
a must see in MELBOURNE
6 Days 6 Nights
ดีใจมากที่ครั้งนี้ได้มาเหยียบเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น
”The World’s most livable city”
วันนี้เรามี 2 ที่หลักๆมาแชร์คือ Great Ocean Road และที่เที่ยวในเมืองเมลเบิร์น

คือไม่ได้มีแค่ Great Ocean Road ที่โคตรคูล
เพราะในเมืองเค้าก็คูลโคตรรรรรรรร+
ครั้งนี้คัดสรรมาประมาณ 5 ย่าน กับอีกนอกเมือง 1 ที่ ที่น่าไปเยือนด้วยกัน
6 วัน 6 คืนเต็มๆ เที่ยวครบจบในรอบเดียว
CBD / Fitzroy / Salt Water Lake / Brighton Beach / St.Kilda / Great Ocean Road
โอเคก็ไม่ร่ำไรมาก อยากให้ดูรูปแล้ว
เอ้อ! มีเรื่องของการขอวีซ่าไปออสฯ ด้วยนะ
เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่ยังไม่เคยขอวีซ่า
และต้องขอบคุณที่ปรึกษาอย่างเพจ "visa.au.help วีซ่าออสเตรเลียเราช่วยได้" ในครั้งนี้ด้วยนะฮะะ
ใครมีอะไรอยากสอบถาม จัดไปเลยเพจนี้เค้าแนะนำดีจริงๆ

ออสไม่ได้เป็นที่ที่ครอบครัวหรือคนสูงอายุมาพักผ่อนได้เท่านั้น
มีที่ๆวัยรุ่นอย่างเราๆตื่นตาตื่นใจเพียบ!
ใครที่กำลังมีแพลนจะไป ก็อย่าลืมเที่ยวเผื่อด้วยน้า
✈️ ตั๋วเครื่องบิน
กรุงเทพ-เมลเบิร์น ขาไป Jetstar (นน. 25 กิโล)
เมลเบิร์น-ซิดนี่ย์ Jetstar (นน. 20 กิโล)
ซิดนี่ย์-กรุงเทพ ขากลับ Air Asia (นน. 20 กิโล)
รวม 16,272 บาท
ปล. แอดไปซิดนี่ย์มาด้วย แต่อันนี้รีวิวเฉพาะเมลเบิร์นนะฮะ
🏨 ที่พัก
Mantra on the park
: เป็น Service Apartment ที่ดีงามมากๆ
อาจจะไม่ได้ใหม่เอี่ยมแต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ห้องพักกว้างขวาง มีห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2
คือครั้งนี้เราไปกัน 4 คน อยากแนะนำคนที่มากันหลายๆคนว่า
ให้จองห้องพักแบบเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ก็เป็นทางเลือกที่ดี
เพราะมีครัวสะดวกสบาย สามารถไป supermarket และซื้อของมาทำกินเองได้
จะช่วยประหยัดเงินได้หลายมื้อเลย
🍴 อาหารการกิน
เค้าไม่มีอาหารประจำชาติออสเตรเลีย ก็เลยมีอาหารนานาชาติซะส่วนใหญ่
เช่น อาหารญี่ปุ่น ไทย จีน เกาหลี เม็กซิกัน สารพัดสารเพ
หรือเป็นโซนขนาดใหญ่ที่เค้าเรียกว่า Korea Town, Thai Town เป็นต้น
📷 กล้อง
Fuji Xm-1 (Lens 35 mm. F1.4)
Gopro Hero4
Canon 550d (Lens 50 mm. F1.8)
Sony nex 5r
Iphone 6 / Iphone 7 plus
/ map
01 CBD
02 Fitzroy
03 Salt Water Lake
04 Brighton Beach
05 St.Kilda Beach

📱 SIM โทรศัพท์
ใช้ยี่ห้อ ‘yes’ OPTUS ซื้อได้ที่สนามบินเลย บูธนางจะสีเหลือง เด่นมาก เห็นชัด
ซื้อซิมครั้งแรก ค่าเปิด 10 เหรียญรวมเน็ตใช้ได้ 5 วัน สามารถโทรหากันในประเทศได้ด้วย
ถ้าเกิดใช้หมดก่อน ใครมีบัตร Credit หรือ Debit Master/Visa
สามารถเติมเน็ตเพิ่มผ่านทาง Online ได้ที่ www.optus.com.au ได้เลย

หลังจากที่ถึงสนามบินและซื้อซิมเสร็จแล้ว ก็เดินออกมาซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมืองตรงนี้

Sky Bus เป็นบัสที่เราจะนั่งเข้าเมือง มี Free wifi ด้วยนะ

City transfer Service
และเค้าก็จะมาดรอปเราลงตรงนี้
ที่นี่เหมือนเป็น Center สำหรับการ Transfer ไปต่อในแต่ละที่
ซึ่งเราสามารถไปติดต่อเค้าได้เลยว่าเราจะไปลงที่ไหน
เค้าก็จะจัดคิวให้แล้วก็ไปส่งตามที่ที่เราแจ้ง

🚃 Myki Card
เหมือนบัตร Rabbit บ้านเรานั่นแหล่ะ ใช้ขึ้นได้ทั้ง Tram, Train, Bus เลย
หาซื้อได้จากสถานีรถไฟ และร้านค้าสะดวกซื้อ (ราคาบัตร 6 เหรียญ)
แล้วก็เติมเงินเอา สามารถเติมเงินได้เองจากตู้เติมเงิน
หรือจะเติมที่เค้าน์เตอร์ในสถานีรถไฟ หรือ7-11 ก็ได้ ถ้าเราใช้ไม่หมด
ก็สามารถแลกเงินคืนได้ด้วยนะ
อยากรู้ข้อมูลแบบละเอียด สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่
>
https://www.ptv.vic.gov.au/tickets/myki
*คำเตือน
อย่าลืมแตะบัตรทั้งตอนขึ้นและตอนลงทุกครั้งที่ใช้บริการ
เพราะหากเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจแล้วเจอว่าไม่ได้แตะ
ค่าปรับ 78$ แต่ต้องจ่ายตอนนั้นด้วยบัตรเครดิตเลยนะ
ถ้าไม่จ่ายจะเรียกเก็บทีหลัง 220$
โหดมั้ยล่ะะะะ !

🚃 การเดินทาง
-Tram : Free! ถ้าเดินทางในเมืองและเขตของ Docklands
-Train : Myki Card
-Bus : Myki Card
-Uber : เสียตามระยะทาง
uber ก็เป็นอีก 1 ทางที่สะดวกและประหยัดเวลา เผื่อใครขี้เกียจหาทาง
สถานีรถไฟปิดแล้ว หรือเหนื่อยมากเมื่อยมาก อยากไปถึงที่เร็วๆ
เค้าก็มี Uber คอยให้บริการ แต่ต้องเช็คด้วยนะว่าไปที่นั่นแล้วคุ้มรึเปล่า
แนะนำถ้าไปกับเพื่อนซัก 4 คนจะคุ้มกว่า
ไม่แนะนำให้ไปคนเดียว เพราะเปลืองมากหมือนกัน
ปล.นานๆนั่งทีโอเค แต่นั่งบ่อยอาจจะโดนค่าเสียหายจนเจ็บตัวได้5555
แต่สำหรับคนมาเที่ยวอยากให้ไปใช้ Tram Train Bus มากกว่า
นั่งชิลล์ๆดู Culture คนที่นี่เพลินกว่าเยอะ
*คำเตือน
รัดเข็มขัดทุกที่นั่ง ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล เพราะกฎหมายเค้าเคร่งมาก จับเป็นจับ ปรับเป็นปรับ

01
CBD
Central Business District (Central Business district)
หรือประมาณว่า QV downtown
City Central Business District. Culture,
nightlife, entertainment, attractions,
places and fine dining restaurants.



Flinders Street Railway Station
เกาะกลางของทั้งหมดทั้งมวลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
นี่คือแลนด์มาร์กที่สำคัญของเมืองเมล์เบิร์นเลยนะ
เป็นสถานีรถไฟใจกลางเมืองที่มีเอกลักษณ์ ผู้คนชุกชุม
เป็นที่ตั้งหลักของการเดินทาง




Victoria Market
ตอนเช้ามาเดินตลาดก็ชิลล์ดีนะ แต่ตลาดเค้าก็คล้ายเจเจบ้านเราไปเลย
แบ่งเป็นโซนของสด / เสื้อผ้ามือสอง / ของที่ระลึก / Food truck

Market Lane Coffee
ใกล้ๆกับตลาด Victoria Market เดินไปหน่อยมีคาเฟ่แนะนำ
เป็นร้านเล็กๆแต่มีสไตล์มากชื่อว่า Market Lane Coffee-VicMarket
เน้นขายแต่กาแฟ เดินตลาดเหนื่อยๆก็มาพักชิลล์ๆตรงนี้ได้


State Library of Victoria
นี่คือห้องสมุดที่ส่วนตัวรู้สึกว่า สวยที่สุดตั้งแต่เคยไปห้องสมุดมาเลย
ไม่ได้มีแค่หนังสือเท่านั้น คอมพิวเตอร์พร้อมปลั๊กพร้อม
ฟรี wifi ทั่วหอสมุด (ขอเรียกว่าหอสมุดเพราะใหญ่มาก)
โซนห้องอ่านหนังสือแบบสงบก็มี
แถมไม่ทิ้งความเป็น City of Art
เพราะด้านในนอกจากเรื่องของสถาปัตกรรมหอสมุดขนาดใหญ่ที่ดูอลังการมากๆแล้ว
ยังมีแกลลอรี่แสดงงานศิลปะอีกด้วย
แอบเห็นว่าวัยรุ่นที่นี่อยู่ในห้องสมุดเยอะนะ
บางคนไม่ได้มาเพื่อความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่รีแลกซ์ของวัยรุ่นที่นี่ด้วย
อ่านหนังสือชิลล์ๆก็เป็นวันพักผ่อนสบายๆของเค้าได้เช่นกัน
อยู่ใจกลางเมืองเดินทางสะดวกมากๆ

Graffiti lane
ที่นี่เค้าจะมีตรอกซอกซอยที่จะให้ศิลปินคันไม้คันมือทั้งหลายแหล่
ไปบรรเลงฝีมือกัน ซึ่งจะไม่ทำให้เรารู้สึกว่าโอ่ยย สกปรก เลอะเทอะ
เหมือนกำแพงในไทยที่บรรเลงโดยเด็กมือบอน
แต่ที่นี่เค้ามองว่าเป็นศิลปะมากกว่า
ทุกอย่างคือเป็นการมาโชว์ฝีมือเจ๋งๆให้โลกได้รู้
แถมยังมีนักดนตรีที่มาเล่นเพลงคลอเคลีย
คิดดูสิ การเดินดูงานอาร์ตเคล้าเสียงดนตรี มันจะฟินขนาดไหน
ซึ่งเมลเบิร์นสร้างสิ่งนี้มาทำให้คนไทยอย่างเรายังอินตาม


Shrine of Remembrance


Doughnut Time
ชอบเฟร่ออออออออออออออ



Eureka Skydeck
Top of the town ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ต้องขึ้นไปดูวิวสูงๆของเมืองนั้นๆแบบพาโนราม่า
อย่างน้อยก็รู้ว่าด้านล่างหน้าตาเป็นยังไง เมืองนี้ติดภูเขาติดแม่น้ำอะไรมั้ย
ผังบ้านเมืองเค้าทำยังไงรถถึงไม่ติดแบบบ้านเราน้าา?
555555555555 #อะไม่เหน็บๆ

หลักจากนั้นเราก็เดินลงมากิน TGI Fridays
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากEureka Skydeck มาก
สามารถเดินได้ เสิช map โลดด

Princes Bridge
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่มีชื่อว่า Yarry River
เป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านตัวเมืองเมลเบิร์น
คนชอบมาเดินเล่นกัน เพราะบริเวณนั้นจะมีพวกร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์
นักแสดงริมทางที่คนชอบเดินไปเสพย์ความรีแลกซ์กัน

02
Fitzroy (ฟิทช์ - จรอย)
Just minutes north of the CBD on the 112 tram,
discover the artsy heart of Melbourne.
ย่านนี้คือสุดยอดของความฮิปสเตอร์แห่งทวีปออสเตรเลียเลยนะจ้ะ
อะไรก็เป็นศิลปะได้หมด โปสเตอร์หนังเจ๋งๆที่ติดอยู่ตามกำแพง
หรือลาย graffiti ที่ถูกบรรเลงบนผนังก็ดูคูลมาก
ขนาดฝรั่งมานั่งทำงานจิบกาแฟ ทานbrunch ชิลล์ๆยังโคตรชิคเลยงงจัง / ///
สารพัดเด็กแนวต้องมารวมตัวกันที่นี่
คล้ายๆย่านทองหล่อผสมอารีย์บ้านเราก็ว่าได้ ;)
#เฟี้ยว
เดินเล่นย่านนี้ก็เจอทั้งบ้านคน คาเฟ่ ร้านอาหารนานาชาติ
ร้านหนังสือ ร้านตัดผม ร้านขายรองเท้า ร้านเสื้อผ้ามือ2
ร้านขายแผ่นเสียง ฯลฯ สังเกตได้ว่าสีสันของแต่ละshop
ไม่มีใครยอมใคร ทุกที่จะมีสไตล์เป็นของตัวเอง




Brekkie at “ De Clieu “
เราได้มาทานbrunch กันที่ร้านคาเฟ่แห่งนี้
ที่สั่งมามีชื่อว่า “DC Benedic” รสชาติใช้ได้
การตกแต่งหน้าตาอาหารดีงาม
คิดดูว่าความ art ยังส่งตรงมาถึงอาหารอีกด้วย5555555
โอ่ยมีสไตล์ไปทั้งเมือง ทานคู่กับ Hot Chocolate ร้อนๆซักแก้ว
#เยี่ยม





(เล่าต่อในคอมเม้นท์)
v
v
v
v
[CR] TRIP'LE x AUSTRALIA : a must see in 'MELBOURNE'
6 Days 6 Nights
ดีใจมากที่ครั้งนี้ได้มาเหยียบเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น
”The World’s most livable city”
วันนี้เรามี 2 ที่หลักๆมาแชร์คือ Great Ocean Road และที่เที่ยวในเมืองเมลเบิร์น
คือไม่ได้มีแค่ Great Ocean Road ที่โคตรคูล
เพราะในเมืองเค้าก็คูลโคตรรรรรรรร+
ครั้งนี้คัดสรรมาประมาณ 5 ย่าน กับอีกนอกเมือง 1 ที่ ที่น่าไปเยือนด้วยกัน
6 วัน 6 คืนเต็มๆ เที่ยวครบจบในรอบเดียว
CBD / Fitzroy / Salt Water Lake / Brighton Beach / St.Kilda / Great Ocean Road
โอเคก็ไม่ร่ำไรมาก อยากให้ดูรูปแล้ว
เอ้อ! มีเรื่องของการขอวีซ่าไปออสฯ ด้วยนะ
เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่ยังไม่เคยขอวีซ่า
และต้องขอบคุณที่ปรึกษาอย่างเพจ "visa.au.help วีซ่าออสเตรเลียเราช่วยได้" ในครั้งนี้ด้วยนะฮะะ
ใครมีอะไรอยากสอบถาม จัดไปเลยเพจนี้เค้าแนะนำดีจริงๆ
ออสไม่ได้เป็นที่ที่ครอบครัวหรือคนสูงอายุมาพักผ่อนได้เท่านั้น
มีที่ๆวัยรุ่นอย่างเราๆตื่นตาตื่นใจเพียบ!
ใครที่กำลังมีแพลนจะไป ก็อย่าลืมเที่ยวเผื่อด้วยน้า
✈️ ตั๋วเครื่องบิน
กรุงเทพ-เมลเบิร์น ขาไป Jetstar (นน. 25 กิโล)
เมลเบิร์น-ซิดนี่ย์ Jetstar (นน. 20 กิโล)
ซิดนี่ย์-กรุงเทพ ขากลับ Air Asia (นน. 20 กิโล)
รวม 16,272 บาท
ปล. แอดไปซิดนี่ย์มาด้วย แต่อันนี้รีวิวเฉพาะเมลเบิร์นนะฮะ
🏨 ที่พัก
Mantra on the park
: เป็น Service Apartment ที่ดีงามมากๆ
อาจจะไม่ได้ใหม่เอี่ยมแต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ห้องพักกว้างขวาง มีห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2
คือครั้งนี้เราไปกัน 4 คน อยากแนะนำคนที่มากันหลายๆคนว่า
ให้จองห้องพักแบบเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ก็เป็นทางเลือกที่ดี
เพราะมีครัวสะดวกสบาย สามารถไป supermarket และซื้อของมาทำกินเองได้
จะช่วยประหยัดเงินได้หลายมื้อเลย
🍴 อาหารการกิน
เค้าไม่มีอาหารประจำชาติออสเตรเลีย ก็เลยมีอาหารนานาชาติซะส่วนใหญ่
เช่น อาหารญี่ปุ่น ไทย จีน เกาหลี เม็กซิกัน สารพัดสารเพ
หรือเป็นโซนขนาดใหญ่ที่เค้าเรียกว่า Korea Town, Thai Town เป็นต้น
📷 กล้อง
Fuji Xm-1 (Lens 35 mm. F1.4)
Gopro Hero4
Canon 550d (Lens 50 mm. F1.8)
Sony nex 5r
Iphone 6 / Iphone 7 plus
/ map
01 CBD
02 Fitzroy
03 Salt Water Lake
04 Brighton Beach
05 St.Kilda Beach
📱 SIM โทรศัพท์
ใช้ยี่ห้อ ‘yes’ OPTUS ซื้อได้ที่สนามบินเลย บูธนางจะสีเหลือง เด่นมาก เห็นชัด
ซื้อซิมครั้งแรก ค่าเปิด 10 เหรียญรวมเน็ตใช้ได้ 5 วัน สามารถโทรหากันในประเทศได้ด้วย
ถ้าเกิดใช้หมดก่อน ใครมีบัตร Credit หรือ Debit Master/Visa
สามารถเติมเน็ตเพิ่มผ่านทาง Online ได้ที่ www.optus.com.au ได้เลย
และเค้าก็จะมาดรอปเราลงตรงนี้
ที่นี่เหมือนเป็น Center สำหรับการ Transfer ไปต่อในแต่ละที่
ซึ่งเราสามารถไปติดต่อเค้าได้เลยว่าเราจะไปลงที่ไหน
เค้าก็จะจัดคิวให้แล้วก็ไปส่งตามที่ที่เราแจ้ง
🚃 Myki Card
เหมือนบัตร Rabbit บ้านเรานั่นแหล่ะ ใช้ขึ้นได้ทั้ง Tram, Train, Bus เลย
หาซื้อได้จากสถานีรถไฟ และร้านค้าสะดวกซื้อ (ราคาบัตร 6 เหรียญ)
แล้วก็เติมเงินเอา สามารถเติมเงินได้เองจากตู้เติมเงิน
หรือจะเติมที่เค้าน์เตอร์ในสถานีรถไฟ หรือ7-11 ก็ได้ ถ้าเราใช้ไม่หมด
ก็สามารถแลกเงินคืนได้ด้วยนะ
อยากรู้ข้อมูลแบบละเอียด สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่
> https://www.ptv.vic.gov.au/tickets/myki
*คำเตือน
อย่าลืมแตะบัตรทั้งตอนขึ้นและตอนลงทุกครั้งที่ใช้บริการ
เพราะหากเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจแล้วเจอว่าไม่ได้แตะ
ค่าปรับ 78$ แต่ต้องจ่ายตอนนั้นด้วยบัตรเครดิตเลยนะ
ถ้าไม่จ่ายจะเรียกเก็บทีหลัง 220$
โหดมั้ยล่ะะะะ !
🚃 การเดินทาง
-Tram : Free! ถ้าเดินทางในเมืองและเขตของ Docklands
-Train : Myki Card
-Bus : Myki Card
-Uber : เสียตามระยะทาง
uber ก็เป็นอีก 1 ทางที่สะดวกและประหยัดเวลา เผื่อใครขี้เกียจหาทาง
สถานีรถไฟปิดแล้ว หรือเหนื่อยมากเมื่อยมาก อยากไปถึงที่เร็วๆ
เค้าก็มี Uber คอยให้บริการ แต่ต้องเช็คด้วยนะว่าไปที่นั่นแล้วคุ้มรึเปล่า
แนะนำถ้าไปกับเพื่อนซัก 4 คนจะคุ้มกว่า
ไม่แนะนำให้ไปคนเดียว เพราะเปลืองมากหมือนกัน
ปล.นานๆนั่งทีโอเค แต่นั่งบ่อยอาจจะโดนค่าเสียหายจนเจ็บตัวได้5555
แต่สำหรับคนมาเที่ยวอยากให้ไปใช้ Tram Train Bus มากกว่า
นั่งชิลล์ๆดู Culture คนที่นี่เพลินกว่าเยอะ
*คำเตือน
รัดเข็มขัดทุกที่นั่ง ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล เพราะกฎหมายเค้าเคร่งมาก จับเป็นจับ ปรับเป็นปรับ
01
CBD
Central Business District (Central Business district)
หรือประมาณว่า QV downtown
City Central Business District. Culture,
nightlife, entertainment, attractions,
places and fine dining restaurants.
Flinders Street Railway Station
เกาะกลางของทั้งหมดทั้งมวลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
นี่คือแลนด์มาร์กที่สำคัญของเมืองเมล์เบิร์นเลยนะ
เป็นสถานีรถไฟใจกลางเมืองที่มีเอกลักษณ์ ผู้คนชุกชุม
เป็นที่ตั้งหลักของการเดินทาง
Victoria Market
ตอนเช้ามาเดินตลาดก็ชิลล์ดีนะ แต่ตลาดเค้าก็คล้ายเจเจบ้านเราไปเลย
แบ่งเป็นโซนของสด / เสื้อผ้ามือสอง / ของที่ระลึก / Food truck
Market Lane Coffee
ใกล้ๆกับตลาด Victoria Market เดินไปหน่อยมีคาเฟ่แนะนำ
เป็นร้านเล็กๆแต่มีสไตล์มากชื่อว่า Market Lane Coffee-VicMarket
เน้นขายแต่กาแฟ เดินตลาดเหนื่อยๆก็มาพักชิลล์ๆตรงนี้ได้
นี่คือห้องสมุดที่ส่วนตัวรู้สึกว่า สวยที่สุดตั้งแต่เคยไปห้องสมุดมาเลย
ไม่ได้มีแค่หนังสือเท่านั้น คอมพิวเตอร์พร้อมปลั๊กพร้อม
ฟรี wifi ทั่วหอสมุด (ขอเรียกว่าหอสมุดเพราะใหญ่มาก)
โซนห้องอ่านหนังสือแบบสงบก็มี
แถมไม่ทิ้งความเป็น City of Art
เพราะด้านในนอกจากเรื่องของสถาปัตกรรมหอสมุดขนาดใหญ่ที่ดูอลังการมากๆแล้ว
ยังมีแกลลอรี่แสดงงานศิลปะอีกด้วย
แอบเห็นว่าวัยรุ่นที่นี่อยู่ในห้องสมุดเยอะนะ
บางคนไม่ได้มาเพื่อความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่รีแลกซ์ของวัยรุ่นที่นี่ด้วย
อ่านหนังสือชิลล์ๆก็เป็นวันพักผ่อนสบายๆของเค้าได้เช่นกัน
อยู่ใจกลางเมืองเดินทางสะดวกมากๆ
ที่นี่เค้าจะมีตรอกซอกซอยที่จะให้ศิลปินคันไม้คันมือทั้งหลายแหล่
ไปบรรเลงฝีมือกัน ซึ่งจะไม่ทำให้เรารู้สึกว่าโอ่ยย สกปรก เลอะเทอะ
เหมือนกำแพงในไทยที่บรรเลงโดยเด็กมือบอน
แต่ที่นี่เค้ามองว่าเป็นศิลปะมากกว่า
ทุกอย่างคือเป็นการมาโชว์ฝีมือเจ๋งๆให้โลกได้รู้
แถมยังมีนักดนตรีที่มาเล่นเพลงคลอเคลีย
คิดดูสิ การเดินดูงานอาร์ตเคล้าเสียงดนตรี มันจะฟินขนาดไหน
ซึ่งเมลเบิร์นสร้างสิ่งนี้มาทำให้คนไทยอย่างเรายังอินตาม
ชอบเฟร่ออออออออออออออ
Top of the town ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหนก็ต้องขึ้นไปดูวิวสูงๆของเมืองนั้นๆแบบพาโนราม่า
อย่างน้อยก็รู้ว่าด้านล่างหน้าตาเป็นยังไง เมืองนี้ติดภูเขาติดแม่น้ำอะไรมั้ย
ผังบ้านเมืองเค้าทำยังไงรถถึงไม่ติดแบบบ้านเราน้าา?
555555555555 #อะไม่เหน็บๆ
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากEureka Skydeck มาก
สามารถเดินได้ เสิช map โลดด
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่มีชื่อว่า Yarry River
เป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านตัวเมืองเมลเบิร์น
คนชอบมาเดินเล่นกัน เพราะบริเวณนั้นจะมีพวกร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์
นักแสดงริมทางที่คนชอบเดินไปเสพย์ความรีแลกซ์กัน
Fitzroy (ฟิทช์ - จรอย)
Just minutes north of the CBD on the 112 tram,
discover the artsy heart of Melbourne.
ย่านนี้คือสุดยอดของความฮิปสเตอร์แห่งทวีปออสเตรเลียเลยนะจ้ะ
อะไรก็เป็นศิลปะได้หมด โปสเตอร์หนังเจ๋งๆที่ติดอยู่ตามกำแพง
หรือลาย graffiti ที่ถูกบรรเลงบนผนังก็ดูคูลมาก
ขนาดฝรั่งมานั่งทำงานจิบกาแฟ ทานbrunch ชิลล์ๆยังโคตรชิคเลยงงจัง / ///
สารพัดเด็กแนวต้องมารวมตัวกันที่นี่
คล้ายๆย่านทองหล่อผสมอารีย์บ้านเราก็ว่าได้ ;)
#เฟี้ยว
เดินเล่นย่านนี้ก็เจอทั้งบ้านคน คาเฟ่ ร้านอาหารนานาชาติ
ร้านหนังสือ ร้านตัดผม ร้านขายรองเท้า ร้านเสื้อผ้ามือ2
ร้านขายแผ่นเสียง ฯลฯ สังเกตได้ว่าสีสันของแต่ละshop
ไม่มีใครยอมใคร ทุกที่จะมีสไตล์เป็นของตัวเอง
เราได้มาทานbrunch กันที่ร้านคาเฟ่แห่งนี้
ที่สั่งมามีชื่อว่า “DC Benedic” รสชาติใช้ได้
การตกแต่งหน้าตาอาหารดีงาม
คิดดูว่าความ art ยังส่งตรงมาถึงอาหารอีกด้วย5555555
โอ่ยมีสไตล์ไปทั้งเมือง ทานคู่กับ Hot Chocolate ร้อนๆซักแก้ว
#เยี่ยม
(เล่าต่อในคอมเม้นท์)
v
v
v
v