หลายปีมาแล้ว ..
รู้จักพี่คนนึง แกชอบเข้าวัดทำบุญมาก เลยมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันประจำ เพราะคนที่บ้านไม่ชอบไปวัด แต่วัดเป็นสถานที่เงียบสงบ เข้าไปแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขที่ที่อื่นไม่มี ก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆพี่คนนั้น เผื่อจะมีโอกาสได้เข้าใจสัจธรรมอะไรมากขึ้น
แต่ในเวลาเพียงไม่นานที่รู้จักกัน ก็มักจะถูกพี่เค้าพูดทำร้ายจิตใจบ่อยๆ เช่น ล้อเราต่อหน้าลูกว่า เป็นกบในกะลา (เพราะไม่ค่อยชอบเที่ยว และไม่ทันคน)
เวลามาเที่ยวบ้าน ก็วิจารณ์บ้านเราว่าอยู่แล้วอึดอัด ฮวงจุ้ยแย่ (ไม่รู้พี่แกมีความสามารถด้านนี้จริงรึเปล่า)
พีคสุดคือวันนึง มีงานอะไรสักอย่างที่วัดบนดอยสุเทพ เราก็ขับรถพาแกกับครอบครัวไป เราเพิ่งรู้กระทันหันว่ามีงาน เลยไม่ได้เตรียมอะไรไป แต่พี่เค้ามีพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ไป
ระหว่างทำพิธี แทบทุกคนในงานยกดอกไม้-พวงมาลัยที่เตรียมมาพนมมือสาธุ เราอยู่ใกล้ๆก็เลยพนมมือไปกับพวงมาลัยของแกด้วย (จังหวะมันได้ เพราะยืนติดกัน)
พี่คนนั้น 'หันขวับ' มามองเราด้วยสายตาที่ไม่น่ารักเลย แกไม่อยากให้เราจับดอกไม้แก เราก็รีบปล่อยมือ
ไม่รู้แกกลัวบุญจะพร่องลงเพราะเราไปจับของแก หรือเพราะอะไร แต่รู้ว่าห้ามจับของแก..
ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ติดต่อกับพี่คนนั้นอีกเลย ไม่ใช่เพราะโกรธเกลียดอะไรมากมาย แต่เพราะรู้สึกได้ถึงความ "ไม่ใช่" ของอะไรบางอย่าง
..................................................................
บุญกุศล
ในขั้นที่สูงกว่าทาน คือ ศีล และภาวนา เราไม่ต้องใช้เงินสักบาท
มันคือการให้อภัย คำพูดที่เป็นปิยวาจา การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความไม่ยึดมั่นถือมั่น
ทำบุญที่ใจ ทำที่ไหนก็ได้ ทำได้ทุกขณะ แม้กระทั่งการ "รู้ลมหายใจ"
.. บุญกุศลก็เหมือนแสงเทียน ยิ่งแบ่งปันยิ่งเพิ่มค่า แสงเทียนเล่มแรกก็ไม่ได้ดับลงเพื่อเล่มต่อไป แต่ช่วยกันส่องแสงให้โลกสว่างไสวมากขึ้น
สิ่งที่ได้รู้มาในวันนี้ ทำให้ตอบคำถามในวันนั้นได้ว่า..
จิตที่คิดสละออกโดยไม่หวังอะไรตอบแทน คือบุญ ไม่ใช่การที่เราเป็นผู้ประเคนของให้พระ หรือเป็นผู้จับขวดกรวดน้ำ
คนหวงบุญ
รู้จักพี่คนนึง แกชอบเข้าวัดทำบุญมาก เลยมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันประจำ เพราะคนที่บ้านไม่ชอบไปวัด แต่วัดเป็นสถานที่เงียบสงบ เข้าไปแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขที่ที่อื่นไม่มี ก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆพี่คนนั้น เผื่อจะมีโอกาสได้เข้าใจสัจธรรมอะไรมากขึ้น
แต่ในเวลาเพียงไม่นานที่รู้จักกัน ก็มักจะถูกพี่เค้าพูดทำร้ายจิตใจบ่อยๆ เช่น ล้อเราต่อหน้าลูกว่า เป็นกบในกะลา (เพราะไม่ค่อยชอบเที่ยว และไม่ทันคน)
เวลามาเที่ยวบ้าน ก็วิจารณ์บ้านเราว่าอยู่แล้วอึดอัด ฮวงจุ้ยแย่ (ไม่รู้พี่แกมีความสามารถด้านนี้จริงรึเปล่า)
พีคสุดคือวันนึง มีงานอะไรสักอย่างที่วัดบนดอยสุเทพ เราก็ขับรถพาแกกับครอบครัวไป เราเพิ่งรู้กระทันหันว่ามีงาน เลยไม่ได้เตรียมอะไรไป แต่พี่เค้ามีพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ไป
ระหว่างทำพิธี แทบทุกคนในงานยกดอกไม้-พวงมาลัยที่เตรียมมาพนมมือสาธุ เราอยู่ใกล้ๆก็เลยพนมมือไปกับพวงมาลัยของแกด้วย (จังหวะมันได้ เพราะยืนติดกัน)
พี่คนนั้น 'หันขวับ' มามองเราด้วยสายตาที่ไม่น่ารักเลย แกไม่อยากให้เราจับดอกไม้แก เราก็รีบปล่อยมือ
ไม่รู้แกกลัวบุญจะพร่องลงเพราะเราไปจับของแก หรือเพราะอะไร แต่รู้ว่าห้ามจับของแก..
ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ติดต่อกับพี่คนนั้นอีกเลย ไม่ใช่เพราะโกรธเกลียดอะไรมากมาย แต่เพราะรู้สึกได้ถึงความ "ไม่ใช่" ของอะไรบางอย่าง
..................................................................
บุญกุศล
ในขั้นที่สูงกว่าทาน คือ ศีล และภาวนา เราไม่ต้องใช้เงินสักบาท
มันคือการให้อภัย คำพูดที่เป็นปิยวาจา การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความไม่ยึดมั่นถือมั่น
ทำบุญที่ใจ ทำที่ไหนก็ได้ ทำได้ทุกขณะ แม้กระทั่งการ "รู้ลมหายใจ"
.. บุญกุศลก็เหมือนแสงเทียน ยิ่งแบ่งปันยิ่งเพิ่มค่า แสงเทียนเล่มแรกก็ไม่ได้ดับลงเพื่อเล่มต่อไป แต่ช่วยกันส่องแสงให้โลกสว่างไสวมากขึ้น
สิ่งที่ได้รู้มาในวันนี้ ทำให้ตอบคำถามในวันนั้นได้ว่า..
จิตที่คิดสละออกโดยไม่หวังอะไรตอบแทน คือบุญ ไม่ใช่การที่เราเป็นผู้ประเคนของให้พระ หรือเป็นผู้จับขวดกรวดน้ำ