ก่อนอื่นบอกเลยว่าผมไม่เคยเขียนรีวิวมาก่อนนะครับ และผมก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเพลงมากมาย แต่เป็นคนหนึ่งที่รัก Katy เต็มหัวใจครับ^^ และถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ
ถือว่าเป็นอัลบั้มที่สร้างสถิติ ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 บน iTunes และ Billboard 200 และขึ้นอันดับ 1 ในหลายๆ ประเทศ ถือว่าเปรี๊ยงมากๆ เลย สมกับเป็นแม่ที่รัก
Witness เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 4 ของเคที เพอร์รี แนวอิเล็กโทรป๊อปเป็นส่วนใหญ่ ร่วมกับโปรดิวเซอร์ที่คุ้นเคยอย่าง แม็กซ์ มาร์ติน และอื่นๆ ทั้ง Ali Payami, Duke Dumont ซึ่งแต่ละเพลงก็ล้วนรังสรรค์เป็นอย่างดี รับรองต้องถูกใจทุกเพลง =w=
Witness
เปิดอัลบั้มด้วยจังหวะสบายๆ ดึงดูดให้อัลบั้มดูน่าสนใจด้วยชื่อเพลงเดียวกับชื่ออัลบั้ม เคทีแต่งเพลงนี้ขึ้นเพื่ออยากให้ทุกคนยอมรับในตัวเธอมากขึ้น หลังจากที่มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลง อยากให้เป็นประจักษ์พยานที่พร้อมจะก้าวเดินและผจญภัยไปด้วยกัน (9.5/10)
Hey Hey Hey
ร่วมแต่งเพลงโดย Sia แสดงถึงความแข็งแรงและเข้มแข็งของผู้หญิง ที่ภายนอกอาจจะดูปลอบบางและอ่อนโยน เหมือนกับเคทีที่เธอผ่านอะไรต่างๆ ในชีวิตมามาก แต่ก็ไม่มีอะไรมาทำร้ายเธอได้ เพลงนี้ชวนโยกหัวด้วยจังหวะ เฮ้ เฮ้ เฮ้ (9/10)
Roulette
เพลงทำนองหนักและเร็วขึ้น เปรียบคนรักเสมือนการเล่นเกม “รูเล็ท” ที่สนุกสนานของสีสันแห่งกลางคืนและเมืองใหญ่ ซึ่งให้ความสนุกสนานและความปรารถนา (8.5/10)
Swish Swish
เป็นซิงเกิ้ลลำดับที่ 3 ของอัลบั้ม ร่วม ft. กับ นิกกี้ มินาจ เคทีให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเพลงนี้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องบาดหมางที่กำลังมีอยู่ ซึ่งเหน็บแนมในเนื้อเพลงได้อย่างเจ็บแสบพอสมควร ฮ่าๆ (8.5/10)
Déjà Vu
เพลงลำดับที่ 5 ของอัลบั้ม เป็นเพลงแนว อิเล็กโทร R&B ที่พอฟังได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ พูดถึงความสัมพันธ์ของความรักเดิมๆ ที่วนไปมาไม่จบสิ้น จนรู้สึกว่า นี่มันเดจาวู! (8/10)
Power
หรือเดิมชื่อเพลงว่า “Goddess” เพลงเป็นปลุกพลังให้ผู้หญิงลุกขึ้นมาค้นหาพลังในตัวเองเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งร้ายต่างๆ ปล. เอ... Mother ในเพลงนี้หมายถึง Clinton หรือเปล่าน๊า (7.5/10)
Mind Maze
เพลงลำดับที่ 7 ของอัลบั้ม เกี่ยวกับคนที่กำลังสับสนในความคิด ทำอะไรไม่ถูก หรือไม่รู้ว่าจะทำอะไร เหมือนกับกำลังตกอยู่ในเขาวงกต (7.5/10)
Miss You More
เป็นเพลงช้าๆ แต่ความหมายหนักแน่น กล่าวถึงความรู้สึกมากมายที่คิดถึงคนรักเก่า ความทรงจำต่างๆ ที่เคยมีร่วมกัน ฟังแล้วรู้สึกเศร้าและโหยหา เพลงนี้เคที ได้แรงบันดาลใจจาก จอห์น เมเยอร์ เธอบอกไว้ว่า เวลาเธอรู้สึกแย่หรือว่าร้องไห้ เธอก็จะหยิบรูปถ่ายเก่าๆ ขึ้นมาดู และยิ่งคิดถึง... (9/10)
Chained to the Rhythm
เพลงเปิดตัว ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มนี้ เป็นเพลงที่ดูน่ารัก ใสๆ เต้นได้ไปตามจังหวะของทำนองสนุกๆ แต่ก็มีความหมายแฝงในเพลงอยู่มากเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องของการเมือง เหมือนเราทุกคนกำลังติดอยู่ในกรงหรือห่วงโซ่บางอย่างที่ล้วนเป็นภาพลวงตาว่าเรากำลังมีความสุข งานนี้ได้ Skip Marley มาฟีทเจอร์ริ่งด้วย (9.5/10)
Tsunami
เพลงลำดับที่ 10 ของอัลบั้ม ฟังแรกๆ ดูเหมือนเนื้อเพลงจะเกี่ยวกับทะเลและคลื่นทั้งนั้น แต่เมื่อมาดูความหมายจริงๆ แล้วคลื่นทะเลหรือสึนามินั้นก็เหมือนกับความรักและ Sex ที่รุนแรงและไม่แน่นอนเหมือนคลื่นน้ำนั่นเอง (ปล. ฟังแรกรู้สึกอยากกินอาหารอีสาน ฮ่าๆ) (8/10)
Bon Appétit
ซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้ม แนวป๊อป แดนซ์ ฮิปฮอป ซึ่ง Bon Appétit เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ขอให้เจริญอาหาร เป็นเพลงที่รู้สึกแปลกมากตอนฟังครั้งแรก แต่เมื่อฟังดูหลายๆ ครั้งก็รู้สึกว่าสนุกและหยุดฟังไม่ได้ ความหมายลึกๆ จะมีแนวคิดในเรื่องของความเท่าเทียมและเสรีภาพทางเพศของผู้หญิง มี Migos มาร่วม ft. (10/10)
Bigger Than Me
“บางอย่างกำลังเกิดขึ้น และควบคุมไม่ได้ และมันก็ดูใหญ่เกินตัว” ซึ่งเคทีอาจจะหมายถึงความฝันและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น เธอจะไม่ยอมแพ้ และจะพยายามต่อไปเรื่อยๆ (8.5/10)
Save as Draft
เป็นเพลงรักสบายๆ มีความไพเราะไปกับห้วงทำนอง ฟังครั้งแรกผมรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่คงเดจาวูไปเอง 555 รู้สึกติดใจกับท่อน Chorus ที่ทำให้รู้สึกอินไปกับเคที (10/10)
Pendulum
เพลงลำดับที่ 14 ของอัลบั้ม เป็นเพลงให้กำลังใจเพลงหนึ่ง มีจังหวะสนุกสนาน ติดหูง่าย (9/10)
Into Me You See
เพลงช้าๆ เพราะๆ ปิดอัลบั้ม ความหมายกินใจ แนวรัก บัลลาด น่าจะกล่าวถึงการสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อกีดกันความรัก แต่สุดท้ายก็อาจจะแพ้ความใกล้ชิดอยู่ดี ถือว่าปิดอัลบั้มได้อย่างประทับใจเลยทีเดียวครับ (9.5/10)
ถือว่าในอัลบั้มใหม่นี้ เราจะได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่แปลกใหม่ที่เคทีตั้งใจทำเพลงให้พวกเราฟัง รับรองว่าคุ้มค่าที่โหลดมาฟังอย่างแน่นอนคร้าบบบบ
(ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก เพจ Katy Perry Thailand และเว็บไซต์ genius.com)
มาเป็นประจักษ์พยานกันเถอะ! รีวิวอัลบั้ม “Witness” – Katy Perry
ถือว่าเป็นอัลบั้มที่สร้างสถิติ ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 บน iTunes และ Billboard 200 และขึ้นอันดับ 1 ในหลายๆ ประเทศ ถือว่าเปรี๊ยงมากๆ เลย สมกับเป็นแม่ที่รัก
Witness เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 4 ของเคที เพอร์รี แนวอิเล็กโทรป๊อปเป็นส่วนใหญ่ ร่วมกับโปรดิวเซอร์ที่คุ้นเคยอย่าง แม็กซ์ มาร์ติน และอื่นๆ ทั้ง Ali Payami, Duke Dumont ซึ่งแต่ละเพลงก็ล้วนรังสรรค์เป็นอย่างดี รับรองต้องถูกใจทุกเพลง =w=
Witness
เปิดอัลบั้มด้วยจังหวะสบายๆ ดึงดูดให้อัลบั้มดูน่าสนใจด้วยชื่อเพลงเดียวกับชื่ออัลบั้ม เคทีแต่งเพลงนี้ขึ้นเพื่ออยากให้ทุกคนยอมรับในตัวเธอมากขึ้น หลังจากที่มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลง อยากให้เป็นประจักษ์พยานที่พร้อมจะก้าวเดินและผจญภัยไปด้วยกัน (9.5/10)
Hey Hey Hey
ร่วมแต่งเพลงโดย Sia แสดงถึงความแข็งแรงและเข้มแข็งของผู้หญิง ที่ภายนอกอาจจะดูปลอบบางและอ่อนโยน เหมือนกับเคทีที่เธอผ่านอะไรต่างๆ ในชีวิตมามาก แต่ก็ไม่มีอะไรมาทำร้ายเธอได้ เพลงนี้ชวนโยกหัวด้วยจังหวะ เฮ้ เฮ้ เฮ้ (9/10)
Roulette
เพลงทำนองหนักและเร็วขึ้น เปรียบคนรักเสมือนการเล่นเกม “รูเล็ท” ที่สนุกสนานของสีสันแห่งกลางคืนและเมืองใหญ่ ซึ่งให้ความสนุกสนานและความปรารถนา (8.5/10)
Swish Swish
เป็นซิงเกิ้ลลำดับที่ 3 ของอัลบั้ม ร่วม ft. กับ นิกกี้ มินาจ เคทีให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเพลงนี้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องบาดหมางที่กำลังมีอยู่ ซึ่งเหน็บแนมในเนื้อเพลงได้อย่างเจ็บแสบพอสมควร ฮ่าๆ (8.5/10)
Déjà Vu
เพลงลำดับที่ 5 ของอัลบั้ม เป็นเพลงแนว อิเล็กโทร R&B ที่พอฟังได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ พูดถึงความสัมพันธ์ของความรักเดิมๆ ที่วนไปมาไม่จบสิ้น จนรู้สึกว่า นี่มันเดจาวู! (8/10)
Power
หรือเดิมชื่อเพลงว่า “Goddess” เพลงเป็นปลุกพลังให้ผู้หญิงลุกขึ้นมาค้นหาพลังในตัวเองเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งร้ายต่างๆ ปล. เอ... Mother ในเพลงนี้หมายถึง Clinton หรือเปล่าน๊า (7.5/10)
Mind Maze
เพลงลำดับที่ 7 ของอัลบั้ม เกี่ยวกับคนที่กำลังสับสนในความคิด ทำอะไรไม่ถูก หรือไม่รู้ว่าจะทำอะไร เหมือนกับกำลังตกอยู่ในเขาวงกต (7.5/10)
Miss You More
เป็นเพลงช้าๆ แต่ความหมายหนักแน่น กล่าวถึงความรู้สึกมากมายที่คิดถึงคนรักเก่า ความทรงจำต่างๆ ที่เคยมีร่วมกัน ฟังแล้วรู้สึกเศร้าและโหยหา เพลงนี้เคที ได้แรงบันดาลใจจาก จอห์น เมเยอร์ เธอบอกไว้ว่า เวลาเธอรู้สึกแย่หรือว่าร้องไห้ เธอก็จะหยิบรูปถ่ายเก่าๆ ขึ้นมาดู และยิ่งคิดถึง... (9/10)
Chained to the Rhythm
เพลงเปิดตัว ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มนี้ เป็นเพลงที่ดูน่ารัก ใสๆ เต้นได้ไปตามจังหวะของทำนองสนุกๆ แต่ก็มีความหมายแฝงในเพลงอยู่มากเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องของการเมือง เหมือนเราทุกคนกำลังติดอยู่ในกรงหรือห่วงโซ่บางอย่างที่ล้วนเป็นภาพลวงตาว่าเรากำลังมีความสุข งานนี้ได้ Skip Marley มาฟีทเจอร์ริ่งด้วย (9.5/10)
Tsunami
เพลงลำดับที่ 10 ของอัลบั้ม ฟังแรกๆ ดูเหมือนเนื้อเพลงจะเกี่ยวกับทะเลและคลื่นทั้งนั้น แต่เมื่อมาดูความหมายจริงๆ แล้วคลื่นทะเลหรือสึนามินั้นก็เหมือนกับความรักและ Sex ที่รุนแรงและไม่แน่นอนเหมือนคลื่นน้ำนั่นเอง (ปล. ฟังแรกรู้สึกอยากกินอาหารอีสาน ฮ่าๆ) (8/10)
Bon Appétit
ซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้ม แนวป๊อป แดนซ์ ฮิปฮอป ซึ่ง Bon Appétit เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ขอให้เจริญอาหาร เป็นเพลงที่รู้สึกแปลกมากตอนฟังครั้งแรก แต่เมื่อฟังดูหลายๆ ครั้งก็รู้สึกว่าสนุกและหยุดฟังไม่ได้ ความหมายลึกๆ จะมีแนวคิดในเรื่องของความเท่าเทียมและเสรีภาพทางเพศของผู้หญิง มี Migos มาร่วม ft. (10/10)
Bigger Than Me
“บางอย่างกำลังเกิดขึ้น และควบคุมไม่ได้ และมันก็ดูใหญ่เกินตัว” ซึ่งเคทีอาจจะหมายถึงความฝันและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น เธอจะไม่ยอมแพ้ และจะพยายามต่อไปเรื่อยๆ (8.5/10)
Save as Draft
เป็นเพลงรักสบายๆ มีความไพเราะไปกับห้วงทำนอง ฟังครั้งแรกผมรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่คงเดจาวูไปเอง 555 รู้สึกติดใจกับท่อน Chorus ที่ทำให้รู้สึกอินไปกับเคที (10/10)
Pendulum
เพลงลำดับที่ 14 ของอัลบั้ม เป็นเพลงให้กำลังใจเพลงหนึ่ง มีจังหวะสนุกสนาน ติดหูง่าย (9/10)
Into Me You See
เพลงช้าๆ เพราะๆ ปิดอัลบั้ม ความหมายกินใจ แนวรัก บัลลาด น่าจะกล่าวถึงการสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อกีดกันความรัก แต่สุดท้ายก็อาจจะแพ้ความใกล้ชิดอยู่ดี ถือว่าปิดอัลบั้มได้อย่างประทับใจเลยทีเดียวครับ (9.5/10)
ถือว่าในอัลบั้มใหม่นี้ เราจะได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่แปลกใหม่ที่เคทีตั้งใจทำเพลงให้พวกเราฟัง รับรองว่าคุ้มค่าที่โหลดมาฟังอย่างแน่นอนคร้าบบบบ
(ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก เพจ Katy Perry Thailand และเว็บไซต์ genius.com)