คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
สวัสดีค่ะ MC พี่โอ้ และเพื่อนๆ
ชอบเรื่อง 3 ก๊กมาก แต่ไม่ได้ติดตามเรื่องสามก๊กจากเพจต่างๆ เลยค่ะ ขอนำตอนที่ประทับใจมากๆ มาแจม เพราะสะท้อนให้เห็นว่าขงเบ้งกระจ่างเรื่องลักษณะนิสัยของคน อ่านคนออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
สามก๊ก ตอน สงครามลิ้น เป็นตอนที่ขงเบ้งไปหาซุนกวนเพื่อเจรจาให้ง่อก๊ก (ซุนกวน) ร่วมมือกับจ๊กก๊ก (เล่าปี่) เพื่อรบกับวุยก๊ก (โจโฉ) แน่นอนขุนนางง่อก๊กก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นว่าควรให้ความร่วมมือ กับฝ่ายที่เห็นว่าอยู่เฉยๆ ดีกว่า ฝ่ายแรกไม่มีปัญหา ฝ่ายหลังก็ต้องออกมาโต้แย้งกับขงเบ้ง
บรรดากุนซือชื่อดังของง่อก๊กออกมาปะทะโวหาร ก็เจอขงเบ้งสวนหงายกลับไปทุกราย เช่น
เตียวเจียว โดนขงเบ้งสั่งสอนว่า
...เรื่องชาติบ้านเมือง เรื่องราชวงศ์ ล้วนจำเป็นต้องอาศัยผู้ปราชญ์เปรื่อง จะมามัวอาศัย พวกที่คุยโวโอ้อวด พวกเล่นลิ้นโต้คารม หรือพวกสรรเสริญตัวเอง เหยียดหยามผู้อื่น พวกดีแต่นั่งโม้คุยโตว่าไม่มีใครเทียบ แต่ต่อเรื่องคับขัน กลับไร้แผนจะแก้ไข ถ้าหากว่า ใช้พวกนี้ โลกคงเยาะเย้ย
ซีหอง โดนตอกหน้าหงาย
... คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง ต้องจงรักภักดีกตัญญู ตระกูลโจโฉเป็นอำมาตย์ กินเบี้ยหวัดหลวง แต่ลูกหลานไม่จงรัก กลับคิดคดเป็นกบฏ คิดเป็นโจรชิงราชสมบัติต่อทรราชย์ คนทั่วหล้า ควรร่วมกันปราบ ร่วมกันกำจัดมัน แต่พวกท่าน ซึ่งเป็นอำมาตย์ กลับเป็นกระบอกเสียงให้โจรชั่ว ทำตัวเหมือน เป็นคนไร้พ่อไร้เจ้า คนอย่างนี้ไม่คู่ควร อย่ามาพูดเลย
โต้กับ เหยียมจุ้น
..ข้าไม่ใช่หนอนตำรา นักวิชาการ ที่ท่องคัมภีร์เอามาพูด พวกลอกตำรา จำแต่คำพูดจากคัมภีร์ จะมาสร้างบ้านสร้างเมืองไม่ได้หรอก นับแต่โบราณ ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนคัมภีร์ อิอิ๋นเสิงเซียงแห่งราชวงศ์ซาง ตอนแรก ก็เป็นเพียงทาสติดที่นาเท่านั้น เจียงไท่กง ผู้บุกเบิกราชวงศ์จิว เป็นเพียงคนตกปลา ส่วนปราชญ์รุ่นหลังเช่น เตียวเหลียง ตันเป๋งนั้น เก่งกล้าสามารถมากขนาดไหน ก็ไม่เห็นว่าท่านต้องเขียนคัมภีร์อะไรเลย น่าเสียดายที่พวกบัณฑิต อ้าปากปิดปาก อ้างแต่คัมภีร์ ทั้งวันวุ่นวายกับหมึกพู่กัน ข้าเห็นว่าพวกนี้ น่ากลัวทำได้เพียงเล่นขายของ อยู่กับกระดาษเท่านั้น
ปะทะ เทียตก
... เมื่อท่านอ้างถึงปราชญ์หยู คงรู้ว่า มีหยูของผู้ดี และหยูของคนถ่อย หยูของผู้ดี จงรักภักดี ยุติธรรม เกลียดความเลว จึงยิ่งใหญ่อยู่ในโลกได้ และยืนยงคงอยู่นิรันดร์ ส่วนหยูคนถ่อยนั้น ต่างออกไป คือมั่วแต่หมึกพู่กัน ประดิษฐ์ประดอยเรื่องเล็ก ตอนหนุ่มเขียนกวี ตอนแก่ก็เขียนคัมภีร์ เขียนได้ทุกอย่างแต่ในอกกลับว่าง ไร้ยุทธศาสตร์ ... ขอให้ท่านเป็นหยูผู้ดี จงรักภักดี อย่าเอาแบบอย่างหยางสง ใช้หยูของคนถ่อยต้องถูกก่นด่าไปชั่วนิจนิรันดร

หลักๆ แล้ว ขงเบ้งให้ความสำคัญกับคนที่ซื่อสัตย์ เป็นคนจริง พูดจริง ทำจริง ไม่ใช่พวกคอยสร้างวาทกรรม ประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำ คอยยกตัวเอง แต่แท้จริงแล้วไร้ความสามารถ คอยแต่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
ใครโดนขงเบ้งด่านี่ กลับไปต้มน้ำใบบัวบกหม้อโตๆ ไว้ดื่มได้ทุกราย ไม่ใช่เพราะขงเบ้งปากจัด แต่เพราะขงเบ้งรอบรู้ มีฐานข้อมูล รู้จักวิเคราะห์จนผู้อื่นปราศจากข้อโต้แย้ง และในวงการกุนซือ นักปราชญ์ จะไม่มีหลับตามั่ว สีข้างเข้าถู เมื่อแพ้ ก็ต้องยอมรับว่าแพ้
ชอบเรื่อง 3 ก๊กมาก แต่ไม่ได้ติดตามเรื่องสามก๊กจากเพจต่างๆ เลยค่ะ ขอนำตอนที่ประทับใจมากๆ มาแจม เพราะสะท้อนให้เห็นว่าขงเบ้งกระจ่างเรื่องลักษณะนิสัยของคน อ่านคนออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
สามก๊ก ตอน สงครามลิ้น เป็นตอนที่ขงเบ้งไปหาซุนกวนเพื่อเจรจาให้ง่อก๊ก (ซุนกวน) ร่วมมือกับจ๊กก๊ก (เล่าปี่) เพื่อรบกับวุยก๊ก (โจโฉ) แน่นอนขุนนางง่อก๊กก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นว่าควรให้ความร่วมมือ กับฝ่ายที่เห็นว่าอยู่เฉยๆ ดีกว่า ฝ่ายแรกไม่มีปัญหา ฝ่ายหลังก็ต้องออกมาโต้แย้งกับขงเบ้ง
บรรดากุนซือชื่อดังของง่อก๊กออกมาปะทะโวหาร ก็เจอขงเบ้งสวนหงายกลับไปทุกราย เช่น
เตียวเจียว โดนขงเบ้งสั่งสอนว่า
...เรื่องชาติบ้านเมือง เรื่องราชวงศ์ ล้วนจำเป็นต้องอาศัยผู้ปราชญ์เปรื่อง จะมามัวอาศัย พวกที่คุยโวโอ้อวด พวกเล่นลิ้นโต้คารม หรือพวกสรรเสริญตัวเอง เหยียดหยามผู้อื่น พวกดีแต่นั่งโม้คุยโตว่าไม่มีใครเทียบ แต่ต่อเรื่องคับขัน กลับไร้แผนจะแก้ไข ถ้าหากว่า ใช้พวกนี้ โลกคงเยาะเย้ย
ซีหอง โดนตอกหน้าหงาย
... คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง ต้องจงรักภักดีกตัญญู ตระกูลโจโฉเป็นอำมาตย์ กินเบี้ยหวัดหลวง แต่ลูกหลานไม่จงรัก กลับคิดคดเป็นกบฏ คิดเป็นโจรชิงราชสมบัติต่อทรราชย์ คนทั่วหล้า ควรร่วมกันปราบ ร่วมกันกำจัดมัน แต่พวกท่าน ซึ่งเป็นอำมาตย์ กลับเป็นกระบอกเสียงให้โจรชั่ว ทำตัวเหมือน เป็นคนไร้พ่อไร้เจ้า คนอย่างนี้ไม่คู่ควร อย่ามาพูดเลย
โต้กับ เหยียมจุ้น
..ข้าไม่ใช่หนอนตำรา นักวิชาการ ที่ท่องคัมภีร์เอามาพูด พวกลอกตำรา จำแต่คำพูดจากคัมภีร์ จะมาสร้างบ้านสร้างเมืองไม่ได้หรอก นับแต่โบราณ ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนคัมภีร์ อิอิ๋นเสิงเซียงแห่งราชวงศ์ซาง ตอนแรก ก็เป็นเพียงทาสติดที่นาเท่านั้น เจียงไท่กง ผู้บุกเบิกราชวงศ์จิว เป็นเพียงคนตกปลา ส่วนปราชญ์รุ่นหลังเช่น เตียวเหลียง ตันเป๋งนั้น เก่งกล้าสามารถมากขนาดไหน ก็ไม่เห็นว่าท่านต้องเขียนคัมภีร์อะไรเลย น่าเสียดายที่พวกบัณฑิต อ้าปากปิดปาก อ้างแต่คัมภีร์ ทั้งวันวุ่นวายกับหมึกพู่กัน ข้าเห็นว่าพวกนี้ น่ากลัวทำได้เพียงเล่นขายของ อยู่กับกระดาษเท่านั้น
ปะทะ เทียตก
... เมื่อท่านอ้างถึงปราชญ์หยู คงรู้ว่า มีหยูของผู้ดี และหยูของคนถ่อย หยูของผู้ดี จงรักภักดี ยุติธรรม เกลียดความเลว จึงยิ่งใหญ่อยู่ในโลกได้ และยืนยงคงอยู่นิรันดร์ ส่วนหยูคนถ่อยนั้น ต่างออกไป คือมั่วแต่หมึกพู่กัน ประดิษฐ์ประดอยเรื่องเล็ก ตอนหนุ่มเขียนกวี ตอนแก่ก็เขียนคัมภีร์ เขียนได้ทุกอย่างแต่ในอกกลับว่าง ไร้ยุทธศาสตร์ ... ขอให้ท่านเป็นหยูผู้ดี จงรักภักดี อย่าเอาแบบอย่างหยางสง ใช้หยูของคนถ่อยต้องถูกก่นด่าไปชั่วนิจนิรันดร

หลักๆ แล้ว ขงเบ้งให้ความสำคัญกับคนที่ซื่อสัตย์ เป็นคนจริง พูดจริง ทำจริง ไม่ใช่พวกคอยสร้างวาทกรรม ประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำ คอยยกตัวเอง แต่แท้จริงแล้วไร้ความสามารถ คอยแต่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
ใครโดนขงเบ้งด่านี่ กลับไปต้มน้ำใบบัวบกหม้อโตๆ ไว้ดื่มได้ทุกราย ไม่ใช่เพราะขงเบ้งปากจัด แต่เพราะขงเบ้งรอบรู้ มีฐานข้อมูล รู้จักวิเคราะห์จนผู้อื่นปราศจากข้อโต้แย้ง และในวงการกุนซือ นักปราชญ์ จะไม่มีหลับตามั่ว สีข้างเข้าถู เมื่อแพ้ ก็ต้องยอมรับว่าแพ้
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 15/6/2017 (วิธีดูคน จากสามก๊ก)
วิธีดูคน จากสามก๊ก เป็นความรู้หนึ่งที่ได้จากการอ่านนิยายเรื่องสามก๊ก ซึ่งกล่าวกันว่า คนอ่านสามก๊กจบคบไม่ได้ แต่ ๆ จริง ๆ แล้ว เป็นเพราะในเรื่องสามก๊ก กล่าวถึงกลยุทธ์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ทำให้เป็นคนมีกลยุทธ์ วิธีการ เช่นเดียวกับการดูคน
ขงเบ้งได้เขียนถึงวิธีการหยั่งรู้ใจคนไว้ในบทที่ 3 ของ "ตำราพิชัยสงครามขงเบ้ง" ตำราวิชาการทหารเล่มสำคัญ ที่ขงเบ้งมอบให้แก่เกียงอุยนายทหารเอก และตำราเล่มนี้ยังคงสืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน ซึ่งในบท ๆ นี้มีใจความสำคัญว่า
"อันการหยั่งรู้ ดูอุปนิสัยใจคอคนนั้นเป็นเรื่องยาก คนมีดีชั่วแตกต่าง นิสัยใจคอหาใช่จะสัมพันธ์กับรูปลักษณ์ภายนอก บางคนหน้าซื่อแต่ใจกลับคิดคด บางคนสุภาพอ่อนหวานแต่กลับมีจิตใจเลวทราม บางคนเกรี้ยวกราดห้าวหาญแต่กลับขี้ขลาดตาขาว บางคนมีมานะแข็งขันแต่กลับกลิ้งกลอกหาความสัตย์มิได้ ใจคนนั้นแม้นจะดูยาก แต่ก็พอมีโอกาสหยั่งถึง"
วิธีที่จะหยั่งรู้จิตใจมนุษย์นั้น มีอยู่ด้วยกัน 7 ประการดังนี้
การดูคนมีอยู่ 7 วิธี คือ
1. ยุแหย่ด้วยเรื่องร้ายดี แล้วสังเกตูซึ่ง "ปณิธาน" ลองใจด้วยความผิดและถูก เพื่อหยั่งรู้คติธรรม (ความตั้งมั่นในร้าย/ดี) ลองใจด้วยปัญหาทางศีลธรรม สอบถามประเด็นทางการเมือง เพื่อทดสอบจุดยืน ความคิดจิตใจ ทัศนคติ รวมทั้งความปรารถนาลึก ๆ ภายในจิตใจ
2. ติเตียน/กล่าวโทษให้อับจน แล้วสังเกตดูซึ่ง "ปณิภาณ" (ไหวพริบ การเอาตัวรอด) หาปัญหาต่าง ๆ มาซักไซ้ไล่เลียง ยั่วยุให้เขาโกรธ เพื่อทดสอบการควบคุมอารมณ์ ไหวพริบปฏิภาณ
3. สอบถามซึ่งกลยุทธ์ แล้วสังเกตดูซึ่ง"ปัญญา" ปรึกษาแผนการ เรื่องราวต่าง ๆ กับเขาเพื่อทดสอบภูมิความรู้ สติปัญญา และความเข้าใจ
4. บอกกล่าวซึ่งเคราะห์ภัย แล้วสังเกตดูซึ่ง "ความกล้า" แจ้งเขาให้ทราบว่า ภัยอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาหาตัว เพื่อพิจารณาให้เห็นความกล้าหาญและความอดทน
5. มอมเมาด้วยสุรา แล้วสังเกตซึ่ง"อุปนิสัย" จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ให้เพียบพร้อมด้วยสุรายาเมา เพื่อดูอุปนิสัยใจคอในยามขาดสติ รวมทั้งวินัยในการควบคุมตน
6. ผูกมัดด้วยอามิสสินจ้าง แล้วสังเกตซึ่ง"ความสุจริต" ใช้ผลประโยชน์ทั้งลาภ ยศ และคำสรรเสริญเข้าล่อใจ เพื่อทดสอบความซื่อสัตย์สุจริต
7. มอบหมายภาระกิจให้จัดการในเวลาอันจำกัด แล้วสังเกตซึ่ง"สัจจะ" มอบหมายงานให้เขาทำ เพื่อทดสอบว่ามีความรับผิดชอบ น่าไว้วางใจ สามารถทำงานได้ถูกต้อง ครบถ้วนและตรงต่อเวลาหรือไม่ อย่างไร
"7 วิธีดูคนของขงเบ้ง" จะต้องนำไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมด้วยสติปัญญา ตามจังหวะ และโอกาสอันอำนวย หาไม่แล้วก็อาจเกิดผลเสียกับตัวผู้ใช้เสียเอง
หากมีโอกาสให้ทำก็จงทำ เพราะการหยั่งรู้อุปนิสัยใจคอของคน คือ "สิ่งแรกสุดของการใช้คน"
"จิตมนุษย์ใช่ว่าสุดจะหยั่งคาด สรรพสิ่งสามารถค้นศึกษาได้
เพราะมนุษย์มีอุตตะมะปัญญา ต่างจากสัตว์สาราโดยทั่วไป
อยากรู้ว่าบ้ายึดในอำนาจ............ ลองให้อำนาจก็สิ้นซึ่งสงสัย
อยากรู้จิตคิดโลภประการใด.............. พอให้ต้องเงินตราก็รู้กล
อยากรู้ว่ามั่นคงในศักดิ์ศรี................... ให้ใกล้ชิดสตรีก็เห็นผล
ใคร่รู้ว่าจิตใจใช่หรือคน............ กล่อมสุราและจะดลให้เห็นจริง
ใคร่รู้น้ำใจซื่อหรือว่าคด.............. ให้ลองบทพนันเล่นเห็นทุกสิ่ง
5 ประการกลหยั่งใจได้ตามจริง รู้ให้ยิ่งกระจ่างไว้เพื่อใช้คน"
สร้างสถานการณ์ หวังดูคน
ไกล แสร้ง ใกล้
ใกล้ แสร้ง ไกล
พิเคราะห์นรลักษณ์ ดูจิตใจ
พิเคราะห์ท่าทาง ดูความสง่า
พิเคราะห์วาจา ดูคุณธรรม
หยั่งปฎิธาน ดูความคิด
หยอกล้อ ดูความหนักแน่น
ยั่วยุ ดูความตั้งมั่น
เยินยอ ดูสติ
นิ่งเฉย ดูความเคลื่อนไหว
การแบ่งคุณภาพของคน (เหมาะสำหรับผู้บริหาร)
โบราณกล่าวไว้ว่า คุณภาพของคน แบ่งออกได้ 4 ประเภท คือ
1.ประเภท ฉลาด และขยัน เขาบอกว่า
ให้เลี้ยงไว้ ถ้าส่งเสริมให้ดีแล้วต่อไปภายภาคหน้าจะได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นหัวหน้าหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ ใช้เป็นแม่ทัพได้
2.ประเภท ฉลาด แต่ขี้เกียจ เขาบอกว่า
ไม่เป็นไร ให้ทำงานในเรื่องที่เกี่ยวกับหัวคิด หรือวางแผน จะเหมาะที่สุด ถ้าเป็นทหารก็ให้เป็นทหารฝ่ายเสนาธิการ
3.ประเภท โง่ และขี้เกียจ เขาบอกว่า
ก็ไม่เป็นไรอีก เพียงแต่ต้องคอยจับตาดูหรือคอยแนะนำให้ทำตามเท่านั้น ปล่อยให้ทำเองไม่ได้ ถ้าเป็นทหารก็เป็นได้แค่พลทหาร มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่ง
4.ประเภท โง่ แต่ขยัน
พวกนี้เป็นพวกที่เขาบอกว่า “มีอันตราย” ไม่ว่าจะให้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใด ก็ก่อความวุ่นวายเดือดร้อนได้ง่าย พวกที่จัดอยู่ในประเภทหลังนี้ เลี้ยงไว้ไม่เป็นประโยชน์อะไรต่อหน่วยงานหรือสังคม ควรกำจัดทิ้ง
ขอขอบคุณ
https://www.youtube.com/watch?v=hOYONyvhhGQ
https://swhappinessss.blogspot.com/2014/06/blog-post_24.html
http://www.samkok911.com/2017/04/7-ways-to-be-master-mind.html
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น....
[Official MV] มือลั่น - แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก [ JSPKK ]