เรื่องเล่าจากมหาลัย (ต่อ)

จากกระทู้นี้นะครับ ที่เคยตั้งไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ใกล้จะหมดละครับ เหลือไม่กี่เรื่อง นี่พยายามขุดๆ โทรไปถามเพื่อนมาก็มีครับ 55555555

พอดีหลายๆท่านบอกให้ตั้งใหม่เถอะ เขาขี้เกียจเลื่อนหา ^^

#14 แฟนเก่า

*เรื่องนี้ ผมมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วนเพื่อให้เกียรติบุคคลที่อยู่ในเรื่องนะครับ แต่โดยรวม เนื้อหายังคงเดิม และที่สำคัญ มีคนเห็นและทักบ่อยมากในช่วงนั้นครับ*
อาการเพื่อนเสียแฟนคงไม่ได้แปลกประหลาดมากใช่มั้ยครับ คนเราตายได้ทุกเมื่อ ผมมีเพื่อนคนนึงครับ ชื่อตั๋ง  ตั๋งเป็นคนแถวพุทธมณฑลครับ เรียนในกทม.ตั้งแต่เกิด ตั๋งนั้น จะเป็นคนในกลุ่มที่ขึ้นชื่อว่า เจ้าชู้มากคนนึง คือ แซวไปทั่ว จีบแบบไทยๆ ไปแซว ไปป้อเขาถึงที่ ไม่เกินสัปดาห์ได้ตลอด แต่ถึงกระนั้น ตั๋งนั้น มีแฟน และรักแฟนมาก เพียงแต่หลงผิด ชอบไปนอนกับคนอื่น...
เรื่องก็เกิดมาจากแฟนของตั๋งนี่ล่ะครับ ตั๋งคบฟ้า มาตั้งแต่ ม.3 ฟ้าเรียนอยู่มหาลัยทางอีสานครับ ผมกับเพื่อนๆ เคยเจอฟ้านะ ตอนฟ้ากลับมาบ้าน เสาร์อาทิตย์ แต่บอกตามตรงว่าไม่ค่อยสนิท เพราะเจอกันไม่บ่อย ตั๋งกับฟ้าทะเลาะกันบ่อยมากๆครับ เรื่องผู้หญิงของตั๋ง ฟ้านั้นจะเป็นคนที่รักเดียวใจเดียวมากๆ คือตั๋งจะทำอะไร จะจับได้กี่ครั้ง ฟ้าจะโกรธ เสียใจ ร้องไห้ แต่ไม่เคยไปจากตั๋งซักครั้ง  ซักผมประมาณปี3 ตอนนั้นเริ่มมีWhatapps(หรือVchatหว่าจำไม่ได้)มาแล้วครับ ผมจำไม่ได้ว่าทะเลาะกันได้ยังไง แต่เรื่องWhatappsนั่นแหละครับ ก็เหมือนทุกครั้ง เหมือนจะรุนแรงแบบที่ผ่านมา ต่างที่ ครั้งนี้ ฟ้าเหมือนจะหมดความอดทนจริงๆฟ้าพูดกับตั๋ง ด่าหยาบๆมากมาย และสุดท้าย ประโยคนี้ก็ออกมา
“ไว้วันนึง มุงไม่มีกู มุงจะรู้สึก”
“รู้สึกแน่ รู้สึกโล่งไงอิเฮี่ยยยย กูจะได้ไปมีคนใหม่ซะที”
ตั๋งสวนทันควัน ทำให้ฟ้ายิ่งโมโห บรรดาเพื่อนฝูงห้ามปรามตั๋งที่โมโหสุดขีดอยู่
“ถ้ากูตาย มุงอย่าหวังจะมีความสุข กูจะเอามามุงไปด้วย”
มันเป็นเสียงแทรกกลางความโวยวาย เป็นน้ำเสียงเรียบๆ นิ่งๆ ไร้อารมณ์ ออกมาจากสายตาที่มองผ่านๆเหมือนจะปลงและตัดใจ แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะจองเวรครับ
หลังจากทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุ่นแรง เพื่อนๆก็จับแยกย้าย โดยที่ผมกับเพื่อนอีกคน ก็คือบี้อาสาที่จะไปส่งฟ้าครับ ตอนนั้นซัก 2 ทุ่มกว่าแล้ว ผมกับบี้(จากเรื่องโค้งยิ้ม)อาสาจะไปส่งถึงบ้าน เพราะเท่าที่ฟัง มันไม่ไกลจากมหาลัยผมมากซะจนไปไม่ไหว แต่ฟ้าบอกว่า ขอแค่ส่งแถวอนุสาวรีย์หรือพญาไทก็พอ พวกผมก็ขัดไม่ได้ครับ แต่ระหว่างทาง ผมก็ปลอบฟ้าในสภาพน้ำตาคลอแต่ไร้เสียงสะอื้น
“ฟ้า เราขอโทษแทนตั๋งด้วยนะ”
“ไม่ต้องขอโทษแทนมันหรอก พวกแกไม่ได้ทำเรา”
“ถึงมันจะปากเสีย แต่มันรักฟ้ามากนะ”
“เดี๋ยวก็รู้”
แค่วลีสั้นๆ 3คำ ทำพวกผมเสียวสันหลังแว๊บเลยครับ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร กลัวแค่ ฟ้าจะไปมีคนอื่นล้างแค้นตั๋ง อะไรแบบนี้ครับ แต่พวกผมก็พูดอะไรได้ไม่มาก เมื่อผมส่งฟ้าเสร็จ ตั๋งก็ยังไม่มีอาการจะเสียใจครับ ยังเมากับเพื่อน ออกแนวสะใจอยู่เหมือนจะมีความสุขครับ
ทั้งคู่ไม่ติดต่อกันประมาณสัปดาห์นึงครับ ซึ่งเป็นเวลาปกติของคู่นี้ครับ จนตั๋งเองเริ่มอยู่ไม่ได้เลยพยายามติดต่อ(เลวเนอะ 55555)
“ฮัลโหล ฟ้า ทำไมไม่ติดต่อมา บลาๆๆๆๆๆ” ด่าก่อนได้เปรียบคือแนวคิดของผู้ชายคนนี้ครับ
“ฮัลโหล พี่ตั๋งหรอคะ หนูฝนนะ น้องพี่ฟ้า”
“อ้าว ฝนหรอครับ พี่ฟ้าล่ะ อยู่มั้ย” ตั๋งเขินนิดๆ เพราะเล่นไปใหญ่มาก
“ตายละค่ะ”
“ฝนอย่าเล่นแบบนี้สิ” ตั๋งคิดว่าฟ้าคงไปเล่าให้ฝนฟังจึงโมโหแทนพี่แล้วประชดมา
“ไม่ได้เล่นค่ะ พึ่งเผา” ด้วยเสียงที่นิ่งๆไม่ได้รู้สึกเศร้า ตั๋งจึงคิดว่าเล่นๆครับ
แต่คุยไปคุยมา มันจริงครับ เรื่องราวทั้งหมดคือ ฟ้ากลับไปที่หอที่มหาลัยครับ แล้วกรีดข้อมือตัวเองตายหลังจากเมาเต็มที่ เรียกได้ว่ากลับไปคืนนึง ก็เมา แล้วก็ทำเลย เขาเจอศพเพราะฟ้าเปิดน้ำที่ฝักบัวทิ้งไว้ตลอด ซึ่งมันซึมมาตามเสาลงมาชั้นล่าง (ผมเองก็งงมากๆในตอนนั้น แม้จะคิดว่าลักษณะของฟ้าที่เจอกันวันนั้น จะน่ากลัว แต่ก็ไม่คิดว่าผู้ชายคนเดียว ฟ้าจะทำถึงขนาดนี้)
แม่ฟ้าบอกว่า ไร้จดหมายลาใดๆ ฟ้าทำโดยไม่โทร ไม่เขียน ไม่อะไรเลย งานศพฟ้าก็จบลง ผมไม่ได้ไปครับ ตั๋งรู้สึกผิดมากครับ ลาที่มหาลัย1สัปดาห์เพื่อบวช(ไม่ได้บวชหน้าไฟนะครับ บวชแบบ บวชเลยอะ เพราะตั๋งเคยบวชมาแล้วตอน 20  มันก็คงคล่องล่ะนะ หลังจากนั้นเพื่อนๆก็เริ่มลืมเลือนเรื่องนี้ครับ ตั๋งเองก็พยายามแสดงต่อหน้าเพื่อนว่าไม่เป็นอะไรเช่นกัน จนวันนึง เป็นวันเกิดเพื่อนในกลุ่มครับ ซึ่งก็ไปกินกัน จนเที่ยงคืนครึ่ง ร้านเหล้าปิด ทุกคนก็ลงความเห็นว่าจะไปเที่ยวต่อที่ใจจกลาง กทม.ครับ
“เฮ้ย กูไปไม่ได้ว่ะ ฟ้ารออยู่ห้อง”
“…” เพื่อนๆทุกคนเงียบหมดครับ คือถึงจะเริ่มเลือนราง แต่ทุกคนรู้ครับว่าฟ้าไม่อยู่แล้ว
พวกผมคิดว่ามันเมา และพยายามลากมันไป ตั๋งพยายามจะกลับให้ได้ พวกผมจึงต้องยอม โดยการไปส่งมันก่อนครับ ผมขับรถไปส่งตั๋ง และให้เพื่อนอีกคนขี่รถของตั๋งไปเก็บ ผมกับเพื่อนอีกคนก็แบกตั๋งขึ้นห้องไปครับ เข้าไปในห้อง ผมแอบตกใจนิดๆ ห้องตั๋งกลิ่นจะชื้นๆ ซึ่งก่อนหน้าฟ้าจะเสีย ผมก็มาห้องตั๋งบ้างนะครับ ตั๋งเป็นคนสูบบุหรี่จัด ปกติห้องตั๋งจะมีแต่กลิ่นบุหรี่ สิ่งที่ผมขนลุกคือ กำแพงฝั่งตู้เสื้อผ้าครับ ตั๋งเลื่อนตู้เสื้อผ้าออกเพื่อให้กำแพงกว้างขึ้น และมีแต่รูปปริ้นคอมเป็นรูปคู่ของตั๋งกับฟ้า บางรูปก็เหมือนโดนฉีกและต่อใหม่  แล้วก็มีรอยที่เอาดินสอ 2Bฝนเป็นตัวหนังสือหนาๆว่า “ขอโทษ” อยู่ที่กำแพงใต้รูปภาพพวกนั้นครับ แล้วก็มีตุ๊กตาหมีของฟ้า(ฟ้าซื้อให้ตั๋งครับ ตุ๊กตาหมีไซส์ครึ่งคน ตั๋งเอาเสื้อยืดสีชมพูของฟ้ามาใส่ไว้( จริงๆมันก็ตลกนะครับ หมีตัวหนาๆ ใส่เสื้อตัวนิดเดียว คอเสื้อรัดคอหมีจนปริ้น แต่นาทีนั้นผมขนลุกครับ นอกจากนั้น ที่จำได้ ยังมีของใช้ของฟ้าที่ยังวางเต็มห้องครับ พวกผมปวดฉี่กันยังไม่กล้าไปฉี่ในห้องน้ำเลย ต้องอั้นลงมาฉี่ข้างทางเอา
ก่อนผมจะกลับกำลังจะล๊อคห้องให้มัน
“ฟ้า  ปายหนายยยยยย ตั๋งเมาอ่า” ผมคิดแค่ว่า เออ มันคงเมาแล้วเพ้อ
“มานี่ มาหาตั๋งมา ไม่ต้องเดินไปส่งพวกมันหรอก พวกมันไม่ได้มาววววว” โอ้โห ประโยคนี้นี่ พวกผมขนลุก วิ่งโดยไม่นัดหมายเลยครับ ผมไม่รู้หรอก ว่ามันแกล้งมั้ย แต่ผมเองเสียวสันหลังกันจริงๆครับ วันรุ่งขึ้นผมก็พยายามหลอกถามตั๋งนะครับ ตั๋งก็ไม่พูดอะไรเลย แค่ยิ้มๆแล้วเปลี่ยนเรื่อง พวกผมก็คิดว่าคงเพราะมันเมานี่ล่ะ
จนวันนึง ผมก็ไปนั่งเล่นหอบี้ครับ(ไปหอบี้บ่อยครับ หอบี้มีเนื้อ 555555555555555555) ซึ่งหอบี้กับหอตั๋งนั้นอยู่ซอยเดียวกันครับ แต่คนละตึก ไม่ห่างกันมาก ซึ่ง ตั๋งกับบี้จะสนิทกับร้านข้าวกลางซอยมาก เพราะมันทะลึ่งกัน ขนาดว่าตี2กลับมา มันหิวมันยังกล้าไปปลุกป้าเขาขึ้นมาทอดไข่ให้มัน(ร้านข้าวจะอยู่ใต้ตึกข้างข้างตึกของตั๋งเลย ในขณะที่หอของบี้จะอยู่ตรงข้ามเยื้องๆกัน)
“บี้ เดี๋ยวนี้แฟนตั๋งไม่เรียนแล้วหรอ” พวกผมเข้าใจว่า ป้าแกคงเข้าใจว่าฟ้าเรียนที่นี่ แต่ช่วงนี้ไม่เห็นเลยก็เลยคิดว่าซิ่วหรือไทร์ไปแล้ว ระหว่างพวกผมกำลังเคี้ยวข้าวแล้วอ้าปากตอบ
“เออ ป้าจำได้ว่าแฟนไอ้ตั๋งมันเรียนคนละที่นี่ ช่วงนี้เห็นอยู่กับตั๋งทุกวันเลย”
“... เอ่อ ป้าเห็นผิดคนปะครับ”
“จะผิดได้ไง ก็คนเดิม ซ้อนมอเตอร์ไซค์มันเกือบทุกวัน เย็นป้าขี่มอเตอร์ไซค์ไปร้านของชำไปซื้อของ มองขึ้นระเบียงห้องมันยังเจอมันนั่งสูบบุหรี่เกาะระเบียงอยู่กับแฟนมันเลย”
“เดี๋ยวป้า เห็นนานยัง”
“หึ ไม่นานอะ” คือตอนนั้นมันจะจบปี3แล้วอะครับ คือฟ้าจากไปเป็นเดือนๆแล้ว
“ไม่นานของป้าอะ เมื่อไหร่” ประโยคนี้ผมตามเองเลย ข้องใจ
“วันจันทร์นี่เอง พึ่งเห็นมันซ้อนมอเตอร์ไซค์เข้ามา ช่วงเย็นๆ” ผมจำได้ว่าวันนั้นน่าจะไม่ศุกร์ก็เสาร์
“…”
“ทำไมอะ มันเลิกกันหรอ แต่ป้าก็เห็นมันซื้อข้าว 2 กล่องตลอดเลยนะ”
พวกผมก็เงียบกันไปอีก
“ดีนะมาบอกป้าก่อน มันเลิกกันแล้วถ้าป้าไปแซวมันมันด่าป้าแน่เลย ปากมันยิ่งหมาอยู่”
พวกผมรีบกินข้าวเสร็จแล้วขึ้นไปบริโภคเนื้อกันต่อแก้เครียด(555555555) ระหว่างนั้นก็คุยกันนะครับว่าจะเอายังไงดี เพราะผมกับบี้เป็น2คนที่ได้เห็นอาการนั้นของฟ้าครั้งสุดท้ายก่อนจากกัน
ผมตัดสินใจชวนบี้โดดเรียน เพื่อมาดักดูตั๋งตอนขี่รถกลับ ซึ่งผมก็ไม่เจอครับ แต่ที่สังเกตุได้เหมือนตั๋งซูบๆไป แต่ก็ไม่ได้จะแตกต่างจากคนที่พึ่งสูญเสียเท่าไหร่นัก สุดท้าย พวกผมตัดสินใจทำสิ่งพิเรนทร์ ขึ้นมาอีก เนื่องจากตั๋งอยู่แค่ชั้น 2 ครับ บี้นั้นไม่ใช่คนตัวหนักอะไร พวกผมตัดสินใจแอบปีนระเบียงตอนตั๋งอยู่ เนื่องจากจะปีนขึ้นนั้น เพียงให้บี้ถอดรองเท้า ให้ผมประสานมือเป็นบันได ก็สูงพอจะส่งให้บี้กระโดดขึ้นไปเกาะระเบียงได้แล้ว พวกผมเห็นแสงจากโทรทัศน์สะท้อนกับผ้าม่านอยู่ ตั๋งอยู่ห้องแน่ๆ บี้ปีนขึ้นไปอย่างเงียบเชียบด้วยน้ำหนักตัวที่เบาหวิวขึ้นไปได้ไม่ถึง 10 วิ บี้กระโดดเหมือนหนีตายลงมา ปลายเท้าเฉียดหางคิ้วผมไปนิดเดียว และกลิ้งออกไปจนข้อศอกและหัวแม่โป้งเท้าถลอก ผมหิ้วปีกบี้ขึ้นตึกของบี้ด้วยความที่กลัวคนแตกตื่นแล้วคิดว่าขโมย ระหว่างผมล้างแผลให้บี้นั้น บี้ก็เล่าว่า...

เดี๋ยวมาต่อนะครับ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่