คำถามคือ..บอสชอบหนูใช่มั้ยคะ??? ของแบบนี้มันต้องมโน อยู่ญี่ปุ่น 8 วันมโนกันเข้าไป๊!! PART1 DAY1-3

กระทู้คำถาม
..เพราะชีวิตจริง มันยิ่งกว่าในนิยาย..

เรื่องมันมีอยู่ว่า..
งานมีปัญหา
จู่ๆก็มีคำสั่งจากเบื้องบนว่าให้ไป sort งานที่ประเทศญี่ปุ่น!!

ห๊าาา!!
ไป sort งานที่ประเทศญี่ปุ่น!
ญี่ปุ่น!!!

เอ่อ..คะ..คือว่า..
ตั้งแต่เกิดมาหนูยังไม่เคยไปต่างประเทศ
และหนูก็ยังไม่เคยขึ้นเครื่องบินเลยคร่าาาา กรี๊สสส

ไม่อาวววว
ไม่ปายยยย
หนูจัวววว
หนูไม่พร้อม
หนูไม่ไป...ฮือออ

ไม่ได้!
เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าใครจะไปก็ได้นะครับ
คุณคือ QA Eng ถ้าไม่มีปัญหาคอขาดบาดตาย
คุณจะต้องไป!!!

แง้...
ตะ..แต่..ว่า...
หนูไม่มี...เอ่อ...เอ่อ...

ติดปัญหาอะไรครับ?

คือ..ตื่นเต้นค่ะ กล้าๆ กลัวๆ
พูดภาษาอังกฤษก็ใช่จะเก่งที่ไหน จะไปทำยังไง จะต้องพูดกับใคร โอยย ตายกุตาย

เอ่อคือ..หนูไม่มีเงินนะคะ
ไปต่างประเทศทั้งทีก็ต้องมีเงินใช่ม๊าาา

และอันนี้ก็คือเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ต้องรีบชี้แจงโดยด่วน

นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ ทางบริษัทจะจัดการให้ทุกอย่าง
มีเบี้ยเลี้ยงให้ และตลอดหนึ่งสัปดาห์จะมีนายญี่ปุ่นดูแลตลอด จูโมงซาน(นามสมมุติของนายญี่ปุ่น)จะดูแลคุณ

ห่ะ! หนึ่งสัปดาห์ จะบ้าเหรออ??
ละ..แล้ว..จูมงซาน!! นั่นมันท๊อปบอร์ดของบริษัทเลยนะนั่น อีตานี่เวลาดุก็ดุชะมัด แต่เวลาไม่ดุก็พอมีอยู่ อย่างน้อยเขาก็เคยบอกว่าเราน่ารักหละน่าาา

(ตอนเราเป็นพนักงานใหม่อ่ะ จูมงซานเข้ามาที่บริษัทแล้วเราได้เจอ พอรู้ว่าเป็นผู้บริหารก็ยกมือไหว้ เขาถามอะไรก็ตอบๆ ยิ้มๆ อิตานี่มาบอกว่าเราน่ารักซะงั้น ชิ แต่เคยได้ยินมาว่ากะล่อนโคตร)

ปกติจูมงซานไม่มีเวลามากขนาดนี้นะครับ แต่เรื่องนี้สำคัญมาก

...

คุณไม่มีเวลาแล้ว พรุ่งนี้ไปทำพาสปอร์ตซะ เดี๋ยวเตรียมรถบริษัทให้ไปรับไปส่ง ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่พักในญี่ปุ่นทางเราจะจัดการให้เอง อ้อ..ไม่ต้องห่วงนะครับ มีเพื่อนที่บริษัทแม่ไปด้วยสองคน พวกเขาจะแนะนำคุณทุกอย่าง

นี่มันอะไรกันเนี๊ยะ!???
คิดจะให้ไปก็ไปเลย
เตรียมตัวเตรียมใจไม่ท๊านนนนน
แล้วอิชั้นจะไปขึ้นเครื่องยังงายยยย
เกิดมาก็ไม่เคยไปสนามบิน
แล้วจะโดน ตม.ญี่ปุ่นจับเข้าห้องเย็นมั้ยยยย??
ม่ายยยยย

***

วันที่ไปทำพาสปอร์ต อินางจูมงมาไทย เข้ามาคุยกับลูกค้าที่บริษัท เห็นเรากลับจากทำพาสปอร์ต เราก็เห็นนางกะลังคุยกะลูกค้าเลยยกมือไหว้แล้วจะรีบเดินเข้าห้องไปทำงาน นางรีบเดินมาหาเลยจ้าา แล้วถามว่าพาสปอร์ตเรียบร้อยไหม??

หึ!!

อยากให้ไปมากใช่มะ

"นัดรับวันพฤหัสค่ะ"

"แปลว่าได้?"

"ค่ะ"

ได้คำตอบแล้วนางก็เดินยิ้มระรื่นกลับไปหาลูกค้า

แล้วนางก็กลับญี่ปุ่นก่อนวันที่เราจะเดินทางประมาณสองวัน นางจะไปรับเรากับพี่อีกสองคนที่ญี่ปุ่น

DAY#1
วันเดินทางเราก็ตื่นเต้นม้วกกก
โชคดีที่พี่อีกสองคนที่ไปด้วยดูแล เทคแคร์อย่างดี
การเดินทางผ่านไปด้วยดีค่ะ ไปถึงสนามบินโอซาก้า
โอเย่ มาถึงญี่ปุ่นแล้นนนนน
สวัสดีเจแปน^^

อินางจูมงก็มารับที่สนามบินตามนัด
ตอนแรกนึกว่านางจะมีคนขับรถมาไรงี้
ไม่จ้าาา นางขับรถมาเอง แล้วก็ขับรถพาลูกน้องสามคน (เรากับพี่ที่มาด้วยกันอีกสองคน)ไปยังเมือง Himeji ซึ่งก็ไกลจากโอซาก้าพอสมควรนะ มาถึงนางก็พาเข้าที่พัก แล้วก็พาไปกินข้าว

ตอนกินข้าวนางก็แนะนำเมนูแล้วก็สั่งโน่นนี่นั่นมาให้ลอง ปลาดิบจ้าาาา อิเราก็ไม่กินดิบไง นางก็บอกให้ลอง ก็เลยลอง ติดใจสิคะ อร่อยมากก อร่อยทุกอย่าง พอนางถามเราว่าอร่อยไหม กินได้ไหม เราบอกว่าอร่อยมาก นางก็ยิ้มพอใจ

ก่อนกลับที่พักนางก็พาแวะเซเว่นซื้อของไว้กินตอนเช้าเพราะโรงแรมไม่มีอาหารเช้าให้ นางก็แนะนำโน่นนี่นั่น อิเรานี่ก็ดูราคาแล้วก็ไม่กล้าหยิบ ความจริงรู้แหละว่านางจะจ่ายให้ แต่เกรงใจ นางก็หยิบๆมาให้ พอกลับห้องพักนางก็บอกให้พี่ผู้หญิงที่มาด้วยกันมาสอนเราใช้อ่างอาบน้ำ ฝักบัว โน่นนี่นั่น เพราะเป็นห่วงว่าเราจะบ้านนอกใช้ไม่เป็น 555 ก็ไม่ขนาดน้านนน!!

จบ DAY#1 ไปอย่างไม่มีอะไรสงสัย
เราก็ไม่ได้คิดอะไร
ยังค่ะยัง ยังไม่มโน

DAY#2
วันทำงานละจ้าาา
มา Sort งาน ก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่เรากังวล
คนญี่ปุ่นน่ารัก เป็นมิตร งานก็ไม่ได้ยุ่งยาก
คำถามที่ค้างคาใจคือเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้บริหารระดับนางจำเป็นต้องมานั่ง sort งาน อืม ไม่เข้าใจ นางทำไปก็บ่นว่าเบื่อไป ปกติงานนางจะต้อง contact กับลูกค้าโน่นนี่นั่น ดูยุ่งยากวุ่นวาย แล้วนี่ให้นางมานั่ง sort งานกับพวกเราอีกสามคนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากไทยแลนด์!!

เออ ช่างมันเถอะ

ประเด็นมันอยู่ที่..

มื้อเย็น..นางก็พาไปกินข้าวเช่นเดิม
แล้วก็สั่งอาหารมา แล้วก็ถามเราว่ากินได้มั้ย ชอบมั้ย เช่นเดิม พอเรากินนางก็จะมองแล้วทำหน้าแบบลุ้นสุดชีวิต เออ..ลุ้นขนาดนั้นจริงๆ พอเราบอกอร่อยนางก็ยิ้มพอใจเช่นเดิม ทุกคนกินเบียร์กัน แต่เราไม่กิน เราขอเป็นน้ำเปล่า จู่ๆนางก็สั่งน้ำผลไม้มาให้ บอกว่าอยากให้ลอง อร่อยนะ อืม เราก็ลอง อร่อยจริงไรจริง กินหมดแก้ว^^ ทุกคนสั่งเหล้าเพิ่ม นางเรียกเด็กเสิร์ฟมาแล้วสั่งอะไรเราก็ไม่รู้เรื่องและก็ไม่สนใจอยู่แล้ว แทะๆเล็มๆปลาดิบไป พอเด็กเสิร์ฟยกแก้วเหล้ามานางบอกของเราจ้าาา เหล้าผลไม้ สั่งมาให้ลองว่าชอบไหม.. เราแบบห๊ะ!!! แล้วนางก็ทำหน้าลุ้นว่าเราจะกินมั้ย ก็เลยลองชิมให้สักหน่อย อี๋ ขมๆ เลยบอกไปว่าไม่ชอบ นางก็พยักหน้าเข้าใจ (เริ่มละ อินี่เริ่มมโน.. คือกะจะสั่งมาดูว่าเราชอบไม่ชอบอะไรใช่ป่ะ เพราะทุกอย่างที่นางสั่งมาให้คือเราชอบหมด ไม่ได้พูดเอาใจนะ แต่มันอร่อยจริง) คือทุกคนอยากกินไรสั่งเองหมดนางไม่ได้สั่งให้ แต่อันนี้คือ..เราไม่ได้อยากกินนะ แค่นี้ก็เต็มโต๊ะจนกินไม่หมด แต่นางก็ยัง...เทคแคร์ขั้นสุดค่ะ

สุดท้าย เหล้าผลไม้ที่เรากิน ยื่นให้คนอื่นไม่มีใครกิน อินี่ต้องดั้มหมดแก้วเองค่ะ เสียดายของ กลับถึงห้องพักเวียนหัวตึ๊บๆ

DAY#3
วันนี้ก็ทำงานตามปกติ แต่สังเกตอาการนางออกจะเหวี่ยงๆเล็กน้อย ไม่ได้เหวี่ยงเราหรอก เหวี่ยงพี่อีกคนที่สนิทกับนางมากกว่า แบบทำอะรนิดหน่อยนางก็เหวี่ยง เราก็เข้าใจว่านางอาจจะไม่ชอบงานแบบนี้เลยเบื่อๆเซ็งๆ ก็เลยสงบปากสงบคำ ไม่พูดอะไรกับนางมาก

แต่ระหว่างทำงานก็มีชวนกันคุยโน่นนี่นั่น นางก็ถามว่าเราชอบญี่ปุ่นไหม เราก็ชอบนะ บ้านเมืองเป็นระเบียบ สะอาด สงบ อากาศดี ช่วงนี้ประมาณยี่สิบหน่อยๆ เย็นสบาย ชวนกันคุยเรื่องวันหยุดจะไปเที่ยวไหน นู่นนี่นั่น นางเอารูปบ้านนางให้ดูด้วย คือ..จะพาไปอยู่เหรอคะ(มโนอีกแระ) บ้านหลังใหญ่มากก เราเลยเรียกนางว่ามาเฟีย ฮ่าาา ดูเหมือนบ้านมาเฟียอ่ะ

ตะ..แต่ แต่ แต่
มันพีคตรงเน้!!!
เลิกงาน พี่ผู้หญิงบอกว่าอยากกินราเมง เอ่อ มันเรียกราเมงหรือราเมน เออ นั่นแหละ นางก็พาขับรถมาที่ห้าง ตอนแรกก็นึกว่าจะมากินในห้าง ไม่จ้าา พามาเดินเลาะดูของ เอ่อ..ก็ได้แต่ดูนั่นแหละค่ะ เงินเบี้ยเลี้ยงอันน้อยนิดขอเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า..

ร้านรองเท้าจ้าาา
ที่จริงถูกกว่าไทยเยอะมาก พวกแบรนด์เนมทั้งหลายแหล่ ประมาณสามสี่พันเยน ก็เงินไทยประมาณพันกว่าบาท อืมถูก สวยด้วย แต่บอกแล้วว่าดูเฉยๆค่ะ ทุกคนก็เดินดูของไป เราก็แอบไปดูรองเท้าหนังให้พ่อ กะจะซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดพ่อ วันนี้พอดี แต่เจอราคาถึงกับจอดจ้า หมื่นเก้าพันเยนงี้ จึ๋ยยย ถอยยยดีกว่า ไม่เอาๆๆๆ ดีกว่า..

นางเรียกเราไปดูรองเท้า (เอ้อ ลืมบอกว่านางพูดไทยได้นะ) แล้วก็หยิบมาให้คู่นึง รองเท้าผู้หญิงไนกี้ สีฟ้า ถามว่าชอบไหม เราก็..ชอบนะ สวยดี เบาด้วย น่าจะใส่สบาย ราคาสามพันกว่าเยน ก็พันกว่าบาท แต่..บอกแล้วไงคะ..ดูเฉยๆค่ะ ไม่ซื้อ วางไว้ที่เดิม แต่นางไม่จบจ้าาา ถามอีกว่าเราชอบสีไหน คือบัฟ..เหมือนตอนพระเอกหลอกพานางเอกมาซื้อแหวนแต่งงานมะ ฮือออ อินี่มโนอีกแล้วค่ะ ถามทำไม จะซื้อให้เหรอ?? เราก็บอกไปแบบที่ชอบว่าชอบสีพื้นแบบสีขาวล้วนไรงี้ นางก็ทำหน้าตาตื่นเต้นแล้วก็จับคู่สีขาวพื้นสีเขียวอ่อนมาให้ดูอีกว่าคู่นี้ชอบรึเปล่า สวยนะ เราก็ดูแล้วก็ สวยค่ะสวย วางไว้ที่เดิม นางก็เดินดูอีก แล้วก็บ่นๆ ชอบสีขาวใช่ไหม แล้วก็หยิบคู่สีขาวมาดู คือ อินี่เขินค่ะ เขินจินตนาการตัวเอง เขินความมโนที่มีอยู่มากเกินไป ก็เลยเดินมาหาพี่อีกสองคนที่ดูรองเท้าอยู่อีกฝั่ง สักพักนางตามมา ถามอีก.. คือยังไม่จบ! ชอบรองเท้ายี่ห้ออะไร? งื้อออ จริงจังไปมั้ยเนี๊ยะ!! เราก็เลยบอกว่าไม่รู้เพราะไม่เคยใส่แบรนด์แท้ 555

จบจากร้านรองเท้าก็ไปต่อที่ร้านราเมง ราเมน เออนั่นแหละ เราก็สั่งตามพี่เขาคนที่เคยกินว่าอันไหนอร่อย พอได้มานางก็มองตอนเรากินคำแรกแล้วก็ทำหน้าลุ้นอีก คือลุ้นทุกอย่างที่เรากินจริงๆ พอเราบอกอร่อยนางก็ยิ้มแล้วถามว่ามีอะไรไม่อร่อยไหม เห็นชอบทุกอย่าง คือ..ดีใจใช่มะ เราก็เลยบอกว่าไม่อร่อยเหล้าค่ะ (คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาไทยจะพูดประมาณนี้คือการเรียงคำจะแปลกๆหน่อย เราก็พูดตามเค้า) นางก็เลยพยักหน้าเหมือนเข้าใจแล้ว แล้วก็สั่งข้าวผัดมาให้อีก บอกว่าอยากให้ลองข้าวผัดญี่ปุ่น ราเมนนี่เต็มชามจะกินหมดไหม ถามหน่อย พอข้าวผัดมา ก็ตักมาให้เรา ลุ้นเหมื๊อนเดิม พอบอกอร่อยก็ยิ้มเหมื๊อนเดิม คือ..นางต้องการอะรจากเราาาา

สิ้นสุด DAY#3 ด้วยการก่อนกลับหอนางก็พาไปเซเว่นซื้อของมาตุนรอบเช้า จำได้ว่าเราชอบกินนมนางก็หยิบนมให้กับข้าวห่อสาหร่ายที่นางบอกว่าอร่อย

กับพี่อีกสองคนนั้น(ผู้หญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง) นางก็ปล่อยให้หยิบๆเอง เลือกเอง นางมีหน้าที่จ่ายตังค์ จบ!

ยังไม่รู้ยังไงต่อ
พรุ่งนี้จะได้มโนอีกไหม
เดี๋ยวมาอัพเดตเลเวลความมโนใหม่จ้าาาา
เพิ่ง DAY#3
อยู่ที่นี่ 8 วันจะเป็นยังไงต่อ ยังไม่รู้อนาคต
แล้วภายใต้ความมโนมันมีความเป็นไปได้บ้างมั้ยเนี๊ยะ ฮ่าาาๆๆ

แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ อินางจูมง!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
แหม่...หัดแต่งนิยายเหรอครับ  ว่าแต่ที่คานาซาว่า อากาศเป็นไงครับช่วงนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่