หลายคนอาจคิดว่าหัวข้อเรื่องนี้ไม่น่าจะเอามาเป็นหัวข้อเพราะเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าในเมื่อเราไม่มีเราจะเอาที่ไหนมาให้ หัวข้ออาจฟังดูธรรมดามากแต่ความหมายที่แท้จริงอาจทำให้เราประหลาดใจมากถึงมากที่สุดก็ได้ถ้ารู้ว่าเราคือหนึ่งในจำนวนคนมากมายที่ไม่สามารถให้ในสิ่งที่เราไม่มีได้ ความไม่มีในที่นี้ไม่ได้หมายถึงฐานะความเป็นอยู่หรือการศึกษาสูง แต่เกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอันเนื่องจากข้อจำกัดด้านความเชื่อต่างๆที่เราให้กับตัวเองต่างหาก
ข้อสังเกตง่ายๆที่เรามองไม่เห็นเนื่องจากข้อจำกัดต่างๆที่เราบอกกับตัวเองทุกวันจนกลายเป็นความเชื่อที่กำหนดขอบเขตการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวของเรากับผู้อื่นซึ่งทำให้เราหลงเข้าใจผิดคิดว่าผู้อื่นจะต้องมารับผิดชอบกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเราอันเนื่องมาจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นของเราเอง ตัวอย่างเช่น การเรียกร้องถามหาความรักจากผู้อื่น เราเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราจะต้องเรียกร้องถามหาความรักจากผู้อื่นแทนที่เราจะเป็นผู้ให้ความรักกับผู้อื่น? นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่มีความรักให้กับตัวเราเอง เราจึงไม่สามารถให้ความรักกับผู้อื่นได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเรียกร้องและถามหาความรักจากผู้อื่นด้วยข้อจำกัดที่เราให้กับตัวเองทำให้เราเกิดเข้าใจทีคลาดเคลื่อนโดยคิดว่า "ถ้าเค้ารักเราเค้าต้องทำให้เราได้ทุกอย่าง และถ้าเค้าทำให้เราไม่ได้ก็แปลว่าเค้าไม่ได้รักเราจริง" เหตุผลที่เราให้กับตัวเองทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้นเราจะต้องได้รับในสิ่งที่เราเรียกร้องขอเพียงแค่เรามีความมุ่งมั่นและมั่งคงกับความคิดของเราสิ่งนั้นต้องเกิดขึ้นแน่นอน
คำถาม : ทำไมและเพราะอะไรความรักที่เราเรียกร้องถึงไม่สำริดผล?
คำตอบ : เพราะเราเอาแต่เรียกร้องแต่เราไม่เคยทำให้มันเกิดขึ้น นั่นก็เพราะเราไม่มีความรักให้กับตัวเอง เราจึงไม่สามารถให้และรับความรักจากผู้อื่นได้
*** เราจะสามารถรับและให้ความรักกับผู้อื่นได้เท่ากับความรักที่เรามีให้กับตัวเราเองเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าผู้อื่นจะให้ความรักกับเรามากแค่ไหนเราก็จะมองไม่เห็นความรักนั้นและคิดว่าเป็นความผิดของผู้อื่นที่ไม่สามารถให้ความรักกับเราได้***
***การเรียกร้องหาสันติภาพและความปรองดองก็เช่น ถ้าเรามีสันติภาพและความปรองดองในตัวเรา เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียกร้องต่อผู้อื่น เพราะเราจะทำสิ่งนั่นให้เกิดขึ้นด้วยตัวเราเอง***
เราไม่สามารถให้ในสิ่งที่เราไม่มีได้
ข้อสังเกตง่ายๆที่เรามองไม่เห็นเนื่องจากข้อจำกัดต่างๆที่เราบอกกับตัวเองทุกวันจนกลายเป็นความเชื่อที่กำหนดขอบเขตการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวของเรากับผู้อื่นซึ่งทำให้เราหลงเข้าใจผิดคิดว่าผู้อื่นจะต้องมารับผิดชอบกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเราอันเนื่องมาจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นของเราเอง ตัวอย่างเช่น การเรียกร้องถามหาความรักจากผู้อื่น เราเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราจะต้องเรียกร้องถามหาความรักจากผู้อื่นแทนที่เราจะเป็นผู้ให้ความรักกับผู้อื่น? นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่มีความรักให้กับตัวเราเอง เราจึงไม่สามารถให้ความรักกับผู้อื่นได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเรียกร้องและถามหาความรักจากผู้อื่นด้วยข้อจำกัดที่เราให้กับตัวเองทำให้เราเกิดเข้าใจทีคลาดเคลื่อนโดยคิดว่า "ถ้าเค้ารักเราเค้าต้องทำให้เราได้ทุกอย่าง และถ้าเค้าทำให้เราไม่ได้ก็แปลว่าเค้าไม่ได้รักเราจริง" เหตุผลที่เราให้กับตัวเองทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้นเราจะต้องได้รับในสิ่งที่เราเรียกร้องขอเพียงแค่เรามีความมุ่งมั่นและมั่งคงกับความคิดของเราสิ่งนั้นต้องเกิดขึ้นแน่นอน
คำถาม : ทำไมและเพราะอะไรความรักที่เราเรียกร้องถึงไม่สำริดผล?
คำตอบ : เพราะเราเอาแต่เรียกร้องแต่เราไม่เคยทำให้มันเกิดขึ้น นั่นก็เพราะเราไม่มีความรักให้กับตัวเอง เราจึงไม่สามารถให้และรับความรักจากผู้อื่นได้
*** เราจะสามารถรับและให้ความรักกับผู้อื่นได้เท่ากับความรักที่เรามีให้กับตัวเราเองเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าผู้อื่นจะให้ความรักกับเรามากแค่ไหนเราก็จะมองไม่เห็นความรักนั้นและคิดว่าเป็นความผิดของผู้อื่นที่ไม่สามารถให้ความรักกับเราได้***
***การเรียกร้องหาสันติภาพและความปรองดองก็เช่น ถ้าเรามีสันติภาพและความปรองดองในตัวเรา เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียกร้องต่อผู้อื่น เพราะเราจะทำสิ่งนั่นให้เกิดขึ้นด้วยตัวเราเอง***