คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงจะเห็นจิตได้
จิต เป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์, เป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้ เราสามารถรู้เห็นจิตได้ด้วยจิตของเราเอง แต่ที่เราไม่สามารถรู้เห็นจิตได้โดยตรงเนื่องจากจิตของเรา มีอาสวะ (กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ไหลซึมซ่านไปย้อมจิตเมื่อประสบอารมณ์ต่างๆ) ห่อหุ้มอยู่ เราต้องปฏิบัติธรรมจนสามารถสำรอกเอาอาสวะที่ห่อหุ้มจิตออกไปได้จนหมด จิตจึงจะเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง เราจึงจะเห็นและสัมผัสจิตได้ด้วยจิตของเราเอง ดังที่มีคำกล่าวไว้ว่า "จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค" จิตจะปรากฏออกมาให้เราเห็นเป็นครั้งแรกว่า จิตมีอยู่ ในขณะแห่งโสดาปัตติมรรค ด้วยการสำรอกอาสวะชั้นนอกสุดออก และเห็นพระนิพพาน ๒ - ๓ ขณะ
การปฏิบัติเพื่อให้ถึงการสำรอกอาสวะออกได้นั้น ผู้ปฏิบัติต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถรู้เห็นจิตได้โดยตรง เราต้องรู้จิตผ่านเจตสิก (ธรรมที่ประกอบกับจิต สภาวธรรมที่เกิดดับพร้อมกับจิต) ก็คือการรู้ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเราในทุก ๆ อิรืยาบท นั่นเอง ไม่ว่าความรู้สึกนึกคิดใด ๆ เกิดขึ้น นั่นหมายความว่าจิตถูกย้อมด้วยความรู้สึกนึกคืดนั้นแล้ว เราจะรู้เห็นได้เพียงความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นนั้น ตัวจิตจริง ๆ ซ่อนอยู่หลังความรู้สึกนึกคิดนั้น
สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อคือ ทำอย่างไรความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ จะไม่ไปย้อมจิต จิตจะได้ปรากฏตัวชัดขึ้น พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราเจริญสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นทางสายเอก สายเดียว ที่จะทำให้ถึงการสำรอกอาสวะได้อย่างสิ้นเชิง จิตใจที่จะเจริญสติป้ฏฐาน ๔ แล้วจะเห็นจิตได้อย่างแจ่มแจ้ง ต้องอยู่ในทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ที่ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ (อริยมรรคมีองค์ ๘)
ในทางปฏิบัติขอให้ รักษาศีล อบรมกายใจให้มีกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต และ ศึกษาวิธีการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่เป็นทางสายกลางประกอบด้วยองค์แปดประการ แล้วลงมือปฏิบัติให้ถูกต้องตรงตามพระธรรมคำสั่งสอนอย่างเคร่งครัด เชื่อว่าไม่นานก็จักสำเร็จผล ได้เห็นจิตปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ว่ามีอยู่จริง และศรัทธาในพระพุทธศาสนาของผู้ปฏิบัติจะไม่คลอนแคลนอีกต่อไป
จิต เป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์, เป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้ เราสามารถรู้เห็นจิตได้ด้วยจิตของเราเอง แต่ที่เราไม่สามารถรู้เห็นจิตได้โดยตรงเนื่องจากจิตของเรา มีอาสวะ (กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ไหลซึมซ่านไปย้อมจิตเมื่อประสบอารมณ์ต่างๆ) ห่อหุ้มอยู่ เราต้องปฏิบัติธรรมจนสามารถสำรอกเอาอาสวะที่ห่อหุ้มจิตออกไปได้จนหมด จิตจึงจะเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง เราจึงจะเห็นและสัมผัสจิตได้ด้วยจิตของเราเอง ดังที่มีคำกล่าวไว้ว่า "จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค" จิตจะปรากฏออกมาให้เราเห็นเป็นครั้งแรกว่า จิตมีอยู่ ในขณะแห่งโสดาปัตติมรรค ด้วยการสำรอกอาสวะชั้นนอกสุดออก และเห็นพระนิพพาน ๒ - ๓ ขณะ
การปฏิบัติเพื่อให้ถึงการสำรอกอาสวะออกได้นั้น ผู้ปฏิบัติต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถรู้เห็นจิตได้โดยตรง เราต้องรู้จิตผ่านเจตสิก (ธรรมที่ประกอบกับจิต สภาวธรรมที่เกิดดับพร้อมกับจิต) ก็คือการรู้ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเราในทุก ๆ อิรืยาบท นั่นเอง ไม่ว่าความรู้สึกนึกคิดใด ๆ เกิดขึ้น นั่นหมายความว่าจิตถูกย้อมด้วยความรู้สึกนึกคืดนั้นแล้ว เราจะรู้เห็นได้เพียงความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นนั้น ตัวจิตจริง ๆ ซ่อนอยู่หลังความรู้สึกนึกคิดนั้น
สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อคือ ทำอย่างไรความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ จะไม่ไปย้อมจิต จิตจะได้ปรากฏตัวชัดขึ้น พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราเจริญสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นทางสายเอก สายเดียว ที่จะทำให้ถึงการสำรอกอาสวะได้อย่างสิ้นเชิง จิตใจที่จะเจริญสติป้ฏฐาน ๔ แล้วจะเห็นจิตได้อย่างแจ่มแจ้ง ต้องอยู่ในทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ที่ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ (อริยมรรคมีองค์ ๘)
ในทางปฏิบัติขอให้ รักษาศีล อบรมกายใจให้มีกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต และ ศึกษาวิธีการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ที่เป็นทางสายกลางประกอบด้วยองค์แปดประการ แล้วลงมือปฏิบัติให้ถูกต้องตรงตามพระธรรมคำสั่งสอนอย่างเคร่งครัด เชื่อว่าไม่นานก็จักสำเร็จผล ได้เห็นจิตปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ว่ามีอยู่จริง และศรัทธาในพระพุทธศาสนาของผู้ปฏิบัติจะไม่คลอนแคลนอีกต่อไป
แสดงความคิดเห็น
ปฏิบัติธรรมแล้ว จะเห็นจิตได้อย่างไร