนการทำงานจริง
อ้อมีอยู่วันนึงได้ไปเดินใน Downtown มา ก็โอเคเลย น่าอยู่กว่าแถวที่พักมาก
หลังจากนั้นอีก 2-3 วันก็ไม่ได้ทำอะไรอีก สิริเวลานั่งๆนอนๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยอยู่ที่พัก 1 อาทิตย์เต็มๆ แล้วก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลย เพราะว่าเมืองมันชนบทมากจริงๆ ไม่มีรถประจำทาง ถ้าจะไปไหนก็ต้องเรียก Uber ถ้าจะไปทะเลต้องขับรถไปอีกเป็น ชม
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง นายจ้างพาไปทำ Social security card ขั้นตอนค่อนข้างละเอียดนิดนึง ต้องเตรียมเอกสารเยอะ บางอันถ้าไม่ได้ปริ้นท์มาจากไทย (อย่าลืมส่งเอกสารสำคัญๆต่างๆเข้าเมลตัวเองด้วยนะคะ สำรองเอาไว้ เผื่อต้องใช้อะไรเพิ่ม มีไว้ดีกว่าไม่มี ) ถ้าไม่มีต้องไปปริ้นท์จากร้านที่นู่น แผ่นละ $3 อู้ว แผ่นละ 100 กว่าบาท คิดถึงร้านถ่ายเอกสารที่มอ ขึ้นมาเลย
หลังจากทำอะไรเสร็จหมดแล้ว นายจ้างก็พาไปเลี้ยงข้าวด้วยค่ะ (ออกแนวกึ่งบังคับเพราะ บ่นกับนายจ้างว่าหิวตลอดทาง 5555) นายจ้างก็พาไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารจีนค่ะ
หลังจากนั้นผ่านไปอีกประมาณ 2-3 วันก็ถึงวัน ที่นายจ้างพาไปเข้าอบรบการทำงานร้านอาหาร (กฏหมายของรัฐบังคับให้พนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับอาหารทุกคนต้องเข้าฟังก่อน)
นี่ก็เป็นคลิปเปิดวนไปวนมาส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับวิธีการควบคุมคุณภาพของอาหาร ต้องจัดการกับเศษอาหารอย่างไรบ้าง ที่ไม่ทำให้เกิดคราบไขมันจนอุดตันท่อ (ชีส นม เนย ทั้งนั้น) และวิธีป้องกันอาหารจะปนเปื้อน แล้วลูกค้าจะเสี่ยงต่อการเป็นนู่นนี่ นั่งดูอยู่เป็นชมเลย
ต่อไปก็จะไป orientation ที่แมคกันแล้ว
ไว้เดี๋ยวมาต่อนะค