จะทำอย่างไรดี ทนไม่ไหวแล้ว ที่ทำงานไม่มีงานให้ทำเพราะพี่คนหนึ่ง

คือเราอดทนกับสภาพแบบนี้มาประมานเกือบปี
จนทนไม่ไหวเลยอยากถามความเห็นว่าควรจะทำยังไงดี  

เราทำงานอยู่ที่แห่งหนึ่ง เนื้องานไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแล้วจบไป เพราะเป็นงานประสานงาน คือตาม job description ของเราคือติดต่อประสานงาน ช่วยเป็นล่าม แล้วก็มีงานแปล แต่เรื่องของเรื่องที่เป็นปัญหามีอยู่ว่า มีพี่คนหนึ่งทำงานที่นี่มาหลายปี (แต่เค้าตำแหน่งงานเดียวกับเรานะ) หน้าที่ที่ส่วนใหญ่ของพี่เค้าคืองานแปล ซึ่งจริงๆเราก็ทำได้อาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ถ้าได้รับการฝึกฝนมีประสบการณ์มากขึ้น มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาได้ แต่พี่เค้ากลับไม่ยอมแบ่งงานแปลมาให้ทำ และคนที่ทำงานก็จะมองว่างานแปลก็เป็นงานของเขา กลายเป็นว่างานตามตัวไม่ใช่งานตามหน้าที่ ตอนที่เราเข้ามาทำงานใหม่ๆเขาก็ยังยอมให้ช่วยบ้าง คือถ้าจะมองว่าเค้าไม่อยากมานั่งแก้งานที่เราทำก็ไม่น่าจะใช่เพราะว่าแต่ก่อนเราช่วยเค้าทำการบ้านป. โทอยู่บ่อยๆ แล้วบางทีเค้าติดแปลไม่ได้ เค้าก็ยังมาถามเราบ้าง ตอนที่ยังสนิทกันอยู่แต่เราก็ตงิดใจในหลายๆครั้งที่เวลาเราถามว่า

เรา : มีอะไรให้ช่วยไหมคะ
พี่ : ไม่มีๆ พี่ทำเองได้ไม่เป็นไร (รีบพูด)

แต่มันมีจุดแตกหักตรงที่ มีวันนึงพี่หัวหน้าบอกให้เราแปลงานๆหนึ่ง เราก็นั่งแปลไปที่โต๊ะเรา

พี่ : มาเดี๋ยวพี่ช่วย มาทำด้วยกันมา
เรา : ไม่เป็นไรค่ะ อยากทำเองก่อน
พี่ : ก็ทำด้วยกันไง
แล้วคราวนี้เราพิมพ์ช้า ไม่ค่อยคล่อง
พี่ : เดี๋ยวพี่พิมพ์ให้เอง แล้วเดี๋ยวเราพูด
เรา : เดี๋ยวเราจะพิมพ์เอง
แต่สุดท้ายพี่เค้าก็แย่งที่เราแล้วก็พิมพ์เองให้เราพูด คราวนี้พอติดพักกลางวัน
พี่ : งานไม่รีบนะ รอพี่กลับมาก่อนก็ได้ค่อยมาแปลด้วยกัน
เรา : ค่ะๆ ( แต่เราไม่ยอมกินข้าวแล้วนั่งแปลจนเสร็จเพราะกลัวไม่ได้ทำ)

ตอนที่เค้ากลับมาจากทานข้าว เรากำลังเอาที่แปลใส่ info

พี่ : มาเดี๋ยวพี่ทำเอง
เรา : ไม่เป็นไรจะทำเองค่ะ
พี่ : หนูไปนั่งเล่นคอมที่โต๊ะพี่ก่อนก็ได้
เรา :............(ไหนบอกงานไม่รีบแล้วจะมาแย่งงานเราทำไม)

เราโกรธจนเกือบจะร้องไห้ว่าทำไมถึงมาพูดแบบนี้ เรานั่งทำงานของเราอยู่ดีๆ แถมยังเป็นงานแรกในเกือบสองอาทิตย์ที่เราได้ทำงาน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป (ซึ่งรู้สึกว่าพลาดมาก ถ้าเคลียร์ตั้งแต่ตอนนั้นก็คงจบไปแล้ว) หลังจากนั้นเราก็ไม่คุยไม่ยุ่งกับเค้าอีกเลย (ซุปเปอร์ไวเซอร์ก็รู้เรื่องนี้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มาก)

หลังจากนั้นก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง คือหัวหน้ามาพูดกับเราแล้วพี่เขาว่า เดี๋ยวจะมีงานแปลให้น้องช่วยแปลละกันนะ พอหัวหน้าไป

เรา : พี่มีไรให้ช่วยแปลไหม ( ถามตามมารยาทละ เพราะหัวหน้าออกปากเอง
พี่ : ยังไม่มี เค้ายังไม่ส่งไฟล์มาให้มีแต่ hard copy
เราเลยนั่งเล่นคอมอะไรไป สักพัก เห็นเค้านั่งแปลอยู่ คือแบบนี้มันหมายความว่ายังไงอะ
เรา : อ้าวไหนบอกจะรอไฟล์ไง
พี่ : ก็เค้าไม่ส่งมาสักทีเลยแปลไปก่อน เราจะแบ่งไปแปลปะบะ
เรา : เอามาสิ (ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะแปลแล้วทำไมไม่เรียกละ)

วันศุกร์เราแปลไปได้ครึ่งหนึ่ง วันจันทร์เรากำลังจะแปลต่อ แต่หัวหน้าให้เราช่วยไปเป็นล่าม

พี่ : เอาที่เหลือมาก็ได้ เราจะได้ไม่พะว้าพะวง
เรา : เดี๋ยวเราขึ้นมาทำต่อ
พี่ : ไม่เป็นไร เอามาดิ

แล้วพี่เค้าก็เอาคืนไป พอเรากลับมาเค้าก็ยังทำไม่เสร็จแต่ก็ไม่ได้แบ่งให้เราทำต่อ ทั้งๆที่มันเป็นงานที่ไม่รีบเช่นเคย


ทั้งสองเหตุการณ์ยิ่งทำให้เราไม่คุยไม่ยุ่งกับเค้าอีก หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้งานแปลอีกเลย  แล้วกลายเป็นว่าส่วนใหญ่เราก็จะอยู่ว่างๆ ละพี่เค้าก็ให้อีกคนช่วยแปล แต่ก็นิดๆหน่อยๆ ไม่ได้เยอะมาก แต่เค้ากลับไปบอกคนอื่นว่าเค้ายุ่งมาก เราเลยสงสัยมากว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่ หรือเค้าต้องการอะไร

เค้าทำงานมานานแล้วแต่เค้ากลับไม่สอนงานต่อ แล้วถ้าเค้าออกไปใครจะมาทำงานต่อจากเค้า บางงานไม่ใช่งานเร่งเค้าก็ไม่แบ่งให้คนอื่นๆทำ

อ้อ มีอีกเหตุการณ์

ซุป : มีอะไรให้น้องช่วยก็ได้นะ น้องก็อยู่ว่างๆ
พี่ : ไม่มีอะค่ะ ทำกับน้องอีกคนได้อยู่ค่ะ

คืออะไรหงะ ถ้าจะบอกว่าเกรงใจก็ไม่ใช่แล้วเพราะซุปก็เป็นคนเอ่ยปากเองให้เราช่วย

แต่ที่เราเครียดที่สุดคือเราอยู่ว่างๆมันก็ดูไม่ดีเราพยายามหาแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษมานั่งทำ เรียนภาษาใหม่ๆ เราทำแม้กระทั่งไปลงเรียนคอร์สแปลวันเสาร์เแต่เรากลับคิดอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าเราลาออกแล้วเราจะไปบอกที่ใหม่ยังไงว่าที่ผ่านมาเรามีประสบการณ์อะไรบ้าง เพราะเราแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ถ้าจะให้เราลาออกเราก็ยังลาออกไม่ได้เรายังต้องอยู่ที่นี่อีกอย่างน้อยสามปี(มีเหตุผลที่จำเป็นต้องอยู่) ทำให้กลัวว่าต่อไปจะไปบอกเล่าตอนสัมภาษณ์งานใหม่ยังไงว่ามันเป็นแบบนี้ๆ

เลยอยากจะขอคำแนะนำจากทุกคนว่าเราควรจะทำยังไงดี เราอยากจะร้องไห้ทุกวันเวลาไปทำงานเพราะเรารู้สึกว่าเรามีศักยภาพที่จะทำได้ที่จะพัฒนาต่อไปได้แต่กลับถูกปิดกั้นโอกาส

ปล. พี่ๆในที่ทำงานคนอื่นดีมากๆยกเว้นคนนี้ที่เราไม่เข้าใจว่าเค้าคิดอะไรแล้วต้องการอะไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่