จะทำยังไงกับเด็กฝากที่ทำงานไม่ค่อยได้เรื่อง แถมยังมีพฤติกรรมแปลกๆ อีก

เริ่มแรก..เราขอออกตัวก่อนนะคะว่าเราไม่ได้แอนตี้เด็กฝากนะคะ เพราะเท่าที่เจอเด็กฝากมา ส่วนใหญ่ทำงานได้ดี มีความสามารถ มีความรับผิดชอบ และสามารถเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี จนเมื่อไม่นานมานี้ มีเด็กฝากเข้ามาทำงานคนนึง ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งงานที่สูงนะคะ เป็นตำแหน่งระดับพนักงานผู้ปฏิบัติงานทั่วไปนี่ล่ะ ซึ่งเราเข้าใจว่าผู้ใหญ่คงอยากให้ลูกหลานตัวเองมีโอกาสได้ทำงาน มีประสบการณ์จริงบ้าง

ช่วงแรกที่เข้ามาทำงานก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ น้องเข้ากับพื่อนร่วมงานได้ปกติค่ะ เพราะน้องเป็นคนที่ดูอัธยาศัยดีทีเดียว เพื่อนๆ ก็จะชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันเสมอๆ จน 2-3 สัปดาห์ผ่านไป น้องเริ่มมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมทำงาน เช่น

น้องมักจะมาสายเกินโควต้าที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งจะโดนหักเงินตามระเบียบ ทีแรกก็แซวทีเล่นทีจริงไปว่า  นี่เธอลองออกจากบ้านให้เร็วขึ้นซัก 15 นาทีซิรถอาจติดน้อยกว่าก็ได้ (เราไม่ใช่หัวหน้าน้องนะคะ เราเลยไม่อยากไปดุอะไรจริงจังมาก อีกอย่างเพิ่งเดือนแรก ก็ให้โอกาสน้องปรับตัวหน่อย) แต่จนแล้วจนรอดก็มาสายเป็น 10 ครั้งใน 1 เดือน และเดือนต่อๆ มาก็สายประมาณนี้ตลอด (สายที่ว่า ไม่ใช่สายแค่ 5-10 นาทีนะคะ แต่สายไม่น้อยกว่า 30 นาที หรือบางวันมาสายเป็น ชม.เลยก็มี)

น้องขาดความกระตือรือร้นใส่ใจงาน มักทำงานผิดพลาดบ่อยมาก ทั้งที่งานที่น้องทำ พนักงานคนเก่าก็ไม่ได้จบมาตรงกับตำแหน่งงานนี้เหมือนกัน แต่ยังเรียนรู้ศึกษางานจนทำงานได้ดีมากๆ

น้องติด fb งอมแงมมาก เคยไลฟ์สดขณะนั่งวินมาทำงานด้วย (แม้จะนั่งวินมา น้องก็ยังมาสายอยู่ดี) ทุกครั้งที่เราเดินไปคุยงานในฝ่ายนั้น จะเจอน้องเปิดหน้า fb ที่จอแทบจะทุกครั้ง ทั้งที่นั่งทำงานอยู่หรือช่วงที่ไม่มีงาน ทำให้งานผิดพลาดบ่อยๆ หัวหน้ามาเสียเวลาตรวจทานงานมากกว่าปกติ

คำว่า ด่วน ไม่มีผลกับน้องเค้าเลย หัวหน้าให้งานไ่ปชิ้นนึง พร้อมบอกว่าเอาด่วนนะ แล้วหัวหน้าก็นั่งทำงานด่วนอีกชิ้นของตัวเอง พอละจากจอคอมมามองน้อง ปรากฏว่าน้องนั่งเลื่อน fb ดูอยู่จ้า จนหัวหน้าต้องย้ำเสียงแข็งไปอีกว่านี่งานด่วนนะ ถึงจะกลับมาทำงานด่วนได้

ค่อนข้างมีปัญหาในการสื่อสารเรื่องงาน ชอบอ้ำๆ อึ้งๆ เวลาไปติดต่อประสานงานกับฝ่ายอื่น บางทีหัวหน้าแจ้งให้มาขอข้อมูลงานที่ฝ่ายเรา เราก็บอกว่าเดี๋ยวให้ลูกน้องทำข้อมูลให้ บ่ายๆ น่าจะเสร็จ เพราะเราต้องไปรวบรวมข้อมูลจากฝ่ายอื่นมาประมวลผลให้อีกที แต่น้องก็จะมายืนด้อมๆ มองๆ อยู่ตรงฝ่ายเรา ประมาณว่าจะรอเอาข้อมูลจากเราเลย จนเราต้องบอกไปว่า ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อนค่ะ ถ้าบ่ายทำเสร็จจะแจ้งไป หรือหัวหน้าให้มาประสานงานอย่างนึง แต่มาประสานอีกอย่างนึง ต้องเดินไปถามกับหัวหน้าเองว่าต้องการอะไรแน่

ซึ่งหัวหน้าเค้าค่อนข้างเหนื่อยใจมากที่มีลูกน้องมาแทนคนเก่า แต่กลับไม่มีประสิทธิภาพแทนที่จะช่วยแบ่งเบางานได้ แต่กลับเหมือนเพิ่มภาระแทน

ผ่านมาได้ซัก 2 เดือน หัวหน้าก็พยายามสอนงานและคอยตักเตือนเรื่องความรับผิดชอบต่างๆ ในการทำงาน แต่ก็ไม่ดีขึ้น ก็เลยมาเปรยๆ ปรึกษาเรา ซึ่งเราก็แนะนำไปว่า ลองเรียกเข้าไปคุยในห้องประชุมแบบส่วนตัวดีมั้ย คุยให้เป็นกิจจะลักษณะ เผื่อการตักเตือนที่ผ่านมา เค้าอาจยังไม่รับรู้ว่ามันเป็นสิ่งจริงจังที่เค้าต้องปรับตัว พี่หัวหน้าเห็นตามด้วยค่ะ วันรุ่งขึ้นเรียกน้องเข้าห้องเย็นเพื่อคุยตำหนิกันตรงๆ แต่วันรุ่งขึ้นและวันต่อๆ มา น้องยังมีพฤติกรรมแบบเดิม

นอกจากเรื่องงาน น้องก็ยังมีพฤติกรรมส่วนตัวที่แปลกๆ จนทำให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้เลย จากเพื่อนร่วมงานที่เคยทานข้าวด้วยกัน เพื่อนก็ค่อยๆ ปลีกตัวออกห่าง น้องก็เริ่มไปเข้าหาเพื่อนฝ่ายอื่น แต่ไม่เกินสัปดาห์ ก็ถูกเค้าตีตัวออกห่าง เราคิดว่าน้องน่าจะรู้ฟีดแบคนะคะ แต่คงไม่ได้ปรับตัวอะไร จนทุกวันนี้น้องทานข้าวคนเดียวค่ะ และไม่ค่อยมีใครมาสุงสิงกับน้องเหมือนแรกๆ จะคุยก็เมื่อมีงานต้องประสานกันเท่านั้น

เราขอยกตัวอย่างพฤติกรรมส่วนตัวที่เราคิดว่าแปลกๆ เช่น

น้องมักพูด โพสต์ fb อวดเรื่องของตัวเองมากถึงมากที่สุด บางเรื่องก็จริง บางเรื่องก็โกหก

เรื่องจริงก็เช่น น้องเค้าเคยโพสต์ใน fb เล่าว่าเค้าไปทำธุรกรรมบางอย่างนี่ล่ะ ต้องแสดงบัตร ปชช. แล้วมีพนักงานทักทำนองว่า นี่นามสกุลนี้ดังนี่คะ น้องก็ตอบไปว่า ใช่ค่ะ หนูเป็นหลานของท่าน....... (คือน้องเค้าเป็นญาติกับคนนามสกุลดังจริงค่ะ)

น้องชอบโพสต์รูปอาหาร วิวสระน้ำ ล้อบบี้ รร.ดังๆ แพงๆ แต่โป๊ะแตกเพราะดันไปก้อปปี้ภาพจากเน็ตที่มีลายน้ำชื่อเพจท่องเที่ยวติดที่มุมภาพมาด้วย โดยมีแคปชั่นหรือเช็คอินว่าไปสถานที่นั้นหรือทานอาหารนั้นเอง

น้องเรียนจบจาก ม.เปิดชื่อดังค่ะ แต่น้องกลับติดประวัติใน fb ว่าเรียนจบจาก ม.รัฐย่านท่าพระจันทร์ พอมีคนถาม น้องก็ตอบยอมรับว่าไม่ได้จบที่ ม.รัฐนี้หรอกค่ะ แต่เคยมีอาจารย์จากที่นั่นมาสอนในบางวิชาแค่นั้นเอง (เออ...แบบนี้ก็ได้หรอ ทำไมเธอช่างไม่มีความภูมิใจในสถาบันเธอเลย เรารู้จักน้องๆ ที่จบจาก ม.เปิดนี้หลายคน ก็เก่งมีความรู้ความสามารถดีนะ ไม่เห็นเค้าต้องมาปกปิดเลย)

เวลาที่น้องรู้ว่าใครสนใจอยากซื้ออะไร น้องจะชอบมาแสเงตัวอาสาว่าคนรู้จักทำงานที่นั่นที่นี่เดี๋ยวจะขอส่วนลดให้ แต่เอาจริงๆ ไม่เคยมีใครได้ส่วนลดอะไรจากคนรู้จักของน้องคนนี้เลย เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นหลายครั้งมาก จนไม่มีใครสนใจอะไรแล้ว

เหตุการณ์ที่เราเจอเองคือ...น้องเคยมาบอกเราว่า ญาติที่ไปอยู่ usa จะบินกลับไทยสัปดาห์หน้า พี่จะฝากซื้อของอะไรมั้ย ส่งรูปมาทางไลน์นะ เดี๋ยวน้องฝากญาติหิ้วให้ คือ เราก็สนใจนะ น้ำหอมที่ใช้อยู่จะหมดเลยจะฝากซื้อ2ขวด (ราคา2ขวดก็ประมาณ6พัน) ก็เลยส่งรูปไปให้ พร้อมกำชับด้วยว่าถ้าญาติรับหิ้วอยู่แล้ว พี่ก็ฝากหิ้วด้วยละกันนะ แต่ถ้าไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไรนะ พี่เกรงใจหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีกเลย จนผ่านไปสัปดาห์กว่าๆ ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวของบริษัท เราก็ทักไลน์ถามว่าญาติกลับไทยรึยัง น้องแจ้งว่าญาติกลับมาได้ 2-3 วันละ เราเลยถามเรื่องน้ำหอม น้องบอกเดี๋ยวตามให้ เราก็โอเค พร้อมบอกว่า ได้หรือไม่ได้รีบแจ้งพี่นะ พี่ยังกันเงินไว้จ่ายค่าของ ถ้าไม่ได้ พี่จะได้เอาเงินไปใช้ธุระอื่น รอบนี้น้องก็หายไป 2-3 วันได้ จนเราเริ่มจะหงุดหงิดละ..เลยถามไลน์ไปอีกว่ายังไงเอ่ย น้องอ่านไลน์แต่ไม่ตอบ มาตอบวันรุ่งขึ้นว่าญาติซื้อมาผิดรุ่นค่ะ เดี๋ยวรอบหน้าซื้อมาใหม่เราก็เลยถามไปว่า อ้าว พี่ก็ส่งรูปตัวอย่างไปให้นี่ซื้อผิดหรอ ญาติซื้อรุ่นไหนมา ถ่ายรูปของที่ซื้อมาส่งให้พี่หน่อย น้องส่งรูปมาให้ค่ะ แต่ไม่ใช่รูปที่ถ่ายรูปจากสินค้าจริงญาติซื้อมา แต่เอารูปจากเน็ตคนละเวอร์ขั่นกับรูปที่เราเคยส่งให้มาแทน ซึ่งมันคือรุ่นเดียวกันอะแหละ เราเลยบอกไปว่า ถ้าญาติซื้อแบบในรูปนี้มา ก็คือซื้อมาถูกตรงรุ่นมาแล้วนะ พี่ยินดีจ่ายเงินตามที่ได้สั่งหิ้วนะ แม้จะเริ่มรำคาญไม่อยากได้หน่อยๆ ละก็ตาม (เพราะเราเกรงใจไม่อยากให้ญาติเค้าขาดทุน) แต่น้องก็ยืนยันว่าซื้อผิดรุ่นค่ะ รอรอบหน้าจะซื้อมาใหม่ เราก็เลยไม่เซ้าซี้ละ รำคาญ พร้อมบอกปัดไปว่างั้นรอบหน้าพี่ไม่เอาแล้วดีกว่าค่ะ (ขี้เกียจมาอึดอัดใจทีหลังอีก)

จากเหตุการณ์ล่าสุดนี้ เราเลยงงๆว่าสรุปแล้วญาติซื้อหรือไม่ซื้อมากันแน่ ถ้าไม่ซื้อมาก็บอกตรงๆ ได้นี่หว่า เพราะเราเคยบอกแล้วว่าไม่ซีเรียส หรือที่จริงแล้วน้องจะแค่อยากมาอวดให้รู้ว่ามีญาติอยู่ ตปท.เหมือนที่เคยอวดเรื่องอื่นมาเท่านั้น (ซึ่งเรามองว่ามันไม่ได้น่าอวดอะไร)

เราเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้หลายครั้ง จนเรารู้สึกว่า เออ..น้องเค้าแปลกๆ แหะ ซึ่งเอาจริงๆ นะ ลึกๆ เราก็สงสารเค้านะ แต่ก็เอือมระอากับพฤติกรรมส่วนตัวของน้องเค้า คือ เราคิดว่าคนเราถ้ามันไม่มีปมอะไร มันจะไม่มีพฤติกรรมแบบนี้อะ เราคิดว่าเค้าน่าจะมีปัญหาด้านสภาพจิตใจที่อาจเกิดจากการถูกเลี้ยงดูมาในอดีต ลยทำให้เค้ารู้สึกว่าตัวเค้าไม่มีคุณค่า ไม่มีความภูมิใจในตัวเอง เลยต้องอวดนามสกุล อ้างว่ารู้จักคนที่เค้าช่วยหาสิทธิพิเศษให้ได้ หรือกระทั่งโกหกจนติดเป็นนิสัย เพื่อให้คนยอมรับเค้า ซึ่งผลที่ได้มันตรงกันข้ามเลยอะ

เราและเพื่อนร่วมงานหลายๆ คนมองว่าเค้าไม่ปรับตัวเรื่องงานเลย ทั้งการมาทำงานสาย คุณภาพงาน น่าจะเพราะเค้าถือว่าเค้าเป็นคนที่ถูกผู้ใหญาฝากมา ยังไงเค้าก็ได้อยู่ต่อ ซึ่งถ้าเค้าทำงานดีซะอย่างนะ คงไม่มีใครว่าอะไรเค้าได้ เพราะเรื่องพฤติกรรมที่แปลกๆ มันก็เป็นเรื่องส่วนตัว

อย่างเราเอง หลังๆ มานี้ก็จะคุยกันก็เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น จะสงสารก็แต่พี่ที่เป็นหัวหน้าน้องเค้าเนี่ยสิ จะทำไรก็ไม่ได้ ประเมินไม่ผ่านโปรก็ไม่ได้ คงทำได้แค่รอให้น้องเค้าได้งานที่อื่นแล้วลาออกไปเอง (ซึ่งคิดว่ายากเพราะดูแล้วน้องเค้าไม่มีความสามารถอะไรที่โดดเด่นดึงดูดให้บริษัทไหนรับเข้าทำงานเลย)

ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะทำยังไงกับเหตุการณ์แบบนี้คะ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่