[CR] {รีวิวทุนฝึกงาน JTECS/METI} เมื่อเขาให้หนูไปฝึกงานวิวภูเขาไฟฟูจิ แถมสตางค์แสนกว่าเยน รีบสิคะ มัวรออะไร

สวัสดีทุกคนค่า ตามหัวกระทู้เลยวันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่นกัน เราได้ข่าวเรื่องการสมัครชิงทุน “JTECS” ซึ่งเป็นทุนสำหรับนักศึกษาที่อยากไปฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 เดือน ทุนนี้เป็นทุนให้เปล่าที่เกิดจาก JTECS (Japan-Thailand Economic Cooperation Society) และการสนับสนุนจาก METI (Ministry of Economy, Trade and Industry) ซึ่งฟรีทุกสิ่งอย่างตั้งแต่ค่าวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก แถมมี pocket money ให้อีก คุ้มเกินคุ้มมากเลย เราเห็นว่าทุนนี้น่าสนใจดีก็เลยลองสมัครดู เรื่องที่ต้องเตรียมมากๆเลยก็คือเรื่องของภาษาค่ะ การสอบชิงทุนนี้แบ่งออกเป็นสองรอบ รอบแรกเป็นการสอบข้อเขียน ซึ่งก็จะสอบวัดภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษ ส่วนตัวแล้วเราไม่ค่อยเครียดกับภาษาอังกฤษมากเท่าไหร่ แต่ก็แอบหวั่นๆกับภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน หลังจากผ่านข้อเขียนแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการสอบสัมภาษณ์  ในขั้นตอนนี้ทุกคนต้องเตรียม Portfolio ไปด้วย ถ้าผู้สมัครมีผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (TOEIC) หรือผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (JLPT) ที่ค่อนข้างสูง ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ภาษาที่ใช้ในการสัมภาษณ์นั้นก็จะเป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น ส่วนตัวเราเรียนสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ก็เลยจะโดนสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษซะมากกว่าค่ะ

       ถึงจะได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นจากที่สถาบันมาเยอะทั้งภาษาและวัฒนธรรม (เรียนสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น) แต่เพราะเราไม่เคยไปญี่ปุ่นเลยซักครั้ง บอกเลยว่าตื่นเต้นมากกกกกกก เสื้อผ้านี่ต้องเฟอร์เบอร์ไหน เอาอะไรไปบ้าง ต้องแพ็คมาม่าไปเท่าไหร่ บลาๆๆ คือค่อนข้างเห่อและเสียเวลาไปกับการเตรียมตัวเยอะมาก 55555 แต่การไปฝึกงานครั้งนี้ เราไม่ได้ไปคนเดียวนะ มีเพื่อนต่างสาขาไปด้วยอีกคนนึง ซึ่งนางเก่งภาษาญี่ปุ่นมากกก กอไก่ล้านตัว ทางเราก็คิดในใจว่า รอดแล้วตรู ><

บริษัทที่เราไปฝึกงานค่ะ

       บริษัทโฮสที่เราได้ไปฝึกงานเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น นั่นก็คือ  "YAZAKI Corporation" บริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดชิสึโอกะค่ะ ถ้าคนที่คุ้นเคยกับญี่ปุ่นก็คงจะทราบกันดีว่า มันคือ "เมืองฟูจิซัง" นั่นเอง ต้องบอกเลยว่าเราโชคดีมากที่ได้ไปฝึกที่บริษัทนี้ เพราะได้เห็นวิวสวยๆทุกวัน ฟินไปสองเดือนเต็มๆเลยยยย

เดินทางจากบริษัทไปไม่ถึง 15 นาทีก็จะได้วิวฟูจิซังแบบนี้เลย

อันนี้เป็นฟอร์มบริษัทไว้ใส่ตอนออกไปดูงานค่ะ ปกติฟรีสไตล์จะแต่งยังไงก็ได้


<ตื่นเต้นตามประสาคนไม่เคยมา>

       เราเดินทางด้วยสายการบิน ANA หลังจากเครื่องลงแล้วก็มีคนจากJTECS มารับแล้วพาไปส่งที่บริษัทโฮส แต่กว่าจะถึงบริษัทก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงแล้วและทางเราเอง หน้าตาก็ค่อนข้างอิดโรยเบาๆ พี่เลี้ยงที่มาต้อนรับก็เลยคุยกับเราไม่นาน นางคงจะเห็นว่าเราเหนื่อยก็พาไปที่พักเลย ในส่วนของที่พัก เราได้พักในหอของบริษัทเลย ใช้เวลาเดินจากหอไปออฟฟิศไม่เกิน 10 นาที ต้องบอกเลยว่า หนึ่งในความปลื้มปริ่มของการมาฝึกงานครั้งนี้คือหอพัก เพราะว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แบบครบครัน! ตั้งแต่ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส เล้าจ์ไว้นั่งดริ้งชิลๆ แต่ที่ชอบสุดคือห้องคาราโอเกะค่ะ เครื่อง Joysound ด้วยอ้ะ 555 ที่สำคัญคือทุกอย่างฟรี! ฟรีอีกแล้ว

ที่สิงสถิตของพวกเราหลังเลิกงาน ห้องคาราโอเกะ

       นอกจากจะมีวิวฟูจิซังให้ได้ชมทุกวันแล้ว ที่สวยไม่แพ้กันคือซากุระ เพราะว่าเราไปช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดี เดินไปไหนก็เจอซากุระบานสะพรั่งไปทั่วทั้งบริษัทเลยค่ะ อันนี้คืออยู่ในบริเวณบริษัทที่เค้าเรียกกันว่า Y-City นะ แต่ถ้าออกจากบริเวณนี้ไปจะพบว่า สงบ… สงบมาก เป็นบ้านคนซะส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีเซเว่นอยู่ที่นึง ซึ่งแค่มีเซเว่นทางเราก็คิดว่ารอดแล้ว ไม่เป็นไร วันแรกไม่มีอะไรมาก ตื่นเต้นตามประสาคนไม่เคยมา
หน้าบานแข่งกับซากุระไปอีก55555

ซากุระที่ทุกคนตามหา แค่เปิดหน้าต่างห้องมาก็เจอ5555 ฮานามิวนไป^^
ดอกแดนดิไลออนเหมือนในเรื่องโนบิตะที่กลายร่างมาจากทัมโปโปะ ลูกพี่เลี้ยงชอบเก็บมาให้55555


<ประสบการณ์การทำงาน>

       ในส่วนของการทำงาน เราอยู่ใน Planning division งานหลักๆของ division นี้ก็คือการวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ ให้ทั้งบริษัทแม่และก็บริษัทลูกในต่างประเทศด้วย ซึ่งที่ประเทศไทยเองก็มีบริษัทลูกของ YAZAKI Corporation ด้วยเหมือนกัน แต่หลายคนอาจจะคุ้นเคยหรือรู้จักในชื่อ Thai Yazaki มากกว่า นอกจากนี้ division นี้ ก็จะแยกย่อยลงไปอีก 9 แผนกจากนโยบาย Job Rotation ตามสไตล์ของบริษัทญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นภายในสองเดือนของการฝึกงาน เราต้องทำงานในหลายแผนก ตอนแรกที่รู้ก็คิดในใจว่า

“ตายหล่ะ จะไหวมั้ยเนี่ยเรา”

ถ้าเป็นภาษาไทยก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น! เพราะว่าแต่ละแผนกก็มีคำศัพท์เทคนิคที่แตกต่างกัน มันต้องยากมากแน่ ๆ แล้วก็จริง ๆ ค่ะ ยากจริง แต่มันส์ เพราะด้วยลักษณะงานของเราจะเป็นโปรเจคมากกว่างานประจำ ทำให้รู้สึกไม่จำเจเลย เช่น ตอนนี้แผนกเอเชียแปซิฟิคกำลังเสนอให้บริษัทที่ไทยขยายไลน์สินค้าใหม่ ทางบริษัทแม่ก็มีหน้าที่จะต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ สำรวจตลาดและวิเคราะห์แนวโน้มเบื้องต้นว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน เพื่อเป็นไอเดียริเริ่มให้บริษัทลูกก่อน คล้ายๆกับการทำแผนธุรกิจ เป็นต้น การทำงานในแต่ละแผนกของเราจะเป็นการทำงานร่วมกันกับพี่ ๆ ในทีม

เฮฮาตามสไตล์ พี่เลี้ยงสายเปย์ หลังเลิกงานพาหนีเที่ยวทุกวันเลยยยย

       จริง ๆ แล้ว แต่ก่อนเราคิดมาตลอดเลยว่าบรรยากาศการทำงานในบริษัทญี่ปุ่นจะจริงจังและต้องเครียดมากแน่เลย แต่ที่นี่ไม่เป็นแบบนั้นค่ะ อาจจะเพราะว่า ในบริษัทมีชาวต่างชาติเยอะมาก  ทำให้บรรยากาศในการทำงานค่อนข้างจะมิกซ์ๆ กันระหว่างเอเชียกับตะวันตก ส่วนที่ท้าทายที่สุดน่าจะเป็นการพรีเซ้นต์ เราต้องพรีเซ้นต์งานเยอะและบ่อยมาก เรียกได้ว่าเกือบทุกอาทิตย์เลยค่ะ แล้วทุกครั้งต้องพรีเซ็นต์ให้ทุกคนในแผนกฟังรวมไปถึงผู้จัดการแผนกด้วย ตื่นเต้นมาก แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด ทุกครั้งเราก็จะได้รับความคิดเห็นจากสมาชิกในทีมมาปรับใช้ในงานต่อๆไป จิตวิญญาณการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเหล่านี้คนญี่ปุ่นเรียกว่า Kaizen คือมันอยู่ในสายเลือดไปแล้ว เพราะเขาปลูกฝังมาตั้งแต่เล็ก ๆ เรารู้สึกว่าวัฒนธรรมอะไรที่มันดี เราก็อยากจะเรียนรู้ไว้ อีกอย่างคือรู้สึกว่าตอนเรียนที่เมืองไทยก็พรีเซนต์บ่อย แล้วงานโปรเจกต์อะไรต่าง ๆ ก็ต้องปรับปรุงอยู่ตลอดค่ะ ก็เลยไม่ได้รู้สึกกลัวมากจนเกินไป

       ทางบริษัทก็ดูแลเราดีมากๆ คอยจัดตารางทำงานสลับกับการไปดูงานให้บ่อยมาก ทำให้เราได้เดินทางไปหลายเมืองหลายจังหวัด หลัก ๆ ก็เพื่อไปชมโรงงานของบริษัทและโรงงานของลูกค้า เช่น Toyota Suzuki รวมไปถึงธีมปาร์คต่างๆด้วย ระหว่างทางไปดูงานพี่เลี้ยงก็พาไปแวะเที่ยวด้วย นอกจากจะไปเที่ยวยังพาไปเลี้ยงบ่อยมาก (ที่ญี่ปุ่นจะเรียกกันว่า โนมิไค) วันเว้นวันเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นดื่มเบียร์กันเก่งมากกกเรียกว่าดื่มแทนน้ำเลยดีกว่า 5555 แต่ที่ชอบคือเค้ารับผิดชอบตัวเองค่ะ ถ้ารู้ว่าจะดื่มก็จะไม่ขับรถมาแต่เลือกนั่งรถไฟแทน

มาดูงาน TOYATA MEGA WEB ที่โตเกียวค่ะ มาดูงานจริงจริ๊ง55555
ก่อนกลับจากโตเกียว พี่เลี้ยงก็พามาแวะขอพรที่วัด Sensoji

บรรยากาศโนมิไค บางทีก็สงสัยว่าเค้ามาทำงานวันรุ่งขึ้นกันไหวได้ยังไง ซดกันเป็นเหยือกขนาดนั้น
บริษัทเลี้ยงดี มื้อนี้ฟินไปอีกหลายวัน


<ทริปที่เป็นมากกว่าการฝึกงาน>
    
       ฝึกงานครั้งนี้ทำให้เราได้ทำอะไรใหม่ๆหลายอย่าง ไปหลายที่ พบปะเพื่อนใหม่ๆ ตลอดเวลา จากตอนแรกที่คิดว่า ไม่รอดแน่เลย กลับกลายเป็นว่าสนุกจนไม่อยากกลับเลย เรารู้สึกโชคดีมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ค่ะ แม้ว่าจะยาก แต่ยิ่งยาก ก็ยิ่งท้าทายทำให้ต้องพยายามมากขึ้น ยิ่งได้พัฒนาเร็วขึ้นทั้งเรื่องภาษาและทักษะการทำงานกับคนหลากหลายเชื้อชาติ

สวนสัตว์ที่นี่ สอนเด็กตกปลาแล้วย่างกินเดี๋ยวนั้น แอดวานซ์มากเบย ==

ลองทำ โอโคโนมิยากิ กับมอนจากิ ต้องใช้ความเร็วในการสับให้ละเอียด เร็วขนาดกล้องจับไม่ทัน555
มิสะซัง เอมิซัง พี่เลี้ยงที่ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเรา  ตลอด 2 เดือนค่ะ นางกำลังจะมาไทยด้วยน้า

       นอกเหนือจากประสบการณ์ทำงาน ที่สำคัญกว่านั้นคือมิตรภาพ แม้ว่าเราจะกลับมาไทยแล้วก็ตาม ก็ยังติดต่อกันอยู่ พี่เลี้ยงบางคนจองตั๋วเตรียมบินมาเที่ยวไทยมาหาเราเดือนสิงหานี้แล้วด้วย 5555 สรุปแล้วเป็น 2 เดือนที่มีค่ามากๆ ได้ประสบการณ์แถมไม่ต้องรบกวนสตางค์คุณพ่อคุณแม่อีกด้วย เราเชื่อว่ามีน้องๆ ที่อยากจะมีโอกาสแบบเราบ้าง หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ น้องๆ นะคะ ^^

ป.ล. จขกท.เรียนสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ (IB) นะคะ ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่ะ
ชื่อสินค้า:   ฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่