[CR] รีวิว เที่ยวเมืองจันท์ 10-11 มิถุนายน 2560 (ตอน 1)

เมื่อวันที่ 10 และ 11 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา ผมได้พาเพื่อนที่ทำงานรวม 17 คนไปเที่ยวที่จันทบุรี ไม่ได้ไปพักโฮมสเตย์ที่รวมอาหารทะเลเฉลี่ยหัวละ 1,500 บาท เหมือนที่กำลังนิยมกัน เพราะเพื่อน ๆ ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างมาก คือต้องการปลดปล่อยความเครียดจากการทำงานอย่างจริงจัง สำรวจมาหลายที่ จนมาเจอสวนชากใหญ่โฮมสเตย์ ที่พลิ้ว แหลมสิงห์ จันทบุรี เหมาะมากกับจำนวนของคณะเรา สวนชากใหญ่เป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ จำนวน 5 หลัง ค่าห้องคืนละ 800 บาท พักได้สองคน มีที่นอนเพิ่มเป็น 3 คนได้โดยทางรีสอร์ทไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างใด สรุปว่า 5 หลังนอนได้ 15 คนก็ยังเกิน เจ้าของรีสอร์ท ยกห้องพักส่วนตัวให้อีกหนึ่งห้องเพื่อจะได้ครบทีมรวมเป็น 6 ห้องครับ หน้าตาที่พักก็ตามนี้
ห้องพักที่เจ้าของ เสียสละให้กรุ๊บของเรา

ออกเดินทางจากบริษัทที่เมืองทองธานีเวลา 10.00 น. เป้าหมายแรก กินก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงพระยาตรัง ที่อำเภอท่าใหม่เวลา 14.00 น. ใครต้องการถึงที่ร้านสักบ่ายโมง คงต้องเลื่อนเวลาออกเป็น 9.00 น.ครับ ถ้าจะหาก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงรสชาติแท้ ๆ ต้องที่ร้านนี้เลยครับ
เสียงพูดคุยสนุกสนานบนรถ บัดนี้เงียบกริบ เพราะปากกำลังทำหน้าที่อื่นอย่างเอร็ดอร่อย ที่ร้านคนเยอะมาก ขนาดเราไปถึงบ่ายสองเกือบครึ่งด้วยซ้ำ แต่ก๋วยเตี๋ยวออกเร็วมาก และเราก็จัดการเรียบร้อยภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน

15.00 น. เป้าหมายต่อไป งานตลาดผลไม้เมืองจันท์ วันรองสุดท้ายพอดี
เดินรอบงานพร้อมชิมผลไม้ทุกชนิดอย่างละนิดละหน่อยพอรู้รสชาติพอ เพราะเป้าหมายใหญ่คือวันรุ่งขึ้นที่จะไปลุยสวนผลไม้กัน

15.45 ออกเดินทางต่อไปยังอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล โบสถ์จะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ถ่ายภาพภายในได้ แต่ห้ามแอ็คชั่นมาก นิดหน่อยพอได้ ชูสองนิ้วอะไรปานนั้น ถ้าสามนิ้วไม่ได้ละ ปิดให้เข้าชมช่วงที่มีพิธีบูชามิสซา และ 16.30 น.ทุกวัน
ชมความงามภายในกันครับ
และนี่คือความงามด้านนอก โบสถ์จะหันหน้าออกทางแม่น้ำจันทบุรี เพราะสมัยก่อนเดินทางกันแต่ทางเรือ ด้านหน้าโบสถ์จึงอยู่ทางท่าน้ำ เดี๋ยวนี้มีสะพานข้ามฟากให้คนเดินและรถจักรยานข้ามได้ จึงไม่มีท่าเรืออีกต่อไป
ซาบซึ้งกับความงามของโบสถ์และถ่ายรูปกันหนักมากแล้ว เราก็เดินข้ามสะพานมายังชุมชนริมน้ำจันทบูร ชมตึกเก่าที่ยังคงความเก่าแก่ได้อย่างน่าชมมาก
18.00 น.ได้เวลาเคลื่อนย้ายเข้าสู่ที่พัก ชากใหญ่โฮมสเตย์กันแล้ว จากจันทบุรีเลยทางเข้าน้ำตกพลิ้วมาเจอไฟแดง ประมาณ 12 กม. เราเลี้ยวขวาไปทางแหลมสิงห์ พ้นไฟแดงมาเพียง 500 เมตรก็ถึงแล้ว ลงจากรถก็เจอทีมงานแม่ครัวขมักเขม้นเตรียมงานให้เรากัน
เอากระเป๋าเสื้อผ้าเก็บก่อน
ไม่ต้องอาบน้ำอาบท่ากันละ ท้องมันร้องอีกแล้ว ลุยเลยทีเดียว มาดูเมนูอาหารกันก่อน

ออเดิฟกันด้วยกั้งทะเลนึ่งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด โควต้าคนละสองตัว เพราะค่อนข้างแพง ขนาดที่เห็นนี้ ประมาณ 7-8 ตัวกิโลราคา 850 บาท เฉลี่ยตัวละ 120 บาท ราคาขนาดนี้ไม่ต้องไปหาตามโฮมสเตย์ที่ว่ากินฟรีไม่อั้นนะครับ ไม่มีหรอก

ปลากระเบนห่อใบตองย่าง นี่ก็พิเศษเฉพาะกรุ๊ปนี้ ไม่ต้องไปหาเช่นกัน ไม่แพง แต่ไม่มีใครคิดจะเอาขึ้นโต๊ะ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดเผ็ด ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ลืมไปเลยทีเดียวว่ากินข้าวไปกี่จานแล้ว

กุ้งลายเสือเผา ที่จันทบุรี ไม่มีกุ้งแม่น้ำครับ กินกันแต่กุ้งกุลากับกุ้งลายเสือ น้ำจิ้มซีฟู้ดเช่นเดิม
ใครที่ชอบผักจิ้มน้ำพริกก็มีครับ อยู่หน้ากั้งสามจานสีส้ม ๆ นั่นแหละ น้ำพริกปูไข่ ทำจากไข่ปูทะเลล้วน ๆ ไม่เคยต้องลองกันเลยทีเดียว
หมึกหอมย่าง ตัวขนาดใหญ่ ส่งกลิ่นฉุยโชยมาขณะย่าง
หอยแครงลวก ลวกกำลังดี ไม่สุกจนแห้ง ไม่ดิบจนเห็นเลือด
ปลาต้มส้ม อาหารพื้นเมือง ใช้ปลากะพงเนื้อ ๆ ใส่น้ำมะขามกับกะปิ ไม่ใส่ขิงเหมือนกรุงเทพ ซดคล่องคอชื่นใจ

โต๊ะตัวนี้ เจ้าของสวนชากใหญ่ซื้อมาก่อนหน้าเพียงสองวัน เพื่อต้อนรับชุดเราโดยเฉพาะ ราคาห้าหมื่นบาท
กินกันสิ รออะไร อาหารพร้อม เหล้าปั่นพร้อม เบียร์พร้อม เฮ....
ผลไม้จันทบุรี ล้างกลิ่นคาวอาหารทะเลซักหน่อย เงาะ มังคุด ลองกอง สละ เพียบบบบบ
20.00 น. จะรีบนอนไปไหน คาราโอเกะกันหน่อยสิ
23.00 น. นอนเถอะ รุ่งขึ้นยังมีอะไร ๆ อีกหลายอย่าง