[MotoGP] Triumph ค่ายมอเตอร์ไซค์เก่าแก่จาก UK จะมาเป็นขุมกำลังให้กับรถ Moto2 ตั้งแต่ปี 2019

Moto2 เป็นรุ่นที่ทาง Dorna และ FIM ผลักดันให้มาแทนที่รุ่น 250cc ตั้งแต่ปี 2010 เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำทีมลง ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังซบเซาอย่างหนัก โดย Honda เป็นโรงงานที่ถูกเลือกด้วยเครื่องยนต์ CBR 600cc 4 สูบ ที่ถูกนำมาโมดิฟาย ECU เป็นตัวสต๊อค ECU จากทาง Honda โดยใช้คู่กับตัวบันทึกข้อมูลจาก 2D นอกจากเครื่องยนต์แล้ว ชิ้นส่วนอื่นๆก็ถูกจำกัดสเปคเพื่อลดค่าใช้จ่าย ดิสก์เบรกเป็นแค่จานเหล็กธรรมดา ห้ามใช้คาร์บอนเบรค ยางจาก Dunlop มีเพียง Chassis เท่านั้นที่เปิดให้โมดิฟายตัว ได้อย่างอิสระ

The new era of Moto2 is coming


โรงงานผู้ผลิตในรุ่นนี้เลยกลายเป็นผู้ผลิต Chassis แทน ไม่ใช่โรงงานมอเตอร์ไซค์เหมือนในรุ่น MotoGP หรือ Moto3 สัญญาที่ทาง Dorna ทำกับ HRC นั้นมีระยะเวลาครั้งละ 3 ปี จนถึงครั้งล่าสุดนั้นมีการต่อสัญญามาแล้ว 2 ครั้งและสัญญาปัจุบันจะไปสิ้นสุดลงในปี 2018 หรือหลังจบฤดูกาลหน้า


รถ Moriwaki ของ Toni Elias แชมป์โลกโมโตทูคันแรก


ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา จะมีทีมงานจาก ExternPro ทำหน้าที่ดูคอยแลรักษาเครื่องยนต์ ก่อนที่จะสุ่มเลือกส่งไปให้กับนักแข่งแต่ละคนในแต่ละสนาม  ซึ่งถ้ามองในภาพรวมก็ต้องถือว่าเครื่องยนต์จาก Honda นั้นทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเลยแหละ ทั้งในเรื่องของพละกำลังและเสถียรภาพ เวลาต่อรอบก็ทำได้ดีไม่ได้แพ้รุ่น 250 เดิม ตั้งแต่ ExternPro เข้ามาดูแลเครื่องยนต์ มีเครื่องที่ยนต์ที่พังไปแค่ 5 เครื่องเท่านั้น จากกว่า 1 ล้านกิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางรวมจากเครื่องยนต์ อันนี้ก็ถือว่าเจ๋งพอตัวเหมือนกัน


Kalex ที่เป็นแชมป์โลกเวอร์ชั่นแรกของ Stefan Bradle


กาลเวลาล่วงผ่านไป ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทั้ง Honda เองที่ดูเหมือนว่าเริ่มจะอิ่มตัวในบทบาทตรงนี้ ตัวเครื่องยนต์เองก็ถูกออกมานาน เทคโนโลยีหลายๆอย่างเริ่มตกรุ่น ตัวเครื่องยนต์มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่บวกตำแหน่งของลูกสูบที่นำไปจัดวางใน Chassis ทำได้ค่อนข้างจำกัด การล้มหายตายจากไปของโรงงานผู้พัฒนาเฟรมหลายๆค่าย การขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่อย่างเบ็ดเสร็จของ Kalex ทำให้ถึงเวลาที่ Moto2 ต้องมีการเปลี่ยนแปลง



Suter ของ MM93


โจทย์ในตอนแรกนั้นค่อนข้างเปิดกว้างเหมือนกันว่าจะยังคงรูปแบบเดิมไว้หรือเปิดให้มีโรงงานเข้ามาแข่งกันเหมือนใน Moto3 เพราะรุ่น Moto3 นั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าถามแฟนโมโตจีพีแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการให้เป็นแข่งระหว่างโรงงานเหมือนรุ่นอื่นมากกว่า แต่ด้วยงบประมาณในการทำทีมที่ลดลงเยอะ ทำให้ทีมผู้สร้างในรุ่นโมโตทูค่อนข้างพอใจกับรูปแบบนี้  ส่วนตัวเชื่อว่าความต้องการจากทีมแข่งน่าจะเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้ทาง Dorna เลือกที่จะเก็บรูปแบบเดิมเอาไว้


Speed Up เวอร์ชั่นแมงวันหัวเขียวของบักโจ


การทำให้ระดับของโทคโนโลยีในรุ่นนี้มันอยู่ตรงกลางระหว่างรุ่น Moto3 กับ MotoGP เป็นอีกจุดประสงค์หลักในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อให้นักแข่งจาก Moto3 -> Moto2 -> MotoGP นั้นมีการพัฒนาไปทีละสเต็บ ทั้งสไตล์กับขับขี่และการปรับแต่งรถ แต่ทุกวันนี้กลายเป็นว่าเทคโนโลยีบางอย่างในรถโมโต 2 นั้นด้อยกว่ารถโมโต 3 ซะอีก เลยต้องมานั่งคิดนั่งทำกันใหม่ ทาง Dorna หวังว่าการเพิ่มขนาดของเครื่องยนต์ให้ใหญ่ขึ้นจะทำให้นักแข่งปรับตัวกับเครื่องยนต์ 1000cc ของรุ่น MotoGP ได้ง่ายขึ้น


Kalex ของซาร์โก้ แชมป์โลก Moto2 สองสมัยคนแรก


เริ่มต้นด้วยจุดอ่อนสำคัญอย่าง ECU ทาง FIM เลือก Magneti Marelli ที่ตอนนี้เป็นผู้พัฒนา ECU ให้กับรุ่น MotoGP อยู่ในตอนนี้เข้ามาพัฒนาในรุ่นกลางเช่นเดียวกันเพื่อแก้ปัญหานี้ ซึ่งก็จะเริ่มต้นในปี 2019 เช่นเดียวกัน ถือว่าจบไป 1 เรื่อง ถัดมาที่เครื่องยนต์ แม้ว่าพอเอาเข้าจริง ดูเหมือนว่า HRC มีท่าทีที่เปลี่ยนไปและอยากจะเป็นผู้พัฒนาเครื่องยนต์ในรุ่นนี้ต่อไปก็ตาม แต่ Triumph Motorcycles เป็นโรงงานที่ได้รับเลือกในท้ายที่สุด


สปีดอัพ เวอร์ชั่นล่าสุด


รถจากค่าย Tech3


สเปคเครื่องยนต์ที่ทาง Triumph ส่งเข้าประกวดคือเครื่องยนต์ Triumph Street Triple RS เวอร์ชั่นปี 2017 ที่มีความจุของกระบอกสูบ 765 cc 3 สูบ โดยเครื่องยนต์มาตรฐานนั้นให้กำลัง 123 แรงม้าที่รอบเครื่อง 11700 รอบ และทอร์ค 77 นิวตันเมตรที่รอบเครื่อง 10800 รอบ ซึ่งเครื่องยนต์นี้จะถูกพัฒนาขึ้นไปอีกเพื่อเพิ่มแรงบิดและกำลังของเครื่องยนต์



ชิ้นส่วนที่จะมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์จากเวอร์ชั่นที่ขายในท้องถนนคือ

- ปรับปรุงหัวลูกสูบเพื่อควบคุมฉีดน้ำมันให้ดีขึ้น
- ใช้ไทเทเนียมวาล์วและสปริงที่แข็งแรงขึ้นเพื่อเพิ่มรอบของเครื่องยนต์
- เปลี่ยนตัวเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสลับ (Alternator) หรือที่เราคุ้นกันว่าไดชาร์จให้จ่ายเอาท์พุทให้ต่ำลงเพื่อรถแรงเฉยจากการหมุนของมอเตอร์ที่รอบสูงๆ (เนื่องจากไม่ต้องการกำลังไฟไปจ่ายให้กับไฟส่องสว่างด้านหน้าแล้ว)
- เพิ่มอันตราการทดเกียร์ 1 ให้ยาวขึ้น
- ใช้ Slipper Clutch (ระบบที่ป้องกันล้อหมุนไม่สมดุลกับความเร็วรถหรือล้อล็อค) ที่สามารถปรับแต่งได้
- ใช้ ECU จาก Magneti Marelli ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์
- ลดความกว้างของตัวเครื่องยนต์ลง เพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบเฟรม



เป้าหมายที่ต้องการคือแรงม้าที่ 140 ตัว ซึ่งทาง Dorna แอบหวังว่าประสิทธิภาพโดยรวมของรถนั้นจะสูงขึ้น ตอนนี้เครื่องยนต์เวอร์ชั่นแรกนั้นถูกทดสอบไปแล้วที่อารากอนโดยจูเลียน ซิมอง อดีตแชมป์โลกรุ่น 125cc และนักแข่งแถวหน้าในรุ่น Moto2 ที่เข้ามาเป็นนักแข่งทดสอบในโปรเจคนี้ ซึ่งซิมองออกมาชมว่าการควบคุมส่งผ่านกำลังนั้นทำได้ดีโดยเฉพาะแรงบิดในช่วงกลาง ฐานของเครื่องยนต์ตอนนี้ถือว่าดีแล้ว



Triumph นั้นถือกำหนดขึ้นโดยการเป็นโรงงานผลิตจักรยานโดย Siegfried Bettmann ที่โคเวนทรีเมื่อปี 1887 หลังจากที่อุตสหกรรมมอเตอไซค์มีการขยายตัวอย่างหนัก Triumph ก็กระโดดเข้าไปจับตลาดนี้อย่างเต็มตัว รถ Triumph 1 นั้นถูกผลิตและส่งเข้าไปขายในตลาดในปี 1902 จนกระทั่ง Triumph ยุคใหม่ได้ถือกำหนดขึ้นอีกครั้งในปี 1990 ที่มีการนำรถรุ่นใหม่ไปแสดงในงานโคโลญจน์ มอเตอร์โชว์ จากนั้นก็พัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจุบัน โดยเจ้าของคนปัจุบันคือ John Bloor



โรงงานของ Triumph ในตอนนี้นั้นมีโรงงานทั้งหมด 6 โรงงาน ดูเหมือนว่าฐานการผลิตหลักนั้นถูกค่อยๆย้ายมาอยู่ที่ชลบุรีบ้านเราที่ตอนนี้มีโรงงานทั้งหมด 3 โรง ที่มีการเพิ่มสายการผลิตในชิ้นส่วนที่มีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ 2 โรงงานหลักที่อังกฤษทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนที่เป็นความลับและเป็นฐานการวิจัยและพัฒนารถ ส่วนอีก 1 โรงงานตั้งอยู่ที่บราซิล นั้นหมายความว่าส่วนประกอบของเครื่องยนต์ในรุ่น Moto2 ส่วนใหญ่น่าจะถูกผลิตขึ้นที่บ้านเรา



อีกประเด็นนึงที่ทาง Carmelo Ezpeleta CEO ของทาง Dorna ออกมาเปิดเผยคือมีค่ายพัฒนาเฟรมหลายค่ายที่เคยเข้าร่วมการแข่งขัน Moto2 ในสมัยตั้งต้นสนใจจะกลับมาใน Paddock อีกครั้ง การเริ่มนับหนึ่งใหม่เป็นโอกาสให้คู่แข่งที่ด้อยกว่ามีโอกาสพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะได้ สีสันในรุ่นของโมโตทูน่าจะหวนกลับมาอีกครั้ง เหมือนในช่วงแรกๆที่ผู้ชนะการแข่งขันนั้นสลับหน้าตากันขึ้นโพเดี่ยม อย่างน้อยก็ในช่วง 2-3 ปีแรกในช่วงที่ฝุ่นกำลังตลบ อิอิ


ข้าวใหม่ ปลามัน


ค่ายที่ต้องการกลับมาก็ต้องเร่งพัฒนารถกันอย่างหนัก และน่าจะมีการทดสอบรถตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2018 ที่จะเป็นปีแห่งการขายฝันอย่างแท้จริง เวลาจากการทดสอบจะถูกนำไปเสนอและดึงทีมแข่งให้มาเป็นลูกค้า ทีมแข่งในปัจุบันไม่ว่าจะเป็น Kalex, Suter, Speed Up หรือ Tech3 น่าจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไปหนีหายไปไหน ไม่รู้ว่าค่ายเดิมๆอย่าง Moriwaki, FTR หรือ Bimota จะกลับมาร่วมงานปาร์ตี้นี้ด้วยรึเปล่า


Bimota HB4 ของเจ้าฟีม


แต่ที่นับตามองมากว่าน่าจะเป็นโรงงานมอเตอร์ไซค์จริงๆ จะมีเจ้าไหนที่ยอมให้เครื่องยนต์ของเจ้าอื่นมาอยู่ในรถที่ตัวเองพัฒนาขึ้นเหมือนที่ KTM ทำรึเปล่า โดยเฉพาะโรงงานปัจุบันในโมโตจีพี เพราะจริงๆแล้วมีหลายโรงงานที่สนใจในรุ่นนี้แต่ติดที่เรื่องของเครื่องยนต์นี่แหละ KTM ก็เป็น 1 ในนั้นในตอนแรก แต่สุดท้ายเพื่อความต่อเนื่องของโปรเจค ทำให้ KTM ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมพัฒนารถ Moto2 เองเพื่อที่จะเก็บนักแข่งไว้กับทีมและเชื่อว่ามิเกล โอลิเวลล่า น่าจะเป็นนักแข่งคนแรกที่เดินตามเส้นทางที่ KTM วาดไว้คือเค้าจะขยับขึ้นไป MotoGP ในปี 2019 ในทีมโรงงาน KTM


KTM Moto2 Machine


Ducati ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าอยากจะพัฒนารถและทำทีมลง Moto3 ในปี 2019 ด้วยเหตุผลเดียวกัน ถ้าดูจากผลงานที่เริ่มชนะในโมโตจีพีแล้วก็เชื่อว่าทางบอร์ดน่าจะพยักหน้าหงึกๆให้ลุงจี้เริ่มโปรเจคนี้ได้ อย่างช้าก็คงภายในปลายปีนี้ แต่นักแข่งที่พร้อมจะขึ้นไปโมโตจีพีจริงๆนั้นมาจากโมโตทูซะเป็นส่วนใหญ่ ก็คงต้องรอดูว่าดูคาติจะวางแผนระยะยาวเกี่ยวเรื่องนี้ยังไง รวมไปถึง Yamaha ที่สามารถทุ่มเงินไปดึงนักแข่งคนไหนมาร่วมทีมก็ได้ ก็เริ่มส่งสัญญาณออกมาบ้างแล้วเหมือนกันว่าต้องการปูทางให้นักแข่งเยาวชนของตัวเองให้มีเส้นทางตั้งแต่รุ่นจูเนียร์ไปจนถึงโมโตจีพี โดยเฉพาะการร่วมมือกับวาเลนติโน่ รอสซี่


Gresini Suter


สุดท้ายแล้ว ถ้ามีโรงงานที่ทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ ภาพรวมมันก็อาจจะกลับมาเป็นเหมือนในยุคนี้ที่ใครๆก็อยากใช้รถ Kalex แต่ก่อนที่จะมาคิดถึงเรื่องนี้ ก็หลับตาลืมๆมันไปก่อนละกัน คิดในแง่บวกว่ามันอาจจะทำให้ความสนใจในรุ่นนี้เพิ่มขึ้น โอเคว่าจะทำยังไงมันก็คงสู้รุ่นอื่นที่มีแบรนด์มอเตอไซค์จริงๆลงแข่งหรอก แต่มันก็ไม่ควรจะเงียบเชียบเหมือนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาและหวังว่าทาง Dorna จะมีวิธีที่สามารถรักษาระดับในการแข่งขันระหว่างเฟรมค่ายต่างๆเอาไว้ได้ แต่ถ้าวันนึงเหตุการณ์มันย้อนกลับมาเป็นเหมือนตอนนี้จริงๆ ต่อไปก็คงถึงยุคที่ทาง Dorna น่าจะปล่อยให้โรงงานมอเตอร์ไซค์กลับมาแบบเต็มตัวแล้วล่ะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


จากนี้ก็คงต้องรอดูว่า Triumph จะทำการบ้านมาดีแค่ไหน เราจะเจอปัญหาเครื่องยนต์ระเบิดหรือไม่ ความเร็วของตัวรถจะเหนือกว่ารถปัจุบันรึเปล่าหรือจะเป็นน้องเต่า เสียงจะเพราะบาดใจแค่ไหน สิ่งเหล่านี้รอคอยเราอยู่ในปี 2019 อาจจะดูเหมือนไกลแต่เชื่อเถอว่าแค่ปีกว่าๆนี่แป๊บเดียวก็มาถึงละ

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ MotoGP, CycleWorld และจากแหล่งอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยถึงด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่