คือเราอยู่ปี4 กำลังจะจบค่ะ ตอนนี้กำลังตรวจฟอร์แมตเล่มวิจัยอยู่
เกริ่นก่อนว่าเราทำตัวดีมาตลอด ที่บ้านรับรู้ค่ะ ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง อยู่มหาลัยไม่เที่ยวกลางคืน เหล้ายาการพนันไม่เล่น ชีวิตมีแต่หอพักกับคณะ ไม่เคยมีแฟนด้วย สนใจแค่เรื่องเรียน ดูซีรีส์ เที่ยวแบ็คแพ็ค 55
เรื่องของเรื่องคือว่าคนที่บ้านค่อนข้างชี้นำอนาคตเราค่อนข้างมากเลยค่ะ สิ่งที่คิดว่าเราเลือกเหมาะกับตัวเองแล้ว ก็ไม่เคยดีที่สุดในความคิดที่บ้านเลย
โดนประมาณว่าทำไมไม่....นู้นนี่นั้นค่ะ แบบนี้มาตั้งแต่เรายังเด็กๆ
ซึ่งตอนเด็กๆ เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเนอะ เออออไป
เป็นครู/เป็นหมอ/พยาบาล บลาๆ เน้นขรก. โดยเฉพาะครูเพราะพ่อเป็นครูค่ะ โดนพ่อแม่พี่ป้าน้าอาไซโคตลอด จนเข้ามหาลัยเราสอบติดคณะนึงที่ชอบ+ถนัดด้วย แต่เค้ามองว่าภาษีสังคมไม่ดีเท่าพวกคณะสายแพทย์-ครู จนถึงตอนนี้ยังโดนไซโคให้ไปสอบครู สอบกพ.กระทรวง/กรม อยู่เลยค่ะ ซึ่งเค้ามองว่ามันมั่นคง ส่วนงานพวกสายเอกชนนี่แทบจะห้ามเลย
แต่เรารู้ตัวเองว่าเราไม่เหมาะกับอาชีพนี้อย่างแรงด้วยหลายๆเหตุผล ถ้าให้เป็นครูเราคงเป็นครูแบบสอนไปวันๆ ไม่มีจุดหมาย แบบนั้นเราไม่อยากเป็นค่ะ
นอกจากนี้มีอย่างอื่นที่อยากทำมากกว่าด้วย
แต่ก็โดนตอบกลับมาประมาณว่า ทำไปเดี๋ยวก็ชอบเอง
เราพูดเหตุผลอะไรไปก็ไม่เคยยอมรับเลยค่ะ
หนนึงเคยบอกไปว่าเราอยากทำพวกงาน fabric crafts เป็นรายได้เสริมตอนว่างๆ ลงขายผ่านเว็ปแล้วก็อาจไปที่ถนนคนเดินกับเพื่อนด้วย
ก็โดนบอกว่า ไม่ได้ส่งไปเรียนเพื่อให้มาทำอะไรแบบนี้
เรารู้สึกเลยว่าที่บ้านมองว่าอาชีพขรก.ดีที่สุด (เอาลูกไปอวด เกทับกันสนุกเลย...)
อยากทำพาร์ทไทม์ หรือทำอะไรจิปาถะดู งานสุจริตนะคะ ก็ห้ามตลอด มองว่าไม่มีเกียรติ บางทีหัวเราะใส่ด้วยซ้ำไป ไม่เคยถูกบอกว่าก็ลองดู หรืออะไรแบบนั้นเลยค่ะ
เพื่อนชวนไปข้างนอก เดินเล่น เข้าร้านกาแฟ ร้านเนื้อย่างชาบู ทุ่มนึงโทรตามละ -*- เรามีพี่ชาย พี่ก็โดนเหมือนกันขนาดว่าโตเป็นผู้ใหญ่แกกว่าเราหลายปี
อยากไปเที่ยวคือบอกที่บ้านตรงๆ ไม่ได้เลย ตอนทำพาสปอร์ตครั้งแรกเพื่อจะแบ็คแพ็คไปเวียดนามคนเดียว แต่ต้องบอกที่บ้านว่าไปแค่ลาวนี่แหละ
แต่ขนาดบอกไปลาวตอนแรกก็โดนห้ามเหมือนกัน
ที่เล่ามานี้ บางคนอาจสงสัยว่าเพราะเราดูแลตัวเองไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นรึเปล่า
อันนี้ไม่เลยค่ะ เพราะฝึกวิทยายุทธ์มาตลอดช่วงมหาลัยแล้ว 55
แต่ในสิ่งที่เรารัก เราคิดไว้แล้วล่ะว่าถ้าได้ทำแม้เราจะเดือดร้อนแต่เราจะไม่ให้ที่บ้านเดือดร้อนด้วยค่ะ
ซึ่งเรื่องนี้เราทบทวนความตั้งใจแล้ว3ปี และยังเป็นความฝันแรกตั้งแต่เด็กด้วย แต่มันเพิ่งมาชัดเจนเอาช่วงขึ้นมหาลัยนี่เอง
ทั้งนี้ที่บ้านพูดดักเราแต่แรกเลยค่ะว่าห้ามเด็ดขาด
แต่เหตุผลไม่ใช่ว่ามันจะทำให้ที่บ้านเดือดร้อน หรือเป็นอาชีพไม่มั่นคง
แต่เป็นเพราะเราจะต้องอยู่ไกลจากบ้าน จนแทบไม่มีโอกาสได้เจอกัน หรือกลับมาเยี่ยมบ้าน
ดังนั้นตอนนี้เราก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านตรงๆ
แต่คิดแล้วว่าจะบอกก่อนช่วงรับปริญญาซักพักค่ะ ทำใจไว้ว่าคงโดนว่าบ้านแตกแน่นอน
คนรู้จักบางคนที่รู้ความตั้งใจเราแล้ว บางคนก็บอกว่าทำไมไม่ทำตามที่บ้านแนะไปก่อนล่ะ หลายๆปีค่อยมาทำที่อยากทำก่อนก็ไม่สาย
แต่เรามองว่าชีวิตมันไม่แน่นอนค่ะ (ซึ่งเค้าก็ชอบบอกว่า ไม่แน่เหมือนกันในอนาคตเราอาจชอบในสิ่งที่เค้าแนะก็ได้ )
ที่ไม่แน่นอนของเราคือ เราไม่รู้ตัวเองจะตายเมื่อไหร่ จะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน
อย่างที่อาจารย์ท่านนึงเคยบอกไว้ว่าแม้ปัจจุบันจะเห็นกันอยู่ดีๆ คุยกันเหมือนปกติทุกวัน แต่ไม่แน่ว่าแค่เดินออกไปข้างนอกก็อาจโดนรถชนตายได้ -*-
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียใจทีหลัง เราคิดว่าเลือกทำสิ่งที่รักไปเลยดีกว่า
ปล.เรากับที่บ้านไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่
เพราะโดนเข้มงวดมาตั้งแต่เด็กๆ เค้าชอบมองว่าอย่างอื่นนอกจากการเรียนมันไม่มีสาระ พอประถมอ่านหนังสือแข็งแล้วมาเริ่มอ่านวรรณกรรมแปลก็ว่าไร้สาระ (เราอ่านงานโทลคีน,อูโก้,เฮสเส นะคะT_T) มีสังคมกับคนอื่นบ้างก็บ่น (คือไปเล่นบ้านเพื่อนเฉยๆ) ถามว่าไปทำไม ได้อะไร
และอะไรหลายๆอย่างมันเลยทำให้เราไม่กล้าที่จะบอกความต้องการของตัวเอง ไม่เล่าว่าไปทำอะไรมา หรือเล่าปรึกษาปัญหาอะไรเลยค่ะ เราเก็บมันไว้ตลอด หาวิธีแก้ไขเอง ช่วงม.ต้นวัยต่อต้านนี่รู้สึกโดดเดี่ยวมากๆ จนอยากหนีออกจากบ้านไปเลย
ปล.2 อาจเล่างงๆบ้าง ขอโทษนะคะ แฮร่
[กระทู้ระบาย] คนที่ทางบ้านหวงมากๆ ทำยังไงให้ที่บ้านยอมรับในสิ่งที่เราเลือกบ้างคะ
เกริ่นก่อนว่าเราทำตัวดีมาตลอด ที่บ้านรับรู้ค่ะ ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง อยู่มหาลัยไม่เที่ยวกลางคืน เหล้ายาการพนันไม่เล่น ชีวิตมีแต่หอพักกับคณะ ไม่เคยมีแฟนด้วย สนใจแค่เรื่องเรียน ดูซีรีส์ เที่ยวแบ็คแพ็ค 55
เรื่องของเรื่องคือว่าคนที่บ้านค่อนข้างชี้นำอนาคตเราค่อนข้างมากเลยค่ะ สิ่งที่คิดว่าเราเลือกเหมาะกับตัวเองแล้ว ก็ไม่เคยดีที่สุดในความคิดที่บ้านเลย
โดนประมาณว่าทำไมไม่....นู้นนี่นั้นค่ะ แบบนี้มาตั้งแต่เรายังเด็กๆ
ซึ่งตอนเด็กๆ เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเนอะ เออออไป
เป็นครู/เป็นหมอ/พยาบาล บลาๆ เน้นขรก. โดยเฉพาะครูเพราะพ่อเป็นครูค่ะ โดนพ่อแม่พี่ป้าน้าอาไซโคตลอด จนเข้ามหาลัยเราสอบติดคณะนึงที่ชอบ+ถนัดด้วย แต่เค้ามองว่าภาษีสังคมไม่ดีเท่าพวกคณะสายแพทย์-ครู จนถึงตอนนี้ยังโดนไซโคให้ไปสอบครู สอบกพ.กระทรวง/กรม อยู่เลยค่ะ ซึ่งเค้ามองว่ามันมั่นคง ส่วนงานพวกสายเอกชนนี่แทบจะห้ามเลย
แต่เรารู้ตัวเองว่าเราไม่เหมาะกับอาชีพนี้อย่างแรงด้วยหลายๆเหตุผล ถ้าให้เป็นครูเราคงเป็นครูแบบสอนไปวันๆ ไม่มีจุดหมาย แบบนั้นเราไม่อยากเป็นค่ะ
นอกจากนี้มีอย่างอื่นที่อยากทำมากกว่าด้วย
แต่ก็โดนตอบกลับมาประมาณว่า ทำไปเดี๋ยวก็ชอบเอง
เราพูดเหตุผลอะไรไปก็ไม่เคยยอมรับเลยค่ะ
หนนึงเคยบอกไปว่าเราอยากทำพวกงาน fabric crafts เป็นรายได้เสริมตอนว่างๆ ลงขายผ่านเว็ปแล้วก็อาจไปที่ถนนคนเดินกับเพื่อนด้วย
ก็โดนบอกว่า ไม่ได้ส่งไปเรียนเพื่อให้มาทำอะไรแบบนี้
เรารู้สึกเลยว่าที่บ้านมองว่าอาชีพขรก.ดีที่สุด (เอาลูกไปอวด เกทับกันสนุกเลย...)
อยากทำพาร์ทไทม์ หรือทำอะไรจิปาถะดู งานสุจริตนะคะ ก็ห้ามตลอด มองว่าไม่มีเกียรติ บางทีหัวเราะใส่ด้วยซ้ำไป ไม่เคยถูกบอกว่าก็ลองดู หรืออะไรแบบนั้นเลยค่ะ
เพื่อนชวนไปข้างนอก เดินเล่น เข้าร้านกาแฟ ร้านเนื้อย่างชาบู ทุ่มนึงโทรตามละ -*- เรามีพี่ชาย พี่ก็โดนเหมือนกันขนาดว่าโตเป็นผู้ใหญ่แกกว่าเราหลายปี
อยากไปเที่ยวคือบอกที่บ้านตรงๆ ไม่ได้เลย ตอนทำพาสปอร์ตครั้งแรกเพื่อจะแบ็คแพ็คไปเวียดนามคนเดียว แต่ต้องบอกที่บ้านว่าไปแค่ลาวนี่แหละ
แต่ขนาดบอกไปลาวตอนแรกก็โดนห้ามเหมือนกัน
ที่เล่ามานี้ บางคนอาจสงสัยว่าเพราะเราดูแลตัวเองไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นรึเปล่า
อันนี้ไม่เลยค่ะ เพราะฝึกวิทยายุทธ์มาตลอดช่วงมหาลัยแล้ว 55
แต่ในสิ่งที่เรารัก เราคิดไว้แล้วล่ะว่าถ้าได้ทำแม้เราจะเดือดร้อนแต่เราจะไม่ให้ที่บ้านเดือดร้อนด้วยค่ะ
ซึ่งเรื่องนี้เราทบทวนความตั้งใจแล้ว3ปี และยังเป็นความฝันแรกตั้งแต่เด็กด้วย แต่มันเพิ่งมาชัดเจนเอาช่วงขึ้นมหาลัยนี่เอง
ทั้งนี้ที่บ้านพูดดักเราแต่แรกเลยค่ะว่าห้ามเด็ดขาด
แต่เหตุผลไม่ใช่ว่ามันจะทำให้ที่บ้านเดือดร้อน หรือเป็นอาชีพไม่มั่นคง
แต่เป็นเพราะเราจะต้องอยู่ไกลจากบ้าน จนแทบไม่มีโอกาสได้เจอกัน หรือกลับมาเยี่ยมบ้าน
ดังนั้นตอนนี้เราก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านตรงๆ
แต่คิดแล้วว่าจะบอกก่อนช่วงรับปริญญาซักพักค่ะ ทำใจไว้ว่าคงโดนว่าบ้านแตกแน่นอน
คนรู้จักบางคนที่รู้ความตั้งใจเราแล้ว บางคนก็บอกว่าทำไมไม่ทำตามที่บ้านแนะไปก่อนล่ะ หลายๆปีค่อยมาทำที่อยากทำก่อนก็ไม่สาย
แต่เรามองว่าชีวิตมันไม่แน่นอนค่ะ (ซึ่งเค้าก็ชอบบอกว่า ไม่แน่เหมือนกันในอนาคตเราอาจชอบในสิ่งที่เค้าแนะก็ได้ )
ที่ไม่แน่นอนของเราคือ เราไม่รู้ตัวเองจะตายเมื่อไหร่ จะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน
อย่างที่อาจารย์ท่านนึงเคยบอกไว้ว่าแม้ปัจจุบันจะเห็นกันอยู่ดีๆ คุยกันเหมือนปกติทุกวัน แต่ไม่แน่ว่าแค่เดินออกไปข้างนอกก็อาจโดนรถชนตายได้ -*-
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียใจทีหลัง เราคิดว่าเลือกทำสิ่งที่รักไปเลยดีกว่า
ปล.เรากับที่บ้านไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่
เพราะโดนเข้มงวดมาตั้งแต่เด็กๆ เค้าชอบมองว่าอย่างอื่นนอกจากการเรียนมันไม่มีสาระ พอประถมอ่านหนังสือแข็งแล้วมาเริ่มอ่านวรรณกรรมแปลก็ว่าไร้สาระ (เราอ่านงานโทลคีน,อูโก้,เฮสเส นะคะT_T) มีสังคมกับคนอื่นบ้างก็บ่น (คือไปเล่นบ้านเพื่อนเฉยๆ) ถามว่าไปทำไม ได้อะไร
และอะไรหลายๆอย่างมันเลยทำให้เราไม่กล้าที่จะบอกความต้องการของตัวเอง ไม่เล่าว่าไปทำอะไรมา หรือเล่าปรึกษาปัญหาอะไรเลยค่ะ เราเก็บมันไว้ตลอด หาวิธีแก้ไขเอง ช่วงม.ต้นวัยต่อต้านนี่รู้สึกโดดเดี่ยวมากๆ จนอยากหนีออกจากบ้านไปเลย
ปล.2 อาจเล่างงๆบ้าง ขอโทษนะคะ แฮร่