สวัสดีคะ

วันนี้มีโอกาสได้มารีวิวทริปในฝันของใครหลายๆคน ซึ่งหลังจากที่เราเพิ่งแต่งงานไปเมื่อต้นปี 60 ก็ต้องมาคิดกันว่าจะไปฮันนีมูนที่ไหนดี และแล้วก็ต้องมาตกหลุมรักให้กับ
" Switzerland" 

ประเทศในฝันที่เด่นในเรื่องความโรแมนติก พอเราตัดสินใจได้แล้วเราก็เริ่มที่จะเก็บข้อมูลจากรีวิวในพันทิป หาข้อมูลจากในหนังสือ
บังเอิญว่าช่วงที่เราเลือกไปนั้นเป็นช่วง
ปลาย พ.ค. - ต้น มิ.ย. 60 ซึ่งถือเป็นช่วง
High season ของที่นั้น อากาศจะร้อนๆเย็นๆ ผู้คนจะออกมาทำ activity มากมาย ช่วงกลางวันพระอาทิตย์จะตกช้ากว่าปกติทำให้เราสามารถเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ประจวบกับตอนนั้น
สายการบิน Emirate เสนอราคาตั๋วไปกลับ กทม-ดูไบ-ซูริค อยู่ที่ประมาณ 24000/คน บินนานประมาณ 12 ชั่วโมง แต่จะแวะพักที่สนามบินดูไบ ประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถือว่าได้ยืดเส้นยืดสายไปในตัว เสนอตั๋วราคาถูกแบบนี้จะรอช้าอยู่ไย ก็เลยรีบกดBooking ไปเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินแล้ว เราก็มองหาที่พักในสวิต ซึ่งส่วนใหญ่จะมีราคาแพงมาก เราเน้นแบบประหยัด Backpacker จึงนอนโรงแรมในเครือ
Youth hostel ราคาจะถูกกว่าและมีอาหารเช้าร่วมด้วย ราคาประมาณ 3000-4000บาท/คืน แต่ข้อเสียคือจะต้องดึงปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนลงมาส่งคืนที่Lobbyก่อน check out (ความจริงแล้วนั้นควรจองโรงแรมที่สามารถยกเลิกได้ เนื่องจากหากวีซ่าไม่ผ่าน จะไม่สามารถเรียกร้องค่าที่พักและตั๋วเครื่องบินคืนได้) ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ยังไงเราก็ต้องผ่านวีซ่าให้ได้ ก็เลยตามเดิม คือ รีบกดBooking ไปเป็นที่เรียบร้อย
ตั๋วเครื่องบินพร้อม จองที่พักพร้อม เราก็จะไปขอทำ
Visa เชงเก้น ที่กรุงเทพฯ ก็เตรียมเอกสารให้ครบและยื่นขอออนไลน์กับทางเวป TLScontact ค่าเสียหายในการทำวีซ่าประมาณ 3600+/คน หลังจากนั้นก็รอผลประกาศวีซ่าว่าผ่านหรือไม่ประมาณ 3-5วัน ก็เป็นอันรู้ผล ......ผ่างง ง ง ผ่านค่ะ!!
เมื่อ วีซ่าเราผ่านเรียบร้อยแล้ว ก็มาต่อที่
Swiss pass โดยเราซื้อจากบริษัท STA ซึ่งมีสาขาอยู่ที่เชียงใหม่ เข้าไปขอคำปรึกษาและวางแผนเดินทางกับพี่ๆ ให้คำแนะนำดีมากคะ เลยซื้อรวมกับตั๋วขึ้นเขาต่างๆ เราแพลนขึ้น Jungfrau Gornergrat Titlis ซึ่งจะมีค่าขึ้นเขาอยู่ โดยรวมแล้วค่าเสียหายประมาณ 25000/คน ...... ถึงตอนนี้แล้วหมอไปกี่ค่าละคะ TT (แอบกระซิบว่า Swiss pass สำหรับเราสองคนถือว่าคุ้มมากๆ เพราะขึ้นผิดลงผิดก็บ่อยอยู่ 5555+ )
เชคของกันอีกครั้ง ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก วีซ่า Swiss pass ครบหมดแล้ว ที่เหลือก็เสื้อผ้าหน้าผม ที่สำคัญ Pocket money นะคะ อย่าลืม!! จากนั้นก็นั่งนับนอนนับวันไปเที่ยวได้เลยคะ ตื่นเต้นๆ 555555
แพลนคร่าวๆของเราจะเป็นประมาณนี้นะคะ (อันนี้เป็นแพลนที่สามารถทำได้จริง เวลาไม่กระชั้นชิดมาก ทำให้เราได้ดื่มด่ำเต็มที่คะ ^^)
Day 1 : St.Gallen Cathedral - Red carpet - Schaffhausen - Munot - Rhein fall
Day 2 : Luzern - Kapellbruck - Lion Monument - Rigi
Day 3 : Titlis montain
Day 4 : Jungfrau - Lauterbrunnen
Day 5 : Geneva -Lausanne - Le denatou - Vevey - Montreux
Day 6 : Zermatt - Gonnergrat - Matterhorn
Day 7 : Kandersteg - Oeschinensee
Day 8 : Bern - ล่องเรือ Brienz
ขอแอบกระซิบก่อนว่า ที่บอกว่า
"ฉันเปิด เธอแบก" ก็หมายถึงเราเปิดหนังสือนำเที่ยว ส่วนสามีเราแบกของซึ่งมีน้ำหนักรวม 35กิโลกรัมคนเดียว
[CR] >>รีวิว Honeymoon trip in Switzerland เที่ยวเองตามสไตล์Backpacker 10วัน 8คืน ฉันเปิด เธอแบก<<
บังเอิญว่าช่วงที่เราเลือกไปนั้นเป็นช่วง ปลาย พ.ค. - ต้น มิ.ย. 60 ซึ่งถือเป็นช่วง High season ของที่นั้น อากาศจะร้อนๆเย็นๆ ผู้คนจะออกมาทำ activity มากมาย ช่วงกลางวันพระอาทิตย์จะตกช้ากว่าปกติทำให้เราสามารถเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ประจวบกับตอนนั้น สายการบิน Emirate เสนอราคาตั๋วไปกลับ กทม-ดูไบ-ซูริค อยู่ที่ประมาณ 24000/คน บินนานประมาณ 12 ชั่วโมง แต่จะแวะพักที่สนามบินดูไบ ประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถือว่าได้ยืดเส้นยืดสายไปในตัว เสนอตั๋วราคาถูกแบบนี้จะรอช้าอยู่ไย ก็เลยรีบกดBooking ไปเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินแล้ว เราก็มองหาที่พักในสวิต ซึ่งส่วนใหญ่จะมีราคาแพงมาก เราเน้นแบบประหยัด Backpacker จึงนอนโรงแรมในเครือ Youth hostel ราคาจะถูกกว่าและมีอาหารเช้าร่วมด้วย ราคาประมาณ 3000-4000บาท/คืน แต่ข้อเสียคือจะต้องดึงปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนลงมาส่งคืนที่Lobbyก่อน check out (ความจริงแล้วนั้นควรจองโรงแรมที่สามารถยกเลิกได้ เนื่องจากหากวีซ่าไม่ผ่าน จะไม่สามารถเรียกร้องค่าที่พักและตั๋วเครื่องบินคืนได้) ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ยังไงเราก็ต้องผ่านวีซ่าให้ได้ ก็เลยตามเดิม คือ รีบกดBooking ไปเป็นที่เรียบร้อย
ตั๋วเครื่องบินพร้อม จองที่พักพร้อม เราก็จะไปขอทำ Visa เชงเก้น ที่กรุงเทพฯ ก็เตรียมเอกสารให้ครบและยื่นขอออนไลน์กับทางเวป TLScontact ค่าเสียหายในการทำวีซ่าประมาณ 3600+/คน หลังจากนั้นก็รอผลประกาศวีซ่าว่าผ่านหรือไม่ประมาณ 3-5วัน ก็เป็นอันรู้ผล ......ผ่างง ง ง ผ่านค่ะ!!
เมื่อ วีซ่าเราผ่านเรียบร้อยแล้ว ก็มาต่อที่ Swiss pass โดยเราซื้อจากบริษัท STA ซึ่งมีสาขาอยู่ที่เชียงใหม่ เข้าไปขอคำปรึกษาและวางแผนเดินทางกับพี่ๆ ให้คำแนะนำดีมากคะ เลยซื้อรวมกับตั๋วขึ้นเขาต่างๆ เราแพลนขึ้น Jungfrau Gornergrat Titlis ซึ่งจะมีค่าขึ้นเขาอยู่ โดยรวมแล้วค่าเสียหายประมาณ 25000/คน ...... ถึงตอนนี้แล้วหมอไปกี่ค่าละคะ TT (แอบกระซิบว่า Swiss pass สำหรับเราสองคนถือว่าคุ้มมากๆ เพราะขึ้นผิดลงผิดก็บ่อยอยู่ 5555+ )
เชคของกันอีกครั้ง ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก วีซ่า Swiss pass ครบหมดแล้ว ที่เหลือก็เสื้อผ้าหน้าผม ที่สำคัญ Pocket money นะคะ อย่าลืม!! จากนั้นก็นั่งนับนอนนับวันไปเที่ยวได้เลยคะ ตื่นเต้นๆ 555555
แพลนคร่าวๆของเราจะเป็นประมาณนี้นะคะ (อันนี้เป็นแพลนที่สามารถทำได้จริง เวลาไม่กระชั้นชิดมาก ทำให้เราได้ดื่มด่ำเต็มที่คะ ^^)
Day 1 : St.Gallen Cathedral - Red carpet - Schaffhausen - Munot - Rhein fall
Day 2 : Luzern - Kapellbruck - Lion Monument - Rigi
Day 3 : Titlis montain
Day 4 : Jungfrau - Lauterbrunnen
Day 5 : Geneva -Lausanne - Le denatou - Vevey - Montreux
Day 6 : Zermatt - Gonnergrat - Matterhorn
Day 7 : Kandersteg - Oeschinensee
Day 8 : Bern - ล่องเรือ Brienz
ขอแอบกระซิบก่อนว่า ที่บอกว่า "ฉันเปิด เธอแบก" ก็หมายถึงเราเปิดหนังสือนำเที่ยว ส่วนสามีเราแบกของซึ่งมีน้ำหนักรวม 35กิโลกรัมคนเดียว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น