ตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย แล้วเราก็จะบ๊าย บายสวิส แล้วนะคะ
ตามอ่าน รีวิวของวันที่ 4 และ 5 ได้ที่
https://pantip.com/topic/36553298
วันนี้ วันที่ 6 ของทริปนี้แล้ว เร็วจัง...เราจะไปเยือน 3 เมืองยอดฮิตของสวิส เจนีวา Geneva – โลซานน์ Lausanne และกรุงเบิร์น-Bern เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์

ทานอาหารเสร็จ คุณมาริโอมารอเราอยู่แล้ว พร้อมออกเดินทาง วันนี้ฝนไม่ตกแต่อากาศครึ้ม ๆ เมฆเยอะ ไม่มีแดด ดีที่ไม่ต้องคอยหลบแดด แต่ถ่ายรูปไม่สวยนะ
อากาศวันนี้ที่เจนีวา ยังหนาวอยู่ค่ะ แต่ไม่เท่าวันแรก ๆ
คุณไกด์พาเราไปทำความรู้จักกับ
อาคารสหประชาชาติ The United Nations Building (UN) ก่อนเลย

และไม่พลาดที่จะต้องถ่ายรูปกับ
อนุสาวรีย์ "เก้าอี้หัก" (Broken Chair)
(เก้าอี้ถูกสร้างขึ้นจากไม้ 5.5 ตัน ในความสูง 12 เมตร (39 ฟุต) เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการทำเหมืองแร่ที่ดินและระเบิดคลัสเตอร์)
หักจริง ๆ นะคะ ไม่ได้โดนเลื่อยขาเก้าอี้ ;) อันนี้ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมค่ะ คุณไกด์แถมให้ รางวัลของการตรงต่อเวลา
ตรงนี้ใช้เวลาไม่นาน เราก็ออกเดินทางต่อ
(ใกล้ ๆ กับอาคารสหประชาชาติ มีพิพิธภัณฑ์กาชาด (Red Cross Museum) ใครมีเวลาหรือมาเที่ยวเอง น่าจะลองแวะไปชมนะ)
คุณมาริโอขับรถเลาะไปรอบทะเลสาบเจนีวา เห็นน้ำพุเจดโด (Jet d'Eau) "สัญลักษณ์ของกรุงเจนีวา" มาแต่ไกลเลยค่ะ ก็เป็นน้ำพุที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลกนี่คะ สามารถมองเห็นน้ำพุได้จากทุกจุดในเมืองด้วยนะ น้ำพุพุ่งได้สูงสุดประมาณ 140 เมตร (459 ฟุต) สร้างขึ้นในปี 1886

วันนี้ตามโปรแกรมต้องพาไปชม l'horloge Fleurie นาฬิกาดอกไม้ด้วย แต่คุณไกด์บอกว่ามารอบที่แล้วปิดซ่อมอยู่ เดี๋ยวพาไปดูก่อนว่าเสร็จหรือยัง
ไปถึง สรุปว่า ยังไม่เสร็จค่ะ แต่ไม่เป็นไร ดูรูปใน web เอาก็ได้
เราลงรถกันแถวๆ นาฬิกาดอกไม้ แล้วคุณไกด์ก็พาเดินไปทางถนน Rue du Rhône ย่านการค้าของเมืองเจนีวา
ชี้เป้าให้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ใครอยากจะช็อปแบรนด์เนม ใครอยากเดินเล่นชมเมืองเจนีวา ตามสะดวกเลย
แล้วนัดมาเจอกันที่ รูปปั้น Helvetia และ Geneva (National Monument อนุสาวรีย์การรวมชาติสวิส)

ให้เวลาที่นี่เกือบ 2 ชั่วโมง กรุ๊ปเราไม่มีการเดินตามกันไปเป็นหมู่คณะ หรือต้องตามคุณไกด์เป็นลูกเป็ดนะคะ แยกย้ายค่ะ แล้วแต่ชอบเลย ถึงเวลา มาเจอกัน ก็ดีค่ะ อิสระ คุณไกด์จะบรรยายให้ฟังก่อนบนรถว่ากำลังจะไปไหนมีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร อะไรน่าสนใจ พอลงรถก็ความสามารถและข้อมูลส่วนตัวค่ะ หาได้ไม่ยากอะไรอยู่ตรงไหน อากู๋ช่วยได้

เราเป็นแนว window shopping ค่ะ เดินผ่านเท่านั้น ชอบไปเดินดูบ้านเมืองเขามากกว่า
ถนน Rue du Rhône เป็นแหล่ง window shopping แบรนด์เนมไฮเอนด์มากมายเลยนะคะ

เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ผ่าน จตุรัส Place du Molard อีกหนึ่งจัตุรัสที่เป็นจุดนัดหมายพบปะกันของชาวเจนีวา

สำรวจแถวนี้ซักพักก็เปลี่ยนเป้าหมายค่ะ อย่างที่บอก วันนี้จะไปตามหา ช็อคโกแลต search พิกัด จาก Google Map แล้ว ก็พาเจ้าลูกชายเดินไปตามลายแทงค่ะ
ไปเริ่มต้นแถวๆ ริมทะเลสาบ วิวสวย ๆ ขอเก็บรูปก่อน

มี Sightseeing GENEVA Tour ด้วยนะคะ จอดอยู่แถวสะพาน น่าจะเป็นรถพาเที่ยวรอบ ๆ เมืองเจนีวา

แล้วก็เดินข้ามสะพาน pont des bergues ไป จะเป็นอีกด้านของเมือง

ด้านนี้ก็สวยนะคะ ตึกสไตล์ยุโรปแปลกตา

ตามลายแทงไปเรื่อย ๆ จนถึง จุดที่ Google Map บอกไว้

วนรอบตัว 360 องศา ทำไมไม่เจอหว่า เลยลองลงบันไดเลื่อนไปใต้ดินที่เป็น shopping area ในที่สุดก็เจอ ร้านช็อคโกแลต Laderach คราวนี้จัดมาเต็ม ทั้งของลูกชาย ทั้งเป็นของฝาก
จริง ๆ ใกล้ ๆ กับ จตุรัส Place du Molard ก็มีร้าน Laderach (จาก shop LongChamp หันหน้าออกจาก shop แล้วเดินไปทางขวาแค่ 120 เมตรเอง นะแต่ตอนนั้นรีบ search ไม่เจอ เลยเดินซะไกลเลย แต่ก็คุ้มนะ ถือว่าเดินเล่นชมเมืองละกัน)
(แต่จะบอกว่า ที่เศร้ายิ่งกว่าคือ พรุ่งนี้ไปเจอร้านช็อคโกแลต Laderach ที่เมืองเบิร์นอีก เดินผ่านเลยค่ะไม่ต้องหา แถมที่สนามบินซูริคก็มี เสียเวลามาตามหาที่เจนีวาทำไมเนี่ย แต่อย่างน้อยก็ได้เจอมุมสวย ๆ ระหว่างทางที่ตามหาร้านแหละ)
ขากลับเดินกลับมาทางสะพาน Pont du Mont-Blanc

สะพานนี้เห็นวิวทะเลสาบเจนีวาและน้ำพุเจดโด (Jet d'Eau) ชัดเลยค่ะ

(ทะเลสาบเจนีวา ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก เขาบอกว่า...จากทะเลสาบในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นยอดเขา Mont-Blanc ได้เลยนะ)

มีบริการล่องเรือชมทะเลสาบเจนีวาด้วยนะคะ
รอบ ๆ ทะเลสาบมีขายของที่ระลึกด้วย

ใกล้ถึงเวลานัด เราก็ไปที่รูปปั้น Helvetia และ Geneva
สมาชิกครบ คุณไกด์ก็พาไปทานอาหารกลางวัน
สลัด

สเต็ก

และไอศครีม

ร้านนี้อร่อยค่ะ

ใครผ่านมาเจนีวาลองแวะชิมได้นะคะ หน้าร้านตามนี้เลย

เตรียมตัวออกเดินทางไปโลซานน์กันค่ะ ระยะทางไม่ไกล ชั่วโมงเดียวก็ถึง
(เมืองโลซานน์ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา สำหรับคนไทย เรามีความคุ้นเคยกับเมืองนี้เพราะเป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือ 'ในหลวง รัชกาลที่ 9' ได้เสด็จมาประทับ และทรงศึกษาเมื่อครั้งวัยเยาว์)
คุณมาริโอจอดรถให้พวกเราลงใกล้ ๆ กับสวนสาธารณะเดอน็องตู (Denantou) สวนอันเป็นที่ตั้งของศาลาไทยที่สร้างขึ้นมาเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2549
และยังเป็นเครื่องหมายแสดงถึงมิตรภาพอันยาวนานระหว่างประเทศไทย และสวิตเซอร์แลนด์
พวกเราเข้าไปสักการะพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในศาลาไทยก่อน น้ำตาคลอค่ะ พระองค์ท่านยังอยู่ในใจของเราเสมอ
แล้วเราก็ออกมาถ่ายรูปกับศาลาไทยเป็นที่ระลึก ภาพแบบนี้เหมือนอยู่เมืองไทยเลยค่ะ

เสร็จแล้วคุณไกด์ก็ให้เวลาเดินเล่นรอบ ๆ ทะเลสาบ
(โลซานน์มีที่เที่ยวอีกหลายที่ ถ้ามีโอกาสได้มาโลซานน์ คงสามารถใช้เวลาเที่ยวได้ทั้งวัน สามารถเดินเล่นได้รอบ ๆ เมือง มีหลายที่ที่ให้เราไปตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่น โรงเรียนชั้นมัธยมและมหาวิทยาลัยที่พระองค์ท่านเคยทรงศึกษา อพาร์ตเมนต์ที่พระองค์เคยประทับ ริมทะเลสาบที่พระองค์ทรงเคยมาเดินเล่นและทรงเรือใบ)

ดอกไม้ริมทะเสสาบที่นี่สวยมาก ๆ

เดินเลาะริมทะเลสาบไปเรื่อย ๆ

จนถึงพิพิธภัณฑ์โอลิมปิก (Olympic Museum) สถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิคตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ จนกระทั่งถึงครั้งปัจจุบัน

ขอแอบเม้าท์นิดนึง...ตั้งแต่เที่ยวมาก็หลายวัน ห้องน้ำที่นี่แย่สุดแล้วค่ะ
ออกจากโลซานน์เรามุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ
"กรุงเบิร์น" ที่มีหมีเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
วันนี้คุณไกด์เลยจะพาเราไปชมบ่อหมีก่อนที่จะไปทานอาหารเย็น
(ไม่มีในโปรแกรมอีกแล้วค่ะ) รางวัลครั้งที่ 2 ของพวกเรากับการรักษาเวลาอย่างดีเยี่ยม
จากโลซานน์มาไม่ไกล ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ก็ถึงเมืองหมีแล้วค่ะ

ตอนแรกก็นึกในใจว่า ทำไมจะต้องไปดูหมี มันก็คงเหมือนหมีในสวนสัตว์บ้านเรา พอมาเจอ เออ มันน่ารักดีอ่ะ ตัวกลม ๆ อ้วน ๆ สีน้ำตาล เดินดุ่ย ๆ แล้วก็ล้มตัวลงนอนแผ่ไปกับพื้น ดูเพลินดีแฮะ

นอกจากหมีแล้ว วิวริมแม่น้ำที่นี่ก็สวยไม่ใช่เล่น
มีทางลงไปเดินเล่นริมน้ำด้วย จะลงบันไดหรือลิฟท์ก็ได้

ที่สวิส ทุกที่มีจักรยานค่ะ

คุณไกด์บอกว่ายังไม่ต้องข้ามสะพานไปทางฝั่งเมืองเก่านะ เพราะจะพาไปพรุ่งนี้เช้า

จากริมน้ำ เราก็ปืนขึ้นไปบนเขา ที่คุณไกด์บอกว่าเป็นสวนดอกไม้ด้านบน สามารถมองเห็นวิวกรุงเบิร์นได้ในมุมสูง ในกรุ๊ปไม่มีใครขึ้นไปค่ะ นอกจากเรา 2 คนแม่-ลูก ทางขึ้นชันเลยล่ะ จะบอกว่า...เหนื่อยเอาเรื่อง อากาศเย็น ๆ กลายเป็นร้อนเลยค่ะ

มาถึงด้านบน ดอกไม้เพิ่งปลูก เลยไม่ได้ดูสวน... แต่วิวมุมสูงของกรุงเบิร์น สวยมาก ๆ ถ้าอากาศดี ๆ ถ่ายรูปออกมาคงสวยจริง ๆ ค่ะ มองเห็นย่านเมืองเก่า แม่น้ำ โบสถ์ประจำเมืองด้วยค่ะ

เดินลงมานั่งรอซักพัก แก้เมื่อยและเหนื่อย... วิวจากมุมที่นั่งรอ มองเพลินค่ะ

พอสมาชิกครบก็ได้เวลาไปทานอาหารเย็นกัน วันนี้เป็นร้านอาหารจีนค่ะ เจ้าลูกชายเดาว่ามื้อนี้ต้องมีไข่เจียว แล้วก็มีจริง ๆ ค่ะ 555
ไม่ได้ถ่ายอาหาร ถ่ายแต่ร้านมา

ทานอาหารเรียบร้อยก็เข้าที่พักค่ะ วันนี้เราพักที่ โรงแรม Holiday Inn Bern-Westside โรงแรมนี้ดีงามค่ะ วิวนอกหน้าต่างเป็นไร่ บนเนินเขา ห้องเราอยู่แค่ชั้น 2 ถ้าอยู่ชั้นบน ๆ น่าจะสวยกว่า

ที่ดีกว่านั้น โรงแรมอยู่ติดกับ The Westside Shopping ค่ะ รออะไร รีบเก็บของ ไป Shopping สิคะ วันนี้วันพฤหัส ปิด 2 ทุ่มค่ะ พอมีเวลาอยู่
เดินจนห้างปิด กลับมาหมดแรงค่ะ ขอพักก่อนนะคะ
พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว คุณไกด์นัด 7 8 9 ออกสายหน่อย จากโรงแรมไปย่านเมืองเก่าของกรุงเบิร์นใช้เวลาไม่นาน ไปถึงเช้าเกินไปร้านรวงก็ยังไม่เปิดค่ะ วันนี้เลยได้นอนนานขึ้นอีก พอกำลังจะปรับตัวนอนหลับได้ ก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว
[CR] เที่ยว "สวิส" ไปกับทัวร์ (6) : เจนีวา – โลซาน – เบิร์น – ซูริค - กรุงเทพฯ
ตามอ่าน รีวิวของวันที่ 4 และ 5 ได้ที่ https://pantip.com/topic/36553298
วันนี้ วันที่ 6 ของทริปนี้แล้ว เร็วจัง...เราจะไปเยือน 3 เมืองยอดฮิตของสวิส เจนีวา Geneva – โลซานน์ Lausanne และกรุงเบิร์น-Bern เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์
ทานอาหารเสร็จ คุณมาริโอมารอเราอยู่แล้ว พร้อมออกเดินทาง วันนี้ฝนไม่ตกแต่อากาศครึ้ม ๆ เมฆเยอะ ไม่มีแดด ดีที่ไม่ต้องคอยหลบแดด แต่ถ่ายรูปไม่สวยนะ
อากาศวันนี้ที่เจนีวา ยังหนาวอยู่ค่ะ แต่ไม่เท่าวันแรก ๆ
คุณไกด์พาเราไปทำความรู้จักกับ อาคารสหประชาชาติ The United Nations Building (UN) ก่อนเลย
และไม่พลาดที่จะต้องถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์ "เก้าอี้หัก" (Broken Chair)
(เก้าอี้ถูกสร้างขึ้นจากไม้ 5.5 ตัน ในความสูง 12 เมตร (39 ฟุต) เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการทำเหมืองแร่ที่ดินและระเบิดคลัสเตอร์)
หักจริง ๆ นะคะ ไม่ได้โดนเลื่อยขาเก้าอี้ ;) อันนี้ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมค่ะ คุณไกด์แถมให้ รางวัลของการตรงต่อเวลา
ตรงนี้ใช้เวลาไม่นาน เราก็ออกเดินทางต่อ
(ใกล้ ๆ กับอาคารสหประชาชาติ มีพิพิธภัณฑ์กาชาด (Red Cross Museum) ใครมีเวลาหรือมาเที่ยวเอง น่าจะลองแวะไปชมนะ)
คุณมาริโอขับรถเลาะไปรอบทะเลสาบเจนีวา เห็นน้ำพุเจดโด (Jet d'Eau) "สัญลักษณ์ของกรุงเจนีวา" มาแต่ไกลเลยค่ะ ก็เป็นน้ำพุที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลกนี่คะ สามารถมองเห็นน้ำพุได้จากทุกจุดในเมืองด้วยนะ น้ำพุพุ่งได้สูงสุดประมาณ 140 เมตร (459 ฟุต) สร้างขึ้นในปี 1886
วันนี้ตามโปรแกรมต้องพาไปชม l'horloge Fleurie นาฬิกาดอกไม้ด้วย แต่คุณไกด์บอกว่ามารอบที่แล้วปิดซ่อมอยู่ เดี๋ยวพาไปดูก่อนว่าเสร็จหรือยัง
ไปถึง สรุปว่า ยังไม่เสร็จค่ะ แต่ไม่เป็นไร ดูรูปใน web เอาก็ได้
เราลงรถกันแถวๆ นาฬิกาดอกไม้ แล้วคุณไกด์ก็พาเดินไปทางถนน Rue du Rhône ย่านการค้าของเมืองเจนีวา
ชี้เป้าให้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ใครอยากจะช็อปแบรนด์เนม ใครอยากเดินเล่นชมเมืองเจนีวา ตามสะดวกเลย
แล้วนัดมาเจอกันที่ รูปปั้น Helvetia และ Geneva (National Monument อนุสาวรีย์การรวมชาติสวิส)
ให้เวลาที่นี่เกือบ 2 ชั่วโมง กรุ๊ปเราไม่มีการเดินตามกันไปเป็นหมู่คณะ หรือต้องตามคุณไกด์เป็นลูกเป็ดนะคะ แยกย้ายค่ะ แล้วแต่ชอบเลย ถึงเวลา มาเจอกัน ก็ดีค่ะ อิสระ คุณไกด์จะบรรยายให้ฟังก่อนบนรถว่ากำลังจะไปไหนมีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร อะไรน่าสนใจ พอลงรถก็ความสามารถและข้อมูลส่วนตัวค่ะ หาได้ไม่ยากอะไรอยู่ตรงไหน อากู๋ช่วยได้
เราเป็นแนว window shopping ค่ะ เดินผ่านเท่านั้น ชอบไปเดินดูบ้านเมืองเขามากกว่า
ถนน Rue du Rhône เป็นแหล่ง window shopping แบรนด์เนมไฮเอนด์มากมายเลยนะคะ
เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ผ่าน จตุรัส Place du Molard อีกหนึ่งจัตุรัสที่เป็นจุดนัดหมายพบปะกันของชาวเจนีวา
สำรวจแถวนี้ซักพักก็เปลี่ยนเป้าหมายค่ะ อย่างที่บอก วันนี้จะไปตามหา ช็อคโกแลต search พิกัด จาก Google Map แล้ว ก็พาเจ้าลูกชายเดินไปตามลายแทงค่ะ
ไปเริ่มต้นแถวๆ ริมทะเลสาบ วิวสวย ๆ ขอเก็บรูปก่อน
มี Sightseeing GENEVA Tour ด้วยนะคะ จอดอยู่แถวสะพาน น่าจะเป็นรถพาเที่ยวรอบ ๆ เมืองเจนีวา
แล้วก็เดินข้ามสะพาน pont des bergues ไป จะเป็นอีกด้านของเมือง
ด้านนี้ก็สวยนะคะ ตึกสไตล์ยุโรปแปลกตา
ตามลายแทงไปเรื่อย ๆ จนถึง จุดที่ Google Map บอกไว้
วนรอบตัว 360 องศา ทำไมไม่เจอหว่า เลยลองลงบันไดเลื่อนไปใต้ดินที่เป็น shopping area ในที่สุดก็เจอ ร้านช็อคโกแลต Laderach คราวนี้จัดมาเต็ม ทั้งของลูกชาย ทั้งเป็นของฝาก
จริง ๆ ใกล้ ๆ กับ จตุรัส Place du Molard ก็มีร้าน Laderach (จาก shop LongChamp หันหน้าออกจาก shop แล้วเดินไปทางขวาแค่ 120 เมตรเอง นะแต่ตอนนั้นรีบ search ไม่เจอ เลยเดินซะไกลเลย แต่ก็คุ้มนะ ถือว่าเดินเล่นชมเมืองละกัน)
(แต่จะบอกว่า ที่เศร้ายิ่งกว่าคือ พรุ่งนี้ไปเจอร้านช็อคโกแลต Laderach ที่เมืองเบิร์นอีก เดินผ่านเลยค่ะไม่ต้องหา แถมที่สนามบินซูริคก็มี เสียเวลามาตามหาที่เจนีวาทำไมเนี่ย แต่อย่างน้อยก็ได้เจอมุมสวย ๆ ระหว่างทางที่ตามหาร้านแหละ)
ขากลับเดินกลับมาทางสะพาน Pont du Mont-Blanc
สะพานนี้เห็นวิวทะเลสาบเจนีวาและน้ำพุเจดโด (Jet d'Eau) ชัดเลยค่ะ
(ทะเลสาบเจนีวา ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก เขาบอกว่า...จากทะเลสาบในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นยอดเขา Mont-Blanc ได้เลยนะ)
มีบริการล่องเรือชมทะเลสาบเจนีวาด้วยนะคะ
รอบ ๆ ทะเลสาบมีขายของที่ระลึกด้วย
ใกล้ถึงเวลานัด เราก็ไปที่รูปปั้น Helvetia และ Geneva
สมาชิกครบ คุณไกด์ก็พาไปทานอาหารกลางวัน
สลัด
สเต็ก
และไอศครีม
ร้านนี้อร่อยค่ะ
เตรียมตัวออกเดินทางไปโลซานน์กันค่ะ ระยะทางไม่ไกล ชั่วโมงเดียวก็ถึง
(เมืองโลซานน์ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา สำหรับคนไทย เรามีความคุ้นเคยกับเมืองนี้เพราะเป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือ 'ในหลวง รัชกาลที่ 9' ได้เสด็จมาประทับ และทรงศึกษาเมื่อครั้งวัยเยาว์)
คุณมาริโอจอดรถให้พวกเราลงใกล้ ๆ กับสวนสาธารณะเดอน็องตู (Denantou) สวนอันเป็นที่ตั้งของศาลาไทยที่สร้างขึ้นมาเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2549
และยังเป็นเครื่องหมายแสดงถึงมิตรภาพอันยาวนานระหว่างประเทศไทย และสวิตเซอร์แลนด์
พวกเราเข้าไปสักการะพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในศาลาไทยก่อน น้ำตาคลอค่ะ พระองค์ท่านยังอยู่ในใจของเราเสมอ
แล้วเราก็ออกมาถ่ายรูปกับศาลาไทยเป็นที่ระลึก ภาพแบบนี้เหมือนอยู่เมืองไทยเลยค่ะ
เสร็จแล้วคุณไกด์ก็ให้เวลาเดินเล่นรอบ ๆ ทะเลสาบ
(โลซานน์มีที่เที่ยวอีกหลายที่ ถ้ามีโอกาสได้มาโลซานน์ คงสามารถใช้เวลาเที่ยวได้ทั้งวัน สามารถเดินเล่นได้รอบ ๆ เมือง มีหลายที่ที่ให้เราไปตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่น โรงเรียนชั้นมัธยมและมหาวิทยาลัยที่พระองค์ท่านเคยทรงศึกษา อพาร์ตเมนต์ที่พระองค์เคยประทับ ริมทะเลสาบที่พระองค์ทรงเคยมาเดินเล่นและทรงเรือใบ)
ดอกไม้ริมทะเสสาบที่นี่สวยมาก ๆ
เดินเลาะริมทะเลสาบไปเรื่อย ๆ
จนถึงพิพิธภัณฑ์โอลิมปิก (Olympic Museum) สถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิคตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ จนกระทั่งถึงครั้งปัจจุบัน
ขอแอบเม้าท์นิดนึง...ตั้งแต่เที่ยวมาก็หลายวัน ห้องน้ำที่นี่แย่สุดแล้วค่ะ
ออกจากโลซานน์เรามุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ "กรุงเบิร์น" ที่มีหมีเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
วันนี้คุณไกด์เลยจะพาเราไปชมบ่อหมีก่อนที่จะไปทานอาหารเย็น (ไม่มีในโปรแกรมอีกแล้วค่ะ) รางวัลครั้งที่ 2 ของพวกเรากับการรักษาเวลาอย่างดีเยี่ยม
จากโลซานน์มาไม่ไกล ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ก็ถึงเมืองหมีแล้วค่ะ
ตอนแรกก็นึกในใจว่า ทำไมจะต้องไปดูหมี มันก็คงเหมือนหมีในสวนสัตว์บ้านเรา พอมาเจอ เออ มันน่ารักดีอ่ะ ตัวกลม ๆ อ้วน ๆ สีน้ำตาล เดินดุ่ย ๆ แล้วก็ล้มตัวลงนอนแผ่ไปกับพื้น ดูเพลินดีแฮะ
นอกจากหมีแล้ว วิวริมแม่น้ำที่นี่ก็สวยไม่ใช่เล่น
มีทางลงไปเดินเล่นริมน้ำด้วย จะลงบันไดหรือลิฟท์ก็ได้
ที่สวิส ทุกที่มีจักรยานค่ะ
คุณไกด์บอกว่ายังไม่ต้องข้ามสะพานไปทางฝั่งเมืองเก่านะ เพราะจะพาไปพรุ่งนี้เช้า
จากริมน้ำ เราก็ปืนขึ้นไปบนเขา ที่คุณไกด์บอกว่าเป็นสวนดอกไม้ด้านบน สามารถมองเห็นวิวกรุงเบิร์นได้ในมุมสูง ในกรุ๊ปไม่มีใครขึ้นไปค่ะ นอกจากเรา 2 คนแม่-ลูก ทางขึ้นชันเลยล่ะ จะบอกว่า...เหนื่อยเอาเรื่อง อากาศเย็น ๆ กลายเป็นร้อนเลยค่ะ
มาถึงด้านบน ดอกไม้เพิ่งปลูก เลยไม่ได้ดูสวน... แต่วิวมุมสูงของกรุงเบิร์น สวยมาก ๆ ถ้าอากาศดี ๆ ถ่ายรูปออกมาคงสวยจริง ๆ ค่ะ มองเห็นย่านเมืองเก่า แม่น้ำ โบสถ์ประจำเมืองด้วยค่ะ
เดินลงมานั่งรอซักพัก แก้เมื่อยและเหนื่อย... วิวจากมุมที่นั่งรอ มองเพลินค่ะ
พอสมาชิกครบก็ได้เวลาไปทานอาหารเย็นกัน วันนี้เป็นร้านอาหารจีนค่ะ เจ้าลูกชายเดาว่ามื้อนี้ต้องมีไข่เจียว แล้วก็มีจริง ๆ ค่ะ 555
ไม่ได้ถ่ายอาหาร ถ่ายแต่ร้านมา
ทานอาหารเรียบร้อยก็เข้าที่พักค่ะ วันนี้เราพักที่ โรงแรม Holiday Inn Bern-Westside โรงแรมนี้ดีงามค่ะ วิวนอกหน้าต่างเป็นไร่ บนเนินเขา ห้องเราอยู่แค่ชั้น 2 ถ้าอยู่ชั้นบน ๆ น่าจะสวยกว่า
ที่ดีกว่านั้น โรงแรมอยู่ติดกับ The Westside Shopping ค่ะ รออะไร รีบเก็บของ ไป Shopping สิคะ วันนี้วันพฤหัส ปิด 2 ทุ่มค่ะ พอมีเวลาอยู่
เดินจนห้างปิด กลับมาหมดแรงค่ะ ขอพักก่อนนะคะ
พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว คุณไกด์นัด 7 8 9 ออกสายหน่อย จากโรงแรมไปย่านเมืองเก่าของกรุงเบิร์นใช้เวลาไม่นาน ไปถึงเช้าเกินไปร้านรวงก็ยังไม่เปิดค่ะ วันนี้เลยได้นอนนานขึ้นอีก พอกำลังจะปรับตัวนอนหลับได้ ก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว