เจ๋าซือ : แม่ม่ายล่มเมือง ตอน 1 (นิยายอิงประวัติศาสตร์สามก๊ก)

กระทู้สนทนา
เห็นคลับเงียบๆ (เงียบมาก)  ขอเอานิยายที่เขียนลงเนตมาแปะนะคะ

...........................................

    เจ๋าซือ  หญิงงามผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์  แม่ม่ายพราวเสน่ห์ผู้ยั่วยวนให้โจโฉลุ่มหลงจนพ่ายแพ้ในศึกและเกือบสิ้นชีพ  หญิงผู้ถูกขนานนามว่า ‘นางผู้พลิกผันการยุทธ’

    นิยายแนวสงครามเรื่องนี้นำประวัติศาสตร์ช่วงโจโฉทำศึกกับเตียวสิ้วมาดัดแปลง  จริงสามส่วนเท็จเจ็ดส่วน  ไม่สามารถนำไปอ้างอิงประวัติศาสตร์ได้ค่ะ

...........................................


    โจโฉในชุดแม่ทัพก้าวเข้ามาในจวนเจ้าเมือง  โจงั่งลูกชายคนโตร่างสูงใหญ่องอาจเดินตามหลัง  เตียวสิ้วเจ้าเมืองผู้พ่ายแพ้สงครามประสานมือก้มศีรษะคำนับ  โจโฉหัวเราะร่าอย่างเบิกบานใจ

    เตียวสิ้วจัดเลี้ยงต้อนรับโจโฉอย่างดีด้วยอาหารและสุรารสเลิศ  แต่ยังไม่สาแก่ใจบุรุษผู้มักมากในกามคุณอย่างโจโฉ  เขาเรียกคนมาสอบถามว่าหญิงใดงามล้ำในเมืองแห่งนี้  ชื่อที่ได้รับการกล่าวถึงคือ เจ๋าซือ แม่ม่ายซึ่งเป็นอาสะใภ้ของเตียวสิ้วนั่นเอง
    “ดี  ดีมาก  ข้าอยากเห็นนาง  ไปเชิญนางมาสิ”  โจโฉปรบมือเป็นสัญญาณ
    “นายท่านจะดีหรือขอรับ  ถ้าท่านต้องการ  นางโลมจะกี่คนในเมืองนี้เตียวสิ้วย่อมยินดีบรรณาการ  แต่...เจ๋าซือเป็นอาสะใภ้ของเตียวสิ้วนะขอรับ”  กุยแกเตือนสติ
    “กุยแก กุยแก ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  โจโฉจับคางแหลมเล็กของกุยแกเขย่าไปมา  “หากเจ้าเป็นสตรี  ข้าคงคิดว่าเจ้าหึงหวงข้าไปแล้ว”
    “นายท่านอย่าพูดเล่นสิขอรับ  ข้าแค่ห่วงว่า...”  กุยแกยั้งคำพูด  ปล่อยไปก่อนดีกว่า  เมาขนาดนี้พูดอะไรคงไม่ฟัง

...........................................

    ปัง !!!  เตียวสิ้วอดีตเจ้าเมืองทุบโต๊ะอย่างแรง
    “มันจะหยามเกียรติกันเกินไปแล้ว  นางรำนางโลมมีตั้งมากมาย  ไฉนต้องการอาสะใภ้ม่ายของข้า”
    “ใจเย็นก่อนขอรับนายท่าน  เจ๋าซือคงไม่ต้องการเป็นนางบำเรอของโจโฉเช่นกัน  นางเป็นหญิงกล้าและรักในศักดิ์ศรีคนหนึ่ง  ข้าคิดว่า...”  กาเซี่ยงกระซิบข้างหูเจ้านาย
    “แผนเยี่ยม  จัดการตามเจ้าว่า”  เตียวสิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์

    หญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งถูกส่งไปเป็นของกำนัลแด่โจโฉ
    “งามนัก  สมคำเล่าลือจริงๆ”  โจโฉประกบปากบนริมฝีปากจิ้มลิ้มของเจ๋าซือ
    เจ๋าซือมือสั่นระริกด้วยความเกลียดชังและอับอาย  เธอเม้มปากแน่นและนิ่งปล่อยให้โจโฉล่วงล้ำร่างกายตนเอง  มือสวยแต่หยาบกระด้างโอบกอดลูบคลำเรือนร่างคนงามอย่างพึงพอใจ

    “เป็นอะไร  เจ้าไม่เต็มใจรึ”  โจโฉเลิกคิ้วถามเมื่อเล้าโลมแล้วอีกฝ่ายยังนิ่งเฉย
    “มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ  ตอนแรกข้าไม่เต็มใจอย่างท่านว่าจริงๆ  ข้านึกว่าท่านจะน่ากลัว  ข้าจึง...”  เจ๋าซือแสร้งก้มหน้าเขินอาย
    “พวกเจ้าแต่ละคนนี่กระไร  นึกว่าข้ามีสามเศียรหกกรหรือยังไง  ข้าก็คนธรรมดาเหมือนคนอื่นเขานั่นแหละ”  โจโฉหัวเราะจนตาหยี
    เขาได้ยินกิตติศัพท์เล่าลือถึงตัวเองจนกลายเป็นเรื่องขำขันในหมู่คนใกล้ชิด  หลายครั้งที่เขาแอบไปเดินตลาดหรือพบปะชาวบ้านระดับล่าง  โจโฉได้ยินคนกล่าวถึงตัวเองว่ารูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ หน้าตาดุดัน น่าเกลียดน่ากลัวสารพัดจะสรรหาคำพรรณนาที่คนพูดมีปัญญาหยิบยกขึ้นมาได้

    “พบตัวจริงแล้ว  ข้าถึงได้รู้ว่าคำกล่าวผู้คนช่างไร้สาระยิ่งนัก  ท่านรูปงามยิ่งนัก  และไม่ได้อัปลักษณ์น่าเกลียดอย่างที่พวกนั้นว่าสักนิด”  เจ๋าซืออ้าปากจิ้มลิ้มฉอเลาะ
    โจโฉพาเจ๋าซือขึ้นเตียงและร่วมอภิรมย์ติดต่อกันหลายคืน

...........................................


    เจ๋าซือตื่นมาที่นอนข้างตัวก็ว่างเปล่าและเย็บเฉียบ  หายไปอีกแล้ว  นางสวมเสื้อผ้าลวกๆออกไปนอกห้อง
    “แม่นางต้องการอะไรเจ้าคะ”  หญิงรับใช้หนึ่งในสองนอกประตูเอ่ยถาม
    “ท่านโจโฉไปไหน”
    “ข้าน้อยไม่ทราบเจ้าค่ะ”
    “ท่านออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
    “แม่นางโปรดอย่าถามอีกเลยเจ้าค่ะ  พวกข้า...”
    “ช่างเถอะ  ข้าขอโทษด้วย”  นางรู้ว่าสาวใช้คงโดนสั่งไม่ให้บอกสิ่งใด  ถ้านางคาดคั้นมากๆ  เหล่าสาวใช้พวกนี้จะลำบากได้

    “ข้าต้องการไปเดินเที่ยวซื้อของใช้ส่วนตัวบ้าง”  เจ๋าซืออยากออกไปข้างนอกใจจะขาด  เธอรู้ว่าเตียวสิ้วและกาเซี่ยงวางสายไว้ทั่วเมือง  ถ้าเจอลูกน้องเก่าของเตียวเจสามีที่เสียชีวิตไป  เจ๋าซือจะได้ลอบส่งข่าวให้เตียวสิ้วหรือกาเซี่ยงได้
    “แม่นางต้องการสิ่งใดแจ้งพวกข้าได้เจ้าค่ะ  พวกเราจะจัดหามาให้ทุกอย่าง”
    ตั้งแต่โดนส่งตัวมาเป็นนางบำเรอของโจโฉ  เจ๋าซือแทบไม่ได้ออกนอกห้องด้วยซ้ำ  จะออกได้คือตอนออกไปพร้อมโจโฉซึ่งน้อยครั้งเหลือเกิน  โจโฉเป็นคนฉลาดหลักแหลม  นางจึงไม่กล้าแจ้งข่าวแม้จะเจอผู้รับสาร

    “ข้าต้องการออกไปเยี่ยมญาติพี่น้องบ้าง  จะให้ทหารคุมตัวข้าไปหรืออะไรก็ได้  ข้าขอร้องล่ะ  ข้าคิดถึงมารดาของข้าเหลือเกิน”  เจ๋าซือยกแขนเสื้อป้ายน้ำตา  ถึงจะร้องไห้อย่างเสแสร้งแต่น้ำตานั้นกลั่นออกมาจากใจจริง  น้ำตาจากความอัปยศที่ต้องทอดกายให้ศัตรูตัวฉกาจ
    สองหญิงรับใช้มองหน้ากัน
    “ข้าจะไปแจ้งผู้มีอำนาจเพื่อขออนุญาตนะเจ้าคะ  แม่นางเชิญรับทานอาหารเช้าก่อนนะเจ้าคะ”  หนึ่งในสองหญิงรับใช้ออกไป  อีกคนเข้ามาปรนนิบัติเจ๋าซือแต่งตัวและทานอาหาร

    ทหารรูปร่างสูงใหญ่ที่มีเค้าโครงหน้าคล้ายโจโฉเจ็ดส่วน  ยืนอย่างสงบหน้าประตูห้อง
    “ท่านโจงั่ง  ท่านมารอนานแค่ไหนแล้วเจ้าคะ  ทำไมไม่ให้คนมาบอกข้า”  เจ๋าซือตกใจเมื่อเห็นลูกชายคนโตของโจโฉ
    “ฮูหยินกำลังทานอาหารเช้าข้ามิอาจรบกวน  เรื่องที่ฮูหยินขอนั้นข้าอนุญาต”
    “จริงหรือเจ้าคะ”  เจ๋าซือดีใจจนเนื้อเต้น
    “แต่ว่า...  ช่วงนี้เหล่าทหารและกุนซือวุ่นวาย  ท่านโปรดรอสักพัก  ข้ารับปากจะพาท่านไปหามารดาและญาติพี่น้องแน่นอน”  โจงั่งยิ้มอย่างสุภาพ
    เจ๋าซือกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ  รอสักพัก  รอสักพักคือเมื่อไหร่กัน  รอจนโจโฉวางกำลังยึดเมืองยึดทหารรวบอำนาจทั้งหมดได้แล้วงั้นหรือ

    “ข้าเป็นอะไรกันแน่  ข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร  ตำแหน่งอะไร”  เจ๋าซือกล่าวอย่างเหลืออด
    “หามิได้ขอรับ  ท่านสมุหนายกมิได้เห็นฮูหยินดั่งเช่นนางบำเรอ  ท่านพ่อของข้าให้เกียรติฮูหยินมากนะขอรับ”
    “นางบำเรองั้นหรือ  เจ้าพูดตลกอะไร  อย่างข้าเหมือนตัวประกันมากกว่า”
    หลังสี่ขุนพลของตั๋งโต๊ะสิ้นอำนาจ  เหล่าทหารกล้าจากทางเหนืออันแข็งแกร่งกระจัดกระจายไปทั่ว  ขุมกำลังส่วนหนึ่งนำโดยกาเซี่ยงสวามิภักดิ์ต่อเตียวสิ้วผู้ปกครองถึง 4 หัวเมือง  เพราะเป็นขุนพลที่เก่งกาจและมีทรัพยากรพอเลี้ยงดูทหารกล้าจำนวนมากได้อย่างอิ่มหนำ

    เจ๋าซือก็ตามมาด้วย  เนื่องจากเตียวสิ้วคืออาของเตียวเจ  เธอได้รับการดูแลอย่างดีในฐานะอาสะใภ้ของเตียวสิ้ว  ยิ่งส่งให้เหล่าอดีตทหารแดนเหนือของตั๋งโต๊ะภักดีกับนายใหม่มากยิ่งขึ้น  บัดนี้ฐานะของเธอกลับกลายเป็นตัวประกันในจวนชั่วคราวของศัตรูโดยไม่คาดคิด
    แผนของกาเซี่ยงที่ส่งเธอมาเป็นไส้ศึกกลับตาลปัตรอย่างเหลือเชื่อ  ถ้าเธอกลายเป็นภรรยาน้อยของโจโฉ  ทหารจำนวนมากของเตียวเจอดีตสามีอาจย้ายข้างมาอยู่กับโจโฉแทนเตียวสิ้วเป็นแน่แท้

หมายเหตุ - สมุหนายก = นายกรัฐมตรี
สี่ขุนพลของตั๋งโต๊ะ คือ ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียว

...........................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่