เรื่องบังเอิญ (จริงหรอ!)

คือเรื่องที่ผมจะเล่า ผมก็เป็นคนคนนึ่งที่ได้ไปอยู่ต่างประเทศ และเรื่องที่พีคเลยคือผมเป็นคนที่โง่ภาษาอังกฤษมาก และผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก วันแรกที่ผมถึงสนามบิน ป้าผมมารับและได้พักกับป้าที่อยู่ที่ประเทศนี้ ระหว่างทางกลับป้าก็พาไปทานข้าวทั่วไปปรกติและป้าบอกผมว่า “ต้องกลับบ้านเองนะ”เพราะป้าต้องไปต่างจังหวัด ป้าก็สอนแปปเดียว พอผมกางแผนที่รถไฟเท่านั้นแหละ แม่เจ้ามีเป็น10สาย สีเขียว สีแดง สีชมพู สีเขียว บลาๆ ป้าผมทิ้งไว้แค่กุญแจบ้านกับแผนที่เล็กๆและแผนที่tube map ที่ผมเปิดดู และบอกว่าลองกลับเองดูไม่ยากหรอก สรุปผมกลับบ้านได้ก็ดึก555 คือถ้าคนไทยเวลามาเมืองนอกแรกๆจะมีอาการเจ็ทแลค ผมก็เป็นกว่าจะได้นอนก็ตี3นู้นน วันที่2 ผมได้เล่นแอปพลิเคชั่นนึ่ง ก็เจอผู้หญิงคนนึ่ง อ่าวอยู่ประเทศเดียวกันเลยนี่นา เลยทักไปถามเค้าให้คำแนะนำดีนะและวันนั้นเค้าก็ชวนไปเที่ยวนัดเจอกันบ่ายๆ วันนั้นเป็นวันแรกที่ได้เจอ ใครก็ไม่รู้ มาจากไหนก็ไม่รู้5555 ในใจเราคิดว่า เค้าคงใจกล้าเนาะไม่กลัวโดนหลอกหรอ555 วันนั้นเราก็ไปตลาดไปเดินเล่นกันทั่วไปเค้าก็สอนเรานั่งรถไฟ ไปนู้นไปนี่ จนเค้าบอกผมว่าอยากไปที่ที่นึ่งแต่อยากไปตอนกลางคืนเราก็ตกลงไปกัน ที่นี่กว่าจะมืดก็3-4ทุ่ม ซึ่งวันนี้มันฝนตกครับ จุดพีคคือผมถือเสื้อโค้ชมาตอนเช้าเพราะคิดว่ามันจะหนาว แต่ที่ไหนได้เสือกร้อน เลยเอามากันฝนซะเลย และเราก็ได้ไปหลบฝนร้านบาร์ และพอฝนหยุดก้ไปถ่ายรูปกัน ซึ่งบอกเลยผมเป็นคนที่ถ่ายรูปห่วยมากครับ เบลอบ้างไม่โฟกัสบ่าง เธอเลยบอกผมว่า “ผู้หญิงชอบคนที่ถ่ายรูปสวยนะ” และพอเราถ่ายรูปเสร็จก็ต้อง กลับบ้านกันแต่ความซวยคือ สถานนีรถไฟมันปิดนะสิต้องไปขึ้นที่อื่น เราก็เดินไปประมาน10นาที รถไฟของเธอมีนะแต่ของผมไม่มีเพราะมันดึกมากแล้ว เธอเลยถามคนแถวเจ้าหน้าที่นั้น โชคดีมากเลยที่เธอเก่งภาษาอังกฤษมาก ผมต้องไปนั่งรถไฟC2C มันคือรถไฟไปต่างเมือง ซึ่งต้องไปขึ้นอีกสถานีนึ่งซึ่งเดินไปอีก5นาที ผมว่าจะเปิด GPSไป แต่แบตผมดันเหลือ 1% ผมวิ่งสุดขีด จนทันรถไฟรอบนั้น แต่มันไม่จอดที่สถานีผมนะสิ มันไปจอดอีกสถานีนึ่ง ผมเลยต้องถามแบบงูๆปลาๆ นั่งบัสกลับ กว่าจะถึงก็ตี2 มันเป็นการกลับบ้านที่ดึกสุดของผมแล้วครับ5555+ วันที่3 ของผม ก็นัดคุยกับเธอวันนี้ก็ไปเที่ยวทั่วไปครับ เวลาผ่านไปเร็วมาก จนจะกลับผมเลยถามเธอว่าทำไมถึงกล้ามากับเรา ไม่กลัวเราหลอกหรอ? เธอตอบว่า “เวลาไปไหนก็ต้องก็ดูดีดีสิ” ผมเลยถามว่าแล้วกลับไทยวันไหนละ เธอบอกอีก3-4ก็กลับแล้ว ในหัวผมตอนนั้นคิดวว่าวันนี้อาจจะวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน เลยขอเซลฟี่ก่อนที่รถไฟจะถึงป้ายของเธอ ด้วยความถ่ายรูปห่วงไง ภาพเลยเบลอ5555+ ในใจผมคิดว่าบังเอิญดีเนาะโลกนี้ และวันที่ผมไปคุยงานเธอทักมาถามว่าว่างไหม ผมก็ว่างพอดีเลยตอบตกลง เราก็ไปกินชาบูกันนั่งตีกันเรื่องราคาน้ำซุป ตลกดีวะ เวลาก็ผ่านไปเร็วดีผมเลยบอกว่าอยากไปสถานที่เดิมที่ไปตอนกลางคืนวันแรก ใจจริงว่าจะไปนั่งรานบาร์ แต่พอดีมันปิดเพราะมีก่อการร้าย เลยต้องกลับบ้าน แล้วผมกับเธอต้องนั่งรถคนละสาย เธอเคยบอกว่าอยากถ่ายรูปตรงกระจกเลนเว้าของรถไฟเพราะมันสวยดี555 ขากลับก่อนจะถึงรถไฟ โชคดีเจอพอดีผมเลยบอกไปถ่ายรูปสิ และก็เลยขอเซลฟี่ใหม่อีกรูปไปเลย และผมก็บอกเธอไปว่า “สักวันเราอาจจะได้เจอกันก็ได้นะ” เรื่องนี้มันก็แปลกดีนะสำหรับผมนะ5555 ต่างคนมีประสบการณ์แตกต่างกัน มีคนเคยบอกว่า”แสงไฟข้างหน้าก็เหมือนอนาคตที่ต้องเดินต่อไป”  (From วางมวยไหม?) ปล.ถ้าได้เป็นนักร้องแล้วจะไปขอถ่ายรูปใหม่นะ  เอาจริงๆผมเขียนไปแล้วรอบนึ่งแต่ยังไม่ลงทะเบียนเลยเขียนใหม่โครตซวย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่