hatari 22" เปิดเป่าตลอดแต่เป็นลักษณะวนอากาศร้อนซ้ำอยู่ที่เดิม อย่างนี้ไม่ค่อยได้ประโยชน์ สู้พอจะใช้ค่อยเปิดตอนจำเป็นดีกว่า

การเวียนอากาศ มีทั้งแบบแนวราบ และแบบแนวดิ่ง
โดยมากคนจะนึกแต่การระบายอากาศแนวราบ ทั้งที่ถ้าออกแบบการระบายอากาศในแนวดิ่งได้จะสบายกว่าเยอะ เพราะอากาศร้อนในห้องจะลอยขึ้นด้านบนเสมอ ถ้าหากมีช่องทางให้ลมร้อนออกได้มันจะไหลผ่านขึ้นไป  ซึ่งถ้าห้องมีช่องทางให้อากาศเย็นไหลเข้ามาด้วย มันก็จะดึงให้อากาศในห้องเกิดการไหลเวียนได้เองโดยอัตโนมัติ แม้จะไม่ได้ทำความเย็นชื่นใจได้เหมือนการเปิดแอร์เปิดพัดลม แต่ก็จะช่วยให้ห้องโดยรวมมีความเย็นสบายขึ้นได้กว่าเดิมมาก

พัดลมดูดอากาศบนฝ้า ก็มีทั้งแบบหน้าตาเหมือนพัดลมดูดอากาศติดข้างผนัง แต่ด้านหลังใบพัดจะเป็นตะแกรงเปิดโล่งๆ กินลมดี
แบบแรกได้เปรียบแง่ที่ลมระบายไหลเข้าออกได้เองแม้ปิดเครื่องอยู่ แต่มันก็เป็นทางให้ฝุ่นผงและสิ่งต่างๆบนฝ้าใช้เป็นช่องทางปลิวร่วงลงมาในห้องได้

แบบที่สอง ตัวเครื่องเล็กกว่า ใบพัดลมแบบใบกรงกระรอก มีทางออกต่อกับท่อยืดฟลอยด์กลม/มีลิ้นเปิดปิดอากาศ มักเห็นใช้กันมากกับห้องน้ำ
แบบที่สองนี้ท่อลมมักมีลิ้นอากาศกั้น เลยต้องเปิดเครื่องก่อน อากาศจึงจะถูกระบาย


แต่จะใช้พัดลมติดฝ้าแบบไหนก็ตาม สำคัญต้องดูขนาดช่องลมด้านบนหลังคาว่ามีไหม และต้องมีพื้นที่ใหญ่เพียงพอให้ลมทิ้งออกได้ทันด้วย



คลิปไม่ค่อยเกี่ยว แต่เอาไว้ดูตัวอย่างเรื่องที่ด้านบนต้องมีช่องทางให้อากาศร้อนไหลออกอย่างสะดวกด้วย ไม่งั้นลมจะอั้น ไม่เกิดการไหลของกระแสอากาศ





ที่บ้านญาติใช้วิธีหนึ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้า
คือเจาะฝ้าใส่กรอบโคมไฟดาวน์ไลท์ถูกๆ โดยเลือกแบบที่รูปทรงเหมาะๆมาสักอันหนึ่ง หน้าตาประมาณนี้ (ห้องเค้าไม่ค่อยใหญ่ แต่เหนือฝ้าขึ้นไปคือโถงหลังคา มีหน้าจั่วติดช่องระบายลมไว้)



เวลาติดตั้งก็ใส่แค่ตัวกรอบโคมเปล่าๆ  ไม่ใส่หลอดไฟ และก็ถอดเอาที่สวมขั้วหลอดไฟออกไปด้วยเพื่อเปิดให้เป็นทางลม อาศัยความที่กรอบโคมดาวน์ไลท์ที่มันเป็นทรงสูงเหมือนแก้วคว่ำ พอสวมเข้ากับฝ้าก็กลายเป็นช่องเปิดอย่างดีสำหรับให้ลมร้อนที่ลอยสะสมอยู่ด้านบนห้องได้ใช้เป็นทางไหลออกทิ้งไปได้เองตลอด 24 ชม.โดยไม่ต้องพึ่งพลังงานไฟฟ้า และด้วยรูปทรงที่เป็นเหมือนแก้วสูงๆคว่ำ ก็ช่วยกันไม่ให้ขี้ฝุ่นทั้งหลายบนฝ้าปลิวย้อนลงมาข้างล่างได้ง่ายๆด้วย