ประสบการณ์สอบบรรจุครั้งแรกและสอบได้ที่ 1

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นเลยน่ะครับรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่สอบบรรจุติด สอบได้ที่ 1 ด้วย ไม่คิดเลยว่าจะสอบได้ที่ 1 เป็นการสอบครั้งแรกของชีวิตถ้าไม่นับการสอบครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เพราะเพิ่งฝึกสอนเสร็จในเทอมที่ผ่านมา ฝึกสอนเสร็จมีเวลาประมาณ 1 เดือน ในการเตรียมตัว ก็เข้าเรื่องเลยน่ะครับ เริ่มจากเราต้องสร้างแรงจูงใจก่อน ผมมีแรงจูงใจเยอะมากครับ คือผมเคยเห็นรุ่นพี่ในเอกจบปุ๊ปสอบบรรจุติดปั๊ป พูดง่าย ๆ คือ จบแล้วมีงานทำเลย แล้วได้ใส่ชุดขาวในวันรับปริญญา ก็เลยเกิดความคิดว่าเราอยากทำให้ได้อย่างนั้นบ้าง แรงจูงใจต่อมาคือเด็ก ๆ นักเรียนตอนฝึกสอนครับ ผมฝึกสอนที่โรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีความเก่งทางด้านวิชาการระดับต้น ๆ ของประเทศ เด็ก ๆ นักเรียนของผมน่ารักมาก ๆ พวกเขามักบอกกับผมเสมอว่าครูต้องสอบบรรจุติดแน่ ๆ ฟังแล้วมันก็กดดันเหมือนกันน่ะ 555+ ผมอยากพิสูจน์ให้เด็ก ๆ ของผมเห็นว่าผมทำได้เพราะความพยายามของตัวผมเอง จะได้เป็นแบบอย่างให้เขาต่อไป เด็ก ๆ ให้กำลังผมเยอะมาก ๆ เลย แรงจูงใจต่อมาคือคนที่ผมชอบครับ ^ ^ ผมอยากพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าผมทำได้ (เขาไม่รู้หรอกว่าผมชอบ #คนใกล้ตัว) 555+ และแรงบันดาลใจที่สำคัญที่สุดคือพ่อกับแม่ครับ ผมอยากให้พ่อกับแม่เห็นความสำเร็จของผม นึกถึงหน้าพ่อกับแม่ตลอดตอนทำข้อสอบ พ่อกับแม่พาไปสอบและอยู่ด้วยกันตลอด 3 – 4 วัน ผมคิดว่าผมต้องทำให้ได้ พ่อกับแม่ต้องไม่เหนื่อยเปล่า ที่สำคัญคือผมเขียนเป้าหมายเอาไว้ที่ผนังห้องครับ เขียนแล้วดูทุกวัน มันทำให้เรารู้ว่าหน้าที่ของเราคืออะไร พอสร้างแรงบันดาลใจได้แล้วทีนี้ก็ลงมืออ่านครับ อ่าน ๆ ทุกวัน ทุกคืน บางวันก็จริงจัง บางวันก็ไม่จริงจัง เพราะผมชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ แบบว่าอ่าน 1.30 ชั่วโมง แล้วไปเล่นโทรศัพท์มือถือ 2 ชั่วโมง = = แต่ผมก็เก็บข้อมูลจนครบทุกวิชาน่ะครับ ในทุก ๆ วิชาเนี่ยผมอ่านจากสรุปที่เขาแชร์สรุปกันในเฟสก่อน ให้เข้าใจ Concept หลัก หลังจากนั้นมาอ่านเนื้อหาฉบับเต็ม แล้วก็ฝึกทำข้อสอบ วิธีนี้ทำให้จำได้ดีมากครับ ผมอ่านได้แค่วันล่ะ 1 เรื่องเอง ตอนนั้นเพิ่งปิดเทอมรู้สึกขี้เกียจเหมือนกัน แบบอยากพักร่าง แต่พอคิดถึงอนาคตก็ต้องหยิบชีลขึ้นมาอ่าน ๆ ผมไม่ได้ไปติวที่สำนักไหน ๆ เลยครับ เพราะรู้สึกเสียดายตังค์ และผมก็คงไม่สามารถไปนั่งฟังตั้งแต่เช้ายันค่ำได้ ถ้าไปติวสำหรับผมเนี่ยเสียตังค์เปล่า ๆ และก็ผมคิดว่าผมอ่านเองเนี่ยรู้เรื่องกว่าเยอะเลย ขนาดว่าไฟล์วิดีโอใน Youtube เยอะแยะผมก็โหลดมาหมดน่ะครับ แต่ไม่เคยเปิดฟังได้เกิน 5 นาที คือไม่ไหวจริง ๆ เราว่าเราไม่เหมาะกับวิธีการแบบนั้น ผมว่าผมอ่านด้วยตัวเองผมรู้เรื่องและเข้าใจมากว่าวิธีอื่น ๆ ผมซื้อหนังสือมาอ่านเยอะเลยน่ะครับ ตังค์ที่เอาไปซื้อก็ได้มาจากการคุมสอบที่โรงเรียนฝึกสอนนี่แหละ วิธีการเลือกหนังสืออ่านเนี่ยสำคัญมาก ๆ เราต้องเลือกเล่มที่เราอยากอ่าน เล่มที่เราคิดว่าเราอ่านแล้วรู้เรื่อง หนังสือมีขายเยอะแยะ บางเล่มเขา Copy จากในเน็ตมาขายเลย ชุดที่ผมซื้อมาเนี่ยได้แก่ ของติวอินดี้ ง่ายโคตร อันนี้ละเอียดมากครับ สรุปถามตอบซ้ายขวา อ่านรู้เรื่องเข้าใจง่ายมาก ๆ แล้วก็อีกชุดที่ผมอ่านคือ ของวิทยากร บัวแสงใสครับ อ่านเข้าใจง่าย เขาเน้น ๆ ที่สำคัญเอาไว้ให้แล้ว เวลาผมสงสัยอะไรก็เปิดจากของวิทยากรตลอด ส่วนข้อสอบเนี่ยผมฝึกทำจากของจีระครับ เพราะถามได้ละเอียดครอบคลุม เป็นแนวทบทวนความจำมากกว่าวิเคราะห์ แต่ถ้าอยากฝึกทำข้อสอบที่คล้ายแนวข้อสอบจริง ผมแนะนำให้ซื้อหนังสือของสำนักพิมพ์ Think Beyont ครับ ข้อสอบแนววิเคราะห์มีทั้งยากและง่ายผสมกันไป คือผู้แต่งเขาเอาข้อสอบที่เคยออกสอบจริงเนี่ยมาให้ลองฝึกทำ ผมซื้อมา 2 เล่ม คือเล่มสีเขียวกับเล่มสีขาว อ่านจบไป 2 รอบ ส่วนเนื้อหาอื่น ๆ ที่เป็นเนื้อหาเบ็ดเตล็ดเนี่ย ผมตามอ่านจากเฟสบุ๊คเพจต่าง ๆ ครับ รวมทั้งในกลุ่มต่าง ๆ ครับ เช่น ของ ผอ.อุ้ย เสี่ยวป้อ , รองทัย พัฒนา , ผอ.ท๊อฟฟี่ , อ.วุฒิชัย , ครูตะวัน , รวมพลคนสอบครูผู้ช่วย วิทยากร บัวแสงใส , รู้รอบสอบได้กับ ดร.ชา , ดร.วีระ , ดร.ศุภธนกฤษ , กูรูครูติวเตอร์ , รอบรู้ สอบครูผู้ช่วย ผมตามอ่านทุกวัน เปิดทุกเวลาที่ว่าง ปริ้นสรุปและแนวข้อสอบทุกชุดที่เขาแชร์ ๆ กัน เก็บสะสมเอาไว้ตลอดตั้งแต่เริ่มฝึกสอน (แต่ถ้าหากนับเวลาเริ่มเก็บสะสมหนังสือสอบบรรจุจริง ๆ ก็ตอนเริ่มเรียนปี 3 ครับ ซื้อมาจากตลาดขายของเก่าในสงขลา) ตอนช่วงฝึกสอนเนี่ยเอาจริง ๆ ไม่ได้อ่านหรอก เพราะภาระงานที่โรงเรียนค่อนข้างเยอะ ผมทำงานที่โรงเรียนให้เสร็จทุกวันแล้วกลับหอ พอกลับถึงหอเนี่ยไปทานข้าว กลับมาเล่นมือถือ แล้วก็อาบน้ำนอนหลับ ไม่เคยเอางานกลับมาทำที่หอแม้แต่ครั้งเดียว เพราะรู้ว่าถึงเอากลับมาก็ไม่ทำอยู่ดี ไม่อยากแบกกลับไปกลับมา เราสามารถนำเอาความรู้ที่เราฝึกสอนเนี่ยมาใช้ได้เยอะครับ (ผมฝึกสอน ม.2 เด็กน่าร๊ากกก #7 #8 #12) ความรู้วิชาเอกที่เหลือก็มาอ่านช่วงหลังฝึกสอนเสร็จในสาระที่ไม่ค่อยแม่นจริง ๆ อ่านหนังสือแทบทุกเล่มครับ เพราะแต่ละเล่มล้วนมีข้อเติมเต็มที่แตกต่างกันออกไป พออ่านจบก็มาลองฝึกทำข้อสอบ O-Net ม.6 ของปีเก่า ๆ ข้อไหนถ้าเราตอบผิดก็ไปดูเหตุผลว่าทำไมถึงเฉลยข้อนั้น หลังจากฝึกทำข้อสอบเสร็จก็มาอ่านเนื้อหาใหม่อีกครั้งหนึ่ง แบบเอาให้แม่นเลยครับ วิชาสังคมศึกษาเป็นวิชาที่กว้างขวางมาก ๆ ความรู้เยอะมาก ๆ เราต้องสนุกที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่สำคัญคือว่าพอเราเกิดข้อสงสัยอะไรที่เราไม่รู้จริง ๆ ให้เราหาคำตอบทันทีเลยครับ เพราะเราจะจำได้คำตอบข้อสังสัยนั้นอย่างแม่นยำ ส่วนพวกวิชาการศึกษาเนี่ยผมอาศัยความรู้เดิมตอนเรียนวิชาชีพครูในมหาวิทยาลัยครับ สมัยตอนเรียนนั้นผมรู้อยู่แล้วว่าเราต้องอ่านตรงนี้ไปสอบบรรจุด้วย เลยตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านมาตั้งแต่ในห้องเรียน พอถึงเวลาสอบจริง ๆ ก็ทบทวนใหม่วิชาล่ะ 2-3 รอบ แล้วก็ฝึกทำข้อสอบแค่นี้ก็จำได้หมดแล้วครับ วิชาความสามารถทั่วไปเนี่ยผมแทบจะไม่ได้อ่านเลย อ่าน 2 วันสุดท้ายก่อนสอบ อ่านจบภายในวันเดียว เพราะรู้สึกว่าตัวเองน่าจะทำได้น้อย (ตัดพ้อตัวเองมาก T T) อันนี้ไม่ดีน่ะครับ ถ้าย้อนเวลากลับไปก็คงตั้งใจอ่านให้มากกว่านี้ วิชาคุณธรรม จริยธรรม อุดมการณ์เนี่ย ผมเรียนเอกสังคมเลยพอมีความรู้พื้นฐานในเรื่องพวกนี้อยู่บ้างเลยไม่ได้ลงเน้นหนัก ก็อ่าน 3 รอบ ฝึกทำข้อสอบ ก็จำได้หมดครับ พอถึงวันสอบจริง ๆ เมื่อไปถึงสนามสอบเนี่ยผมไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนครับ ไปไหว้ขอพรก่อน เจอเพื่อนก็นั่งแลกเปลี่ยนกันว่าใครอ่านอะไรมาบ้าง สอบวิชาแรกกฏหมายและความรู้ มีทั้งที่ทำได้และสับสนในตัวเลือกบางข้อเพราะเหมือนช้อยจะถูกทุกข้อ ก็มีทั้งที่ทำได้และตอบผิดครับ วิชาที่ 2 ความสามารถทั่วไปเนี่ยผมทำภาษาไทยก่อนครับ ข้อสอบไม่ยากแต่ต้องอ่านให้ดี อุปมาอุปมัย เหตุผล อนุกรม ไม่ยากเลย แล้วก็ทำคณิตหลังสุด คณิตไม่ยากมาก (ทำไม่ทันบางข้อ T T) วิชาที่ 3 คุณธรรมจริยธรรม อุดมการณ์ความเป็นครู เห็นข้อสอบแล้วยิ้มเลยครับผมทำเสร็จใน 30 นาทีแรก แล้วก็มาอ่านทบทวนทำซ้ำในรอบที่ 2 ข้อที่ผมทำได้มีเยอะครับเพราะว่าผมอ่านหนังสือมาหลายเล่มเลยจับจุดได้ถูกทาง กลับไปคืนนั้นผมไม่เปิดดูเฉลยที่เขาแชร์กันใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะดูแล้วรู้สึกไม่สบายใจถ้าหากข้อที่เราตอบกับที่เขาเฉลยไม่ตรงกัน ผมไม่ได้เอาหนังสือวิชาการศึกษาไปอ่านก็เลยให้พ่อพาไปร้านหนังสือ ตอนแรกก็อยากจะซื้อแต่แอบเสียดายตังค์เลยยืนอ่านจนจบเล่ม 555 (ผมใช้วิธีนี้บ่อยมาก) แล้วก็มาทบทวนวิชาเอกเล็ก ๆ น้อย ๆ ตื่นเช้าไปสอบวิชาการศึกษาก็ทำซ้ำทวบทวน 2 รอบครับจนหมดเวลา ช่วงบ่ายวิชาเอกผมเนี่ยแทบไม่อ่านแล้ว รู้สึกว่าเราพร้อมแล้วก็เลยเปิดอ่านผ่านๆ นั่งฟังที่เพื่อน ๆ พูดกัน พอเจอข้อสอบยิ้มเลยครับ บางข้อก็อยากร้องไห้มาก บางข้อนี่ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ก็ต้องใช้วิธีการเดาข้อที่คิดว่าน่าจะถูกที่สุด ผมทำข้อสอบวิชาเอกทบทวนอยู่ 4 รอบ ใช้เวลาจนคุ้มค่าทุกวิชาครับ ไม่วอกแวกเรื่องอื่นเลย นอกจากแว็บหนึ่งที่คิดถึงแม่กับพ่อบ้าง ผมพยายามจำข้อสอบวิชาเอกให้ได้เยอะมากที่สุด ซึ่งผมจำได้ประมาณ 60 ข้อ อีก 15 ข้อที่เหลือ พยายามเปิดดูจากหนังสือแล้วก็จากคำถามที่เขาแชร์ ๆ กัน ถ้าถามผมว่าสวนดุสิตข้อสอบยากไหม ผมว่าไม่ยากมากน่ะครับ ข้อสอบจะเป็นเชิงวิเคราะห์ โจทย์จะค่อนข้างยาวแล้วช้อยเนี่ยต้องวิเคราะห์ทีละช้อยเลย ถ้าเตรียมตัวมาดี ๆ สบายๆ เลยครับ เวลาทำข้อสอบให้วิเคราะห์ตามหลักแห่งวิชาการน่ะครับ อย่าวิเคราะห์ตามความรู้สึกของเราเอง วันสอบสัมภาษณ์ผมแต่งกายด้วยชุดที่สุภาพที่สุด ให้ดูภูมิฐานที่สุด ผมได้สัมภาษณ์คนที่ 6 คนตื่นเต้นมาก กรรมการไม่เปิดแฟ้มสะสมผลงาน แต่ดูข้อมูลจากแผ่นพับ คำถามสัมภาษณ์คือ ผมได้รับอะไรบ้างจากการฝึกสอน ครูยุคเก่ากับครูยุคใหม่ต่างกันอย่างไร จรรณยาบรรณข้อไหนที่คิดว่าสำคัญที่สุดเพราะอะไร จะมีวิธีการอย่างไรให้เด็กตั้งใจเรียน ผมตอบไปด้วยความมั่นใจทุกคำถามครับ ตอบไปตามความรู้สึกจริง ๆ ไม่เฟค ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ถามมาตอบไป ๆ ให้มีความมั่นใจไว้ก่อน สอบเสร็จผมก็ออกมาให้กำลังใจเพื่อน ๆ บอกแนวทางคำถามสัมภาษณ์ พ่อไปรับและกลับมาบ้าน รอลุ้น ๆ ผลสอบ ระหว่างนี้ไม่ดูเฉลยที่เขาแชร์ ๆ กัน เพราะมันบั่นทอนมากครับ เมื่อวันประกาศผลสอบมาถึงผมรอผลสอบจนกระทั่งไม่รอแล้ว (ตอนนั้นเวลาประมาณ 17.00 กว่า) ทานข้าวเสร็จดูโทรศัพท์มือถือ เพื่อนโทรมาบอกว่า "ยินดีด้วย เก่งมาก ผมสอบได้ที่ 1 จากผู้สมัครสอบ 700 กว่าคน" ตอนนั้นคือ ตกใจมาก มือสั่นไปหมดเลย เพื่อนผมสอบได้ที่ 5 (เป็นไปตามคำพูดเลยว่าเราฝึกสอนที่เดียวกัน เราจะต้องได้บรรจุพร้อมกัน) วางโทรศัพท์เสร็จผมก้มลงกราบแม่กับพ่อเลยครับ แม่กับพ่อร้องไห้เลย ความรู้สึกตอนนั้นภูมิใจและดีใจมาก ๆ ที่ทำสำเร็จ ผมอยากจะบอกว่าทุกสิ่งทุกกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเองน่ะครับ เราคือผู้ลิขิตชีวิตตัวเอง แต่ดวงก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง เคยไปดูหมอดูหน้าธนาคารอิสลามที่สงขลา เขาบอกว่าผมจะได้เป็นข้าราชการเร็วมาก ๆ ตอนนั้นก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก็ทำหน้าที่ของเราเอาไว้ให้ดีที่สุดก่อน มีบนบานกับพระที่ผมเคารพนับถือด้วย ของแบบนี้แม้ว่าจะจับต้องไม่ได้แต่เป็นที่พึ่งทางใจได้ดีครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้ แล้วก็สรุปแล้วเฉลยคำตอบที่เขาแชร์ ๆ กันก็อย่างเพิ่งเชื่อถือมากครับ เพราะบางข้อเขาเฉลยผิด เราต้องดูโดยใช้หลักกาลามสูตรครับ ในความติดโทรศัพท์มือถือของผมทำให้ผมสามารถตามทันสิ่งที่อยู่รอบตัวได้ตลอดทุกวัน ผมไม่เคยดูข่าวทางโทรทัศน์เลย ตามจากในเฟสบุ๊ค ในไลน์ตลอด เซฟทั้งไฟล์และรูปภาพต่าง ๆ ที่เขาแชร์ไว้ทั้งหมด บางอันก็ไม่ได้อ่าน แต่มีเก็บไว้ก่อนให้อุ่นใจ และเรื่องการไปติวผมว่าถ้ามีตังค์และไม่ทราบแนวทางในการอ่านก็อาจจะไปติวก็ได้ครับ แต่ควรมีความรู้ไปบ้างเพราะถ้าไปติวแบบไม่มีอะไรเลย เราจะต่อกับเนื้อหาขณะติวไม่ถูก ผมอ่านเองทั้งหมดผมยังสอบได้ที่ 1 เลย ที่โพสต์มาทั้งหมดเนี่ยไม่ได้หมายความว่าผมเก่งน่ะครับ ผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากเห็นตัวเองทำตามความฝันของตัวเองและพ่อแม่สำเร็จ ผมแข่งกับตัวเองแล้วสามารถเอาชนะตัวผมเองได้ ผมสามารถทำให้คนรอบข้างเห็นว่าผมทำได้ ผมสามารถทำให้นักเรียนฝึกสอนทุกคนของผมเห็นว่าครูของพวกเธอทำได้ (คิดถึง <3 ) ขอบคุณทุก ๆ คนที่อ่านเรื่องราวของผมจนจบน่ะครับ ขอให้สอบบรรจุติดเร็ว ๆ ถ้าใครมีชื่อขึ้นบัญชีก็เรียกเร็ว ๆ น่ะครับ ^ ^ สู้ ๆ ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคน .. นิสิตหลักสูตร กศ.บ.สังคมศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ณ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ปีการศึกษา 2559
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่