จำเป็นต้องเหยียด(เชิงดูถูก)กันขนาดนี้เลยเหรอ?...

เราแค่อยากระบาย อยากบอกเล่าในมุมมองอีกมุมหนึ่งผ่านตัวเราเอง
การโดนถ่มน้ำลายใส่ยังไงคนโดนก็ไม่พอใจแน่นอน จำเป็นต้องเหยียดกันขนาดนี้เลยเหรอ?
(เกิ่นยาวก็อย่าเพิ่งด่ากันนะ ใจเย็นๆ พยายามตั้งใจเรียบเรียงคำพูดไม่ให้มันดูกระทบคนอื่นๆอยู่T^T)
อาจจะไม่ถูกใจใคร หรือไปทำให้ใครร้อนก็ต้องขออภัยด้วย กดXไปได้เลย

เรื่องมันมีอยู่ว่า คือ พ่อแม่เราทำงานขับรถส่งของจากคลังใหญ่ส่งตามสาขาให้กับร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาเป็นพันๆร้านทั่วประเทศ
(ไม่บอกชัดก็รู้กันใช่ไหมว่าร้านอะไร) วิ่งรถอยู่โซนภาคเหลือ วันนี้ไปส่งของที่เชียงใหม่ แถวๆเขตไนท์บาร์ซ่า
มันเป็นปกติอยู่แล้วที่ถนนหลวงใครจะจอดก็ได้ โดยเฉพาะหน้าร้านสะดวกซื้อที่ว่านี่ แต่บางทีเราก็งงว่า ถนนหลวงแต่หน้าบ้านหรือร้านใครๆเขาก็ไม่ให้จอดรถแช่ไว้นานๆ
แต่พอเป็นร้านสะดวกซื้อนี้กลับมีคนจอดรถ(รถยนต์)แช่ไว้ตลอด (ซึ่งโดนตอกกลับแบบนี้บ่อยมาก สาขาไหนไม่มีป้ายติดบอกว่าจอดได้เฉพาะลูกค้า จอดชั่วคราว 15 นาที) ถ้าเป็นลูกค้าเราก็พอทำใจ รอได้ก็รอ ถ้าวันไหนรีบมีวนงานส่งอีกรอบก็จะขอให้เขามาย้ายรถให้ (ถ้าเป็นมอเตอร์ไซต์เราก็ย้ายเอง เพราะถ้าไม่ย้ายหรือขยับรถเราก็ไม่สามารถส่งของได้ งานก็จะล่าช้า และโดนบริษัทว่าเช่นกัน เราเลยต้องทำเวลากันนิดนึง) บางคันจอดรถแช่ทิ้งไว้แต่ไม่ได้เข้าไปซื้อของในร้าน แต่ไปตลาด ไปทานข้าว ร้านข้างๆ ซึ่งมันนานกว่าเขากลับจะมา ขนส่งทุกคนและทุกคันจำเป็นต้องแหวกขยับรถมอเตอร์ไซต์และหาช่องจอดให้ได้เพื่อที่จะส่งของ
ถ้าในช่วงที่จอดรถรอเพื่อขยับรถถ้ารถติดเขาจะบีบแตรใส่เร่งเราบ้งไอ้เราก็รีบ บางคนนี่ว่าด่าบ้างก็มี จิกตามองแรงใส่นี่บ่อยอ่ะ โดนเร่งรถใส่บ้าง ซึ่งเราจำเป็นจอดเพื่อที่จะขยับรถเขาด่าเขาว่าเราก็ทำได้แค่ทน เงียบไว้ เราทำงานจำเป็นต้องทำ เราทำงานของเราไปตามหน้าที่ ถ้าไปตอบโต้ก็จะมีปํญหาเปล่าๆ
แต่วันนี้อัดอั้นตันใจเหลือเกิน ด้วยเหตุผลที่ว่าไปส่งของเขตแถวๆไนท์บาซ่า  มีรถโตโยต้าคันหนึ่งจอดแช่หน้าร้านอีกตามเคยซึ่งเขาก็ไม่ได้เข้าร้านสะดวกซื้อแต่ไปทานข้าว
พ่อแม่เราก็ทำเหมือนทุกทีขยับรถแหวกรถมอเอตร์ไซต์เพื่อให้สามารถเข้าจอดได้โดยที่รถไม่โผล่ออกให้คนไปมาเขาด่าได้และที่สำคัญเพื่อที่ตำรวจจะได้ไม่จับเราและไม่เลยไปร้านหน้าข้างๆให้เขาจิกตามองแรงด่าพ่อล่อแม่เราได้
ซึ่งเมื่อขยับให้มีช่องจอดได้มันก็ค่อนข้างจะเบียดกันพอสมควร ก็หน้ารถห่างกันประมาณสามสี่คืบได้(คนเดินผ่านได้โดยไม่ต้องตะแคงข้างเบียดเข้าอ่ะ) ก็ขนของส่งตามปกติไม่มีปํญหาอะไร
จนเจ้าของรถโตโยต้า(มากันสองคน น่าจะเป็นสามี-ภรรยา) ออกมาจากร้านข้าวบริเวณใกล้เคียงกัน แว๊บแรกทีเขาเห็นเขามองด้วยสายตาเหยียดเหมือนดูถูกมากที่เห็นพวกเรา(บวกกับการที่จอดรถเบียดรถเขามั้งเลยยิ่งทำให้เขามองแบบนั้นซึ่งข้อนี้เราไม่เถียง) ก็เรามันทำงานส่งของไม่ได้ทำงานนั่งโต๊ะ ดูดีที่ไหน บ้านเราก็ไม่ได้จนแต่ก็ไม่ได้รวยถึงขั้นมีเงินใช้ทิ้งขว้าง แต่พ่อแม่ก็ทำงานแบบนี้ส่งลูกจนเรียนสูงๆได้(ก่อนที่มาทำงานนี้พ่อเราเคยเป็นหัวหน้าวิศวของบริษัทหนึ่งมาก่อน แต่จุดพลิกผันของบริษัทเลยทำให้เปลี่ยนงานด้วยความที่อายุเกินบริษัททั่วไปจะรับแล้วเลยมาจับงานส่งของ พอมาทำงานนี้รายได้ดีกว่าอยู่บริษัททั้งวันกินเงินเดือนไม่กี่บาทอีก แล้วเราก็ไม่เคยอายด้วยเวลาไปช่วยพ่อแม่ส่งของ เจอเพื่อน ครูบาอาจารย์ เราก็บอกว่ามาช่วยพ่อแม่ ไม่อายเลยทำไมต้องอายก็อาชีพพ่อแม่เรา และมันก็เป็นอาชีพสุจริต แต่คนที่มองพ่อแม่เราแบเหยียดเราโคตรไม่โอเค แต่ก็พอเข้าใจว่าสมัยนี้สังคมคงวัดกันที่อาชีพอ่ะ นอกเรื่องไปเยอะกลับเข้ามาต่อ ) สายตาที่เขามองเมื่อมาถึงรถคือไม่พอใจ โอเคเราเข้าใจว่าเขาอาจจะไม่พอใจเพราะรถจอดใกล้เกินไป แต่คำพูดคำจาที่เขามาบอกให้เราย้ายรถซึ่งน้ำเสียงไม่ดีไม่ต่างจากิริยาที่เขาทำเลย ยังไงล่ะ พ่อเราไม่ย้าย!! ให้เขาถอยไปแล้วหักออกเอง เพราะรถเราเองก็ขยับไปไหนไม่ได้แล้ว เขาก็บอกข้างหลังมีรถมอเตอร์ไซต์ ถอยไม่ได้รถมอเตอร์ไซต์ล็อคคอ พ่อเราเลยเดินไปย้ายรถมอเอตร์ไซต์ออกไปไว้ห่างๆให้ แล้วก็มาขนของต่อไป เขาก็ขยับอยู่หลายครั้งกว่าจะออกได้
แต่ที่พีคและเจ็บจี๊ดสุดๆ คือเขาถ่มน้ำลายใส่แม่เรา อาจจะไม่ได้ถ่มลงมาโดนตัวแต่คือถ่มลงข้างแม่เรานี่คือเคืองมาก โกรธสุดตีนเลย คนมีการศีกษาเขาทำเหรอ?คนที่มีความคิดหรือปัญญาชนเขาทำกันเหรอ? เหยียดกันยังพอทำใจเพราะสังคมสมัยนี้ก็งี้แหละ แต่นี่ถ่มน้ำลายใส่แม่--งโคตรไม่โอเคอ่ะ(ขอโทษที่หยาบคาย) พอหักรถออกไปได้เขาก็เร่งรถใส่ แล้วก็ตะโกนมาบอกว่า "ถ้าไม่พอใจก็ตามมา" อื้อหือ!! มึ--ใหญ่มากอ่ะ(ขอโทษที่หยาบคายอีกครั้ง) ดูรวยและมีอิทธิพลมากสินะ ถึงกล้าท้า และกร่างขนาดนี้ (ถ้าไม่มีภาระหน้าที่เรียนหรือว่ารถคันนี้จำเป้นต้องใช้หาเงินเลี้ยงครอบครัวหรืออะไรนี่ จะขอขับรถชนยิ้ม ไม่รอให้มันขับรถเร่งหนีออกไปทั้งที่มันถ่มน้ำลายลงส่องหน้าแม่เราหรอก) ถ้าเป็นรถเราเองนี่ไล่บี้จริงๆด้วย ไม่พอใจก็ตามมานี่ อยากตามไปใจจะขาดแต่มันติดที่ของที่ต้องส่งคารถและพ่อแม่ปล่อยผ่านนี่แหละ ยิ่งคิดยิ่งหัวร้อน
แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่เรา เป็นวัยรุ่นที่หัวร้อนหน่อยพวกวัยรุ่นๆที่ทำงานขนส่งเดียวกันเขาไม่ใจเย็นแบบนี้แน่อ่ะ เราแต่พ่อแม่เราไงก็ค่อนข้างจะมีอายุแล้วคนทำงานจะมาเอาชีวิตไปแลกด้วยมันก็ไม่ใช่ ยิ่งถ้าเขามีเส้นสายจะพลอยทำให้เราซวย เพราะดูแล้วน่าจะมีเงินและเส้นสายด้วย ...ไอ้เราไม่รวยไม่มีแบล็คอะไรแค่คนธรรมดามีเรื่องไปก็มีแต่ปัญหา อ่าจ้ะ...เราก็พูดไรมากไม่ได้ พ่อแม่ปล่อยผ่านแต่บอกเลยโคตรหัวร้อนอ่ะ
ทำได้แค่....เอิ่มมมมมมมม พุทโธ ธัมโม ในใจ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่เรานี่ คุณอาจจะไม่ได้กร่างขนาดนี้และมีทะเลาะกันแน่อ่ะ ต้องมีตามไปคุย มีไปเคลียขึ้นโรงพักบ้างแหละ เล่นใหญ่ซะขนาดนั้น เพราะบางคนถ้าหัวร้อนสติไม่มี ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่อาจจะทะเลาะกันบานปลายเลยก็ได้ ซึ่งในสายอาชีพเราคนแบบนั้นก็มีเพียงแค่คุณไม่เจอเขาแต่เจอบ้านเราที่ใจเย็นและไม่อยากมีปัญหาเฉยๆ
นี่ไม่ใช่เจอแค่เคสนี้นะมีอีกเยอะแต่มันไม่สุดๆเท่านี้เลยไม่ได้มาระบาย วิ่งรถส่งของมันก็เป็นอาชีพ วิ่งรถรั้วส่งผักส่งผลไม้ ขนต้นไม้ มันก็เป็นอาชีพของเขา อาชีพสุจริตด้วย ส่วนที่มีข่าวว่าขนนั่นนี่มามันก็บางส่วนอย่าเหมารวมขอร้อง บางคนนี่มองแล้วคิดก่อนเลยแหละว่าทำอาชีพแบบนี้ยิ้มต้องไม่มีดีแน่นอน อืมจ้ะ... ถ้าคิดงั้นก็แล้วแต่จะคิดเถอะ ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง... ประเด็นมีไม่เยอะหรอก เนื้อๆอ่ะที่เหลือน้ำล้วนๆ แค่มาเล่า อยากระบาย งดดราม่าใส่ ไม่ว่าจะทำงานแบบไหน จะทำสวนทำนาทำไร่ ขับรถ ขับรถส่งของ รถผัก รถผลไม้ เก็บขยะขาย ขนของ ขายพวงมาลัย พนักงานโรงงาน บริษัท แม้แต่คนทำงานในเครื่องแบบต่างๆ ทุกคนล้วนมีก็มีศักศรีดิ์ความเป็นคนเหมือนกัน
.
เรามันครอบครัววิ่งรถทำมาหากิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่