ปีนี้....เหนื่อยกันมั้ยครับ

ผมเหนื่อยใจกับ รัฐบาล  ชุดนี้ครับ

ปีนี้ไม่เหนื่อยค่ะ ปีที่แล้วเหนื่อยมากๆ เกี่ยวกับดูแลสามีป่วยแขนขาอ่อนแรงทั้ง 2 ข้าง ไหนจะค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษา ค่ากายภาพ ผ่อนบ้าน ค่าจ้างคนมาดูแล ค่านู่นนี่นั่นฯลฯ ต้องทำงานเพิ่มอีกอาชีพนึง ตอนนี้สามีเดินได้แล้ว ค่อยยังชั่ว ที่เหนื่อยมาหายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ อย่าห่วงทำแต่งานอย่างเดียว ดูแลสุขภาพและอย่าใช้ชีวิตประมาทนะคะ (อาจจะไม่ตรงกับเนื้อหาของจขกท.แอบขอระบายนิดนึงค่ะ)

ใจเย็นๆครับ ผมเชื่อว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ

แต่แค่กังวลว่า ตอนนี้ มันกำลังจะหลังฝน หรือมันแค่เริ่มพรำๆเท่านั้นเอง
ถ้ากำลังจะหลังฝน ผมเชื่อว่ามันต้องดีขึ้น
ถ้าเพิ่งเริ่มพรำๆ เดี๋ยวจะได้เห็นพายุ และการบาดเจ็บของภาคเอกชนแน่นอน

การที่ไม่มีการนำเข้าเครื่องจักร ว่ากันจริงๆ อาจจะมาจากสาเหตุดังนี้ คือ

อย่างแรกคือ เราเริ่มกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว บริษัทยังทำกำไรกันได้อยู่ เพราะแม้จะมีการขยายบริษัทแต่บริษัทต่างๆก็สามารถผลิตเครื่องจักรใช้เอง เลยไม่ซื้อจากใคร  (กำลังคิดว่าไม่น่าใช่ ผมว่ายังเป็นไปได้ยาก)  เรื่องของเรื่องคือ ผมชอบต่อเครื่องนู่นเครื่องนี่เล่น ผมพอจะทราบว่า ถ้าเป็นเครื่องจักรอุตสาหกรรม  (โดยเฉพาะเครื่องขนาดใหญ่) ส่วนใหญ่จะต้องนำเข้า มีผลิตเองบ้างในไทย แต่ก็ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไรถ้าเทียบกับการนำเข้า

อย่างที่สองคือ เขาไม่ลงทุนเพิ่ม เพราะบริษัทต่างๆ กำลังทรงๆ หรือบางที่ทรงไม่ค่อยอยู่แล้ว เนื่องจากทำกำไรไม่ได้
ถ้าเป็นอย่างหลัง รับรองเลย ว่าเดี๋ยวได้เลือดสาด เพราะอาการบาดเจ็บ จะไม่ได้เป็นแค่เอกชนรายย่อยไม่กี่รายแน่นอน การที่ไม่มีการลงทุนในสายงานการผลิตเพิ่ม หมายถึงอะไร รู้ๆกันอยู่

ตอนนี้ เอกชนบ้านเรา โดนไปสามเด้ง คือ สินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าจากจีน อันนี้เด้งแรก ซึ่งเชื่อผมเถอะ ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้ ประเทศอื่นๆ ก็โดนสินค้าจีนตีตลาดเหมือนเราครับ โลกมันเปลี่ยนไป จีนเขากำลังมา อย่าลืมว่า ห้ามอะไรก็ห้ามได้ แต่ห้ามโลกไม่ให้หมุน ห้ามไม่ได้หรอก
อีกเด้ง คือการแข่งขันภายในประเทศ จากรายใหญ่ ซึ่งก็มีไม่กี่บริษัท ที่เป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกและมีบริษัทลูกมากมาย การเติบโตของบริษัทเหล่านี้ อันที่จริงก็เป็นความภูมิใจของคนไทย แต่อีกมุมหนึ่ง การลงมาเล่นในตลาดใหม่ๆของบริษัทใหญ่ๆยักๆ ย่อมทำให้บริษัทที่เล็กกว่า ล้มหายตายจากไป ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องธรรมดา
เด้งสุดท้าย คือจีดีพี โตจากบริษัทจดทะเบียน แต่ไม่ได้โตจากกระเป๋าตังคนเดินดิน อันนี้บอกตามตรง ว่าเป็นเรื่องที่ได้ยินต่อมาอีกที ไม่ขอคอมเม้นว่าจริงหรือเปล่า แต่ถ้าจริง จะน่ากลัวมาก เพราะนั่นคือดีมานหด แล้วจะเหลือหรอครับ ถ้าหดจริง กว่าจะฟื้น บริษัทเล็กๆ คงเซไปอีกระนาว
(แล้วไอ้จีดีพีสูงอย่างเดียวไม่ว่า แต่ค่าครองชีพดันสูงตามไปด้วย แล้วเงินในกระเป๋าเหือดแห้ง นี่สินรกแท้)

ถ้าวันนี้ไม่มีการลงทุนภาคการผลิตเพิ่มเติม ก็ขออย่าให้ถึงขั้นปิดตัวกันเลย ผมว่าไม่มีใครอยากเจอวิกฤตชีวิตอีกรอบ

เอาตามจริง หากภาคการผลิตไม่โตจริงๆ (จากการที่เจ้าของกระทู้บอกว่าขายเครื่องจักรไม่ค่อยได้) ก็ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ยังทำกำไรได้ เพราะภาคการผลิต ไม่ใช่ทุกอย่างของห่วงโซ่อุปทาน บางบริษัทก็ยังโตเอาๆ     แต่หากภาคการผลิตอ่อนแอ ผมนึกถึงบ้านที่ข้างบนตบแต่งสวยงาม แต่เสามบ้านคดและอ่อนแอ เวลาล้ม ไอ้สวยๆข้างบนก็ร่วงมาด้วยครับ       เหมือนอาเจนติน่ากับกรีซสมัยก่อนครับ ที่มีช่วงหนึ่งภาคการผลิตทำกำไรไม่ได้ แต่มีการบริโภคสินค้าสูง ธุรกิจบางธุรกิจก็ยังไปได้ แล้ววันนึงเวลามันล้ม ก็กระทบไปหมดอยู่ดี  (ลองดูว่าคนเที่ยวกรีซกับอาเจนเยอะหรือเปล่า แต่กรีซก็เจ๊งได้)

แต่จะกระทบยังไง แย่แค่ไหน ส่วนตัวคิดว่า ไม่น่าจะเลวร้ายมาก เพราะ Bank บ้านเรานี่ สุดยอด เพราะสำรองหนี้เสียและป้องกัน NPL ไว้มากมาย ซึ่งช่วยจำกัดความเสียหายไม่ให้ลามเหมือนตอน 40 อย่างแย่สุด ก็น่าจะแค่ซึมยาววววววววววววววววววววววว

ยังไงก็เอาใจช่วยคนทำงานในประเทศนี้ทุกคนครับ

ยอดขาย บริษัทผมปีที่ผ่านมาทำได้ตามเป้าหมาย
บริษัทผมขายสินค้าแฟชั่น
โบนัสจ่าย สี่เดือนครึ่ง
////
มาปีนี้ไตรมาตรแรกก็ยัง ได้ตามเป้าอยู่
////
โชคดีที่สินค้าที่ขาย ได้ยอดซื้อจากนักท่องเที่ยว
จากต่างประเทศ มาเติมเต็มยอดขายคนในประเทศ
ที่แรงซื้อลดลง
////
นักท่องเที่ยวครับ ช่วงนี้ เป็นพระเอกตัวจริง
พยุงเศรษกิจบ้านเราในหลายภาคส่วน
แล้วยอดเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยโตแทบทุกปี