หนูขอสงวนชื่อจริงและนามสกุลนะคะ ตอนนี้อายุ 18 ปี อยู่ จ.บุรีรัมย์ค่ะ เรียนต่อที่ราชภัฏบุรีรัมย์
หนูเป็นพิการแต่กำเนิด มืองอทั้งสองข้าง ไม่มีหูทั้งสองข้าง แต่ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป จับสิ่งของได้ ได้ยินได้เหมือนคนทั่วไป
ครอบครัวเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก ไม่เคยมีข้อตกบกพร่อง หรือน้อยใจคนในครอบครัว ฐานะพอมีกินมีใช้ ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แม่เคยบอกดิฉันว่า
"หนูโชคดีที่มีแม่ มีพ่อ และครอบครัวที่ต่างก็รักหนู หนูเคยดูข่าวใช่ไหม บางคนไม่พร้อมที่จะมีลูก เขายังต้องไปทำแท้ง โดยที่เด็กเหล่านั้นต่างครบสมบูรณ์ แต่เขาไม่มีโอกาศได้ลืมตามองโลก แม้แต่ความอบอุ่นเหล่านั้น หรือบางคนเกิดมาแล้ว พ่อแม่มีปัญหากัน พ่อแม่ไม่มาหา หรือต่างฝ่ายต่างทิ้งลูก หนูเกิดมาหนูควรตั้งใจเรียนนะ อย่าให้เขาดูถูกได้ ว่าเป็นแบบนี้แล้วยังทำตัวไร้ประโยชน์อีก" หนูเคยนั่งถามตัวเองว่า ทำไมเราเกิดมาไม่เหมือนคนอื่น ทำไมเราต้องมีร่างกายแบบนี้ บางครั้งเราก็เกิดท้อกับมัน และบางครั้งเราก็ร้องไห้ แต่ครอบครัวของหนูไม่เคยรังเกียจ หรือเอาข้อด้อยของฉันไปในทางที่ไม่ดี มีแต่ผลักดันสิ่งเหล่านั้นมาให้ฉันสู้ต่อ ตอนที่ได้เข้าเรียน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นเท่าไหร่ บางครั้งก็พอได้คุย แต่ไม่ถึงสนิทมาก พอเข้าต่อมัธยมต้น หนูก็ได้เพื่อน แต่มีสนิทที่สุด ชื่อ ก้อย เราสนิทกันมาก ก้อยเป็นคนพูดมาก ชอบแบ่งปัน พอเข้ามัธยมปลาย เราเข้ามาแบบ งง ไม่รู้ว่าห้องของตัวเองอยู่แถวไหน เลยไปอยู่กับเพื่อนที่มาด้วยกัน นิสัยหนู เป็นคนพูดน้อย น้อยมากๆ ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก เฉยๆ โลกส่วนตัวสูง พอเจอห้องของตัวเอง โดยเพื่อนในห้องนั่งกันเต็มห้อง เห็นที่ว่างอยู่ 1 ที่ เลยไปนั่งและเงียบ ตอนแรกๆที่ไป เพื่อนก็น้อย แบบยังไม่รู้จักกัน พอนานๆก็ได้เพื่อน แต่ครั้งนี้ เพื่อนเยอะกว่าเดิม มีประมาณ 7-8 คน เขาไม่เคยแม้แต่รังเกียจ แต่ยังกล้าจับมือเรา กอดเรา โดยที่ไม่อายคนอื่น มีครั้งหนึ่ง เคยถามเพื่อนว่า อายไหมที่มีเพื่อนแบบเรา เพื่อนยิ้มเเล้วบอกว่า อายทำไม เดินมาด้วยกันขนาดนี้ เพื่อนแบบนี้น่าคบจะตาย เราได้ฟังแบบนั้น เราก็รู้สึกดีมากขึ้น รู้สึกเป็นอิสระ ไม่ต้องคอยกลัวว่า เพื่อนจะอายที่มีเรา ตอนม.5 เทอม 1 ในช่วงนั้นเรามีปัญหากับเพื่อน แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไร เราไม่คุยกับเพื่อนคนหนึ่งเกือบเดือน แล้วก็ไม่มาเรียน โกหกว่าไปนั่นไปนี่ อีกใจก็อดห่วงมันไม่ได้ แต่อีกใจเราไม่อยากใจอ่อน เราพึ่งมาคุยกันก่อนกีฬาสี เพื่อนคนนี้ชื่อ เป้ เขาได้สร้างแชทกลุ่ม แล้วบอกขอโทษคนในกลุ่ม เราก็เลยเริ่มคุยกันและปรับความเข้าใจกันเรื่อยมา ตอนประถมหนูได้ไปแข่งคัดลายมือ ได้ที่ 2 ของจังหวัด พอขึ้นมัธยมต้นได้ไปแข่งวาดรูปที่นครพนมได้ที่ 4
ขอขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจ และคำถามนะคะ
1. หนูเป็นพิการแต่เกิดหรือเป็นเพราะอุบัติเหตุ
ตอบ เป็นพิการแต่กำเนิดค่ะ
2. แม่หนูหรือครอบครัวหนูเป็นแบบหนูไหม
ตอบ ไม่มีค่ะ ทุกคนปกติดี แม่ของหนูท่านแท้งมา 3-4 ครั้งแล้ว ที่หนูเป็นแบบนี้ ก็ภูมิใจแล้ว แม่ต้องฉีดยากันแท้ง ซึ่งทุกคนก็รู้ดี ว่ามันจะมีผล ทำให้พิการได้
3. หนูมีพี่หรือน้องไหม
ตอบ มีน้องสาวค่ะ
4. หนูเคยอายไหมที่เป็นแบบนี้
ตอบ เมื่อก่อนก็คิดแบบนี้นะคะ เพราะไม่เคยมีเพื่อนเล่นเท่าไหร่ พอโตมาเริ่มรู้เริ่มเข้าใจ ก็เฉยๆ ไม่คิดอะไร ปกปิดไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน
5. หนูเคยโดนเพื่อนล้อ หรือดูถูกบ้างไหม
ตอบ ถ้าเป็นเพื่อน ก็ไม่เคยล้อค่ะ ส่วนมากก็ดีทุกคน อาจจะมีๆบ้าง ก็ไม่ใส่ใจค่ะ ที่เคยพบก็แบบมองดูมากกว่า เขาอาจจะไม่เคยเห็น อันนั้นเข้าใจค่ะ แต่บางสายตาก็ส่อถึงความรังเกียจ หรือไม่ชอบ หรือบางทีก็จ้อง แบบไม่กระพริบก็มี ก็โดนบ่อยค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาพูดคุยหรือคอยส่งกำลังใจมาตลอด ขอให้คุณมีความสุขมากๆ อย่าได้เจ็บได้ป่วย อยู่เป็นร่มโพธิร่มไทร ให้ลูกหลาน และเจอแต่สิ่งดีๆเข้าในชีวิต
เรื่องราวที่ยกมานี้ ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง สังคม ทุกคนก็ล้วนเจอปัญหาเหมือนกัน ไม่ว่าจะรวยจะจน จะสูงจะต่ำ ก็อยู่ที่เราแทง เอ้ย????? ใช่มั้ย ค่ะที่ให้อ่านนี่ก็คือ อยากให้ทุกคนยอมรับ และคอยเป็นกำลังให้กันและกัน ขอบคุณค่ะ
เราอาจจะทำตัวไม่ดีในสายตาใคร แต่เราก็ไม่ขอให้คุณเข้าใจมันหรอก เราไม่อาจบอกว่า
“ลองมาเป็นฉันดูไหม”
เพราะเราเป็นเจ้าของร่างนี้เป็นเจ้าของชีวิตนี้ เรามีบทบาทและหน้าที่ให้รับผิดชอบ
เราต่างผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาก็คงเจอมาไม่น้อยกว่าเรา
ยังจะให้เขามาแบกรับภาระแบกรับความรู้สึกของเราทำไมกัน
เป็นพิการแค่ร่างกาย หัวใจยังคงแกร่ง
หนูเป็นพิการแต่กำเนิด มืองอทั้งสองข้าง ไม่มีหูทั้งสองข้าง แต่ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป จับสิ่งของได้ ได้ยินได้เหมือนคนทั่วไป
ครอบครัวเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก ไม่เคยมีข้อตกบกพร่อง หรือน้อยใจคนในครอบครัว ฐานะพอมีกินมีใช้ ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แม่เคยบอกดิฉันว่า
"หนูโชคดีที่มีแม่ มีพ่อ และครอบครัวที่ต่างก็รักหนู หนูเคยดูข่าวใช่ไหม บางคนไม่พร้อมที่จะมีลูก เขายังต้องไปทำแท้ง โดยที่เด็กเหล่านั้นต่างครบสมบูรณ์ แต่เขาไม่มีโอกาศได้ลืมตามองโลก แม้แต่ความอบอุ่นเหล่านั้น หรือบางคนเกิดมาแล้ว พ่อแม่มีปัญหากัน พ่อแม่ไม่มาหา หรือต่างฝ่ายต่างทิ้งลูก หนูเกิดมาหนูควรตั้งใจเรียนนะ อย่าให้เขาดูถูกได้ ว่าเป็นแบบนี้แล้วยังทำตัวไร้ประโยชน์อีก" หนูเคยนั่งถามตัวเองว่า ทำไมเราเกิดมาไม่เหมือนคนอื่น ทำไมเราต้องมีร่างกายแบบนี้ บางครั้งเราก็เกิดท้อกับมัน และบางครั้งเราก็ร้องไห้ แต่ครอบครัวของหนูไม่เคยรังเกียจ หรือเอาข้อด้อยของฉันไปในทางที่ไม่ดี มีแต่ผลักดันสิ่งเหล่านั้นมาให้ฉันสู้ต่อ ตอนที่ได้เข้าเรียน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นเท่าไหร่ บางครั้งก็พอได้คุย แต่ไม่ถึงสนิทมาก พอเข้าต่อมัธยมต้น หนูก็ได้เพื่อน แต่มีสนิทที่สุด ชื่อ ก้อย เราสนิทกันมาก ก้อยเป็นคนพูดมาก ชอบแบ่งปัน พอเข้ามัธยมปลาย เราเข้ามาแบบ งง ไม่รู้ว่าห้องของตัวเองอยู่แถวไหน เลยไปอยู่กับเพื่อนที่มาด้วยกัน นิสัยหนู เป็นคนพูดน้อย น้อยมากๆ ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก เฉยๆ โลกส่วนตัวสูง พอเจอห้องของตัวเอง โดยเพื่อนในห้องนั่งกันเต็มห้อง เห็นที่ว่างอยู่ 1 ที่ เลยไปนั่งและเงียบ ตอนแรกๆที่ไป เพื่อนก็น้อย แบบยังไม่รู้จักกัน พอนานๆก็ได้เพื่อน แต่ครั้งนี้ เพื่อนเยอะกว่าเดิม มีประมาณ 7-8 คน เขาไม่เคยแม้แต่รังเกียจ แต่ยังกล้าจับมือเรา กอดเรา โดยที่ไม่อายคนอื่น มีครั้งหนึ่ง เคยถามเพื่อนว่า อายไหมที่มีเพื่อนแบบเรา เพื่อนยิ้มเเล้วบอกว่า อายทำไม เดินมาด้วยกันขนาดนี้ เพื่อนแบบนี้น่าคบจะตาย เราได้ฟังแบบนั้น เราก็รู้สึกดีมากขึ้น รู้สึกเป็นอิสระ ไม่ต้องคอยกลัวว่า เพื่อนจะอายที่มีเรา ตอนม.5 เทอม 1 ในช่วงนั้นเรามีปัญหากับเพื่อน แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไร เราไม่คุยกับเพื่อนคนหนึ่งเกือบเดือน แล้วก็ไม่มาเรียน โกหกว่าไปนั่นไปนี่ อีกใจก็อดห่วงมันไม่ได้ แต่อีกใจเราไม่อยากใจอ่อน เราพึ่งมาคุยกันก่อนกีฬาสี เพื่อนคนนี้ชื่อ เป้ เขาได้สร้างแชทกลุ่ม แล้วบอกขอโทษคนในกลุ่ม เราก็เลยเริ่มคุยกันและปรับความเข้าใจกันเรื่อยมา ตอนประถมหนูได้ไปแข่งคัดลายมือ ได้ที่ 2 ของจังหวัด พอขึ้นมัธยมต้นได้ไปแข่งวาดรูปที่นครพนมได้ที่ 4
ขอขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจ และคำถามนะคะ
1. หนูเป็นพิการแต่เกิดหรือเป็นเพราะอุบัติเหตุ
ตอบ เป็นพิการแต่กำเนิดค่ะ
2. แม่หนูหรือครอบครัวหนูเป็นแบบหนูไหม
ตอบ ไม่มีค่ะ ทุกคนปกติดี แม่ของหนูท่านแท้งมา 3-4 ครั้งแล้ว ที่หนูเป็นแบบนี้ ก็ภูมิใจแล้ว แม่ต้องฉีดยากันแท้ง ซึ่งทุกคนก็รู้ดี ว่ามันจะมีผล ทำให้พิการได้
3. หนูมีพี่หรือน้องไหม
ตอบ มีน้องสาวค่ะ
4. หนูเคยอายไหมที่เป็นแบบนี้
ตอบ เมื่อก่อนก็คิดแบบนี้นะคะ เพราะไม่เคยมีเพื่อนเล่นเท่าไหร่ พอโตมาเริ่มรู้เริ่มเข้าใจ ก็เฉยๆ ไม่คิดอะไร ปกปิดไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน
5. หนูเคยโดนเพื่อนล้อ หรือดูถูกบ้างไหม
ตอบ ถ้าเป็นเพื่อน ก็ไม่เคยล้อค่ะ ส่วนมากก็ดีทุกคน อาจจะมีๆบ้าง ก็ไม่ใส่ใจค่ะ ที่เคยพบก็แบบมองดูมากกว่า เขาอาจจะไม่เคยเห็น อันนั้นเข้าใจค่ะ แต่บางสายตาก็ส่อถึงความรังเกียจ หรือไม่ชอบ หรือบางทีก็จ้อง แบบไม่กระพริบก็มี ก็โดนบ่อยค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาพูดคุยหรือคอยส่งกำลังใจมาตลอด ขอให้คุณมีความสุขมากๆ อย่าได้เจ็บได้ป่วย อยู่เป็นร่มโพธิร่มไทร ให้ลูกหลาน และเจอแต่สิ่งดีๆเข้าในชีวิต
เรื่องราวที่ยกมานี้ ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง สังคม ทุกคนก็ล้วนเจอปัญหาเหมือนกัน ไม่ว่าจะรวยจะจน จะสูงจะต่ำ ก็อยู่ที่เราแทง เอ้ย????? ใช่มั้ย ค่ะที่ให้อ่านนี่ก็คือ อยากให้ทุกคนยอมรับ และคอยเป็นกำลังให้กันและกัน ขอบคุณค่ะ
เราอาจจะทำตัวไม่ดีในสายตาใคร แต่เราก็ไม่ขอให้คุณเข้าใจมันหรอก เราไม่อาจบอกว่า
“ลองมาเป็นฉันดูไหม”
เพราะเราเป็นเจ้าของร่างนี้เป็นเจ้าของชีวิตนี้ เรามีบทบาทและหน้าที่ให้รับผิดชอบ
เราต่างผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาก็คงเจอมาไม่น้อยกว่าเรา
ยังจะให้เขามาแบกรับภาระแบกรับความรู้สึกของเราทำไมกัน