< เรื่องสั้น > ลบเลือนความทรงจำ ตอนที่ 1

กระทู้สนทนา
ตีสองเศษๆ บนถนน เส้นทางจากอำเภอเกาะคา กำลังจะเข้าสู่ตัวเมืองลำปาง

รถกระบะสีขาวเก่าๆ ซึ่งดูแล้วน่าจะผ่านการใช้งานมานับสิบปี คันหนึ่ง จอดชิดซ้ายอยู่จนเกือบตกขอบถนน โดยปราศจากความเคลื่อนไหวใดๆ โดยที่บนถนนสายนั้นก็มีรถเก๋งบ้าง รถบรรทุกบ้าง รถทัวร์บ้าง วิ่งผ่านไปผ่านมาสลับคันกันไปโดยเว้นระยะเวลาห่างไม่เท่ากัน บางช่วงก็มีสองสามคัน บางช่วงก็มีคันเดียว พอวิ่งผ่านจุดที่รถกระบะคันนั้นจอดอยู่ไปแล้ว ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด

ในที่สุด ก็มีรถตำรวจทางหลวงคันหนึ่งวิ่งมา แล้วจอดใกล้ๆกับรถกระบะคันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเปิดประตูลงมาจากรถ และก้าวเข้าไปที่ประตูรถฝั่งคนขับ มือซ้ายถือไฟฉายส่องไปที่กระจก เขาเห็นคนในรถมีอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นผู้ชาย ฟุบแน่นิ่งคว่ำหน้าอยู่ที่มือซึ่งเกาะกุมพวงมาลัยรถอยู่ อีกคนเป็นผู้หญิง เอนหลังและเอียงหน้าไปทางประตูรถอีกด้าน ไม่ได้สติเหมือนกัน เขาจึงยื่นมือขวาไปเคาะกระจก และร้องเรียกให้คนในรถตื่น

" ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ " " คุณครับ....คุณครับ คุณ !!! "

เคาะและเรียกอยู่ไม่นานนัก ราวสองสามนาที ผู้ชายก็โงหัวขึ้นมาจากมือที่ยังจับพวงมาลัย ในขณะที่ผู้หญิงก็ค่อยๆผงกหัวและลุกขึ้นนั่งตรงๆ บิดกายช้าๆ หันหน้ามา

ผู้ชายพอลืมตาขึ้นได้ ก็หันมามองที่กระจกซึ่งกำลังถูกเคาะรัวๆ เขาลดกระจกลง แสงไฟฉายสาดเข้าโดนหน้าอย่างจัง ทำให้เขาต้องยกมือขวาขึ้นป้องหน้า หลับตาครู่หนึ่งแล้วลดมือลง ค่อยๆลืมตาขึ้น ถามด้วยหน้าตาตื่นปนกับความงุนงง

" เอ่อ...ผมอยู่ที่ไหนครับเนี่ย คุณตำรวจ ?"

"รถคุณจอดอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ครับ ดูเหมือนคุณกำลังจะเข้าเมืองลำปาง จากตรงนี้"  คุณตำรวจตอบ และทำหน้าสงสัย "ทำไมคุณมาจอดรถที่ตรงนี้ เปลี่ยวด้วย อันตรายมาก ง่วงเลยนอนหลับกันตรงนี้ก่อนหรือไงครับ ?"

"เปล่าครับผม" ผู้ชายสั่นหัวดิก ผู้หญิงก็ทำหน้างงๆ

"เปล่า ?" คุณตำรวจขมวดคิ้ว สงสัยหนักขึ้น "เมาหรือเปล่าคุณน่ะ ?"

"ไม่เลยครับผม ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่ดื่มเลยครับ" เขาปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

"ฮื่ออ....." คุณตำรวจครางในลำคอหนักๆ " แล้วจอดรถทำไมตรงนี้ล่ะครับ ? "

" ไม่ทราบครับผม " เขาตอบพร้อมกับส่ายหน้า ด้วยสีหน้าและแววตาที่ฉงน " ผมไม่รู้ว่ามาจอดรถแล้วหลับอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ถ้าคุณตำรวจไม่มาเคาะกระจกเรียก ผมคงนอนยาว "

" โอเค แป๊บนึงนะ " คุณตำรวจเบรคการสนทนาไว้ก่อน แล้วกลับไปที่รถ เปิดประตู ยื่นหน้าเข้าไปในรถเหมือนจะหาของอะไรบางอย่าง เพียงครู่เดียวก็พาตัวเองกลับมายังรถกระบะอีกครั้ง ยื่นเครื่องตรวจจับแอลกอฮอล์ให้คนผู้ชาย

"ผมขอตรวจแอลกอฮอล์คุณก่อน เพื่อความมั่นใจ เอ้า! เป่าซิ !!"

เขารับเครื่องมา จ่อแท่งยาวเข้าปากแล้วเป่าพรวดทันทีอย่างไม่มีการขัดขืนและรวดเร็ว แล้วก็ส่งคืนให้คุณตำรวจ

คุณตำรวจรับมาเช็คดู ค่าเป็นศูนย์ แปลว่าชายคนนี้ไม่ได้ดื่มเหล้าเบียร์หรือเครื่องดื่มอื่นใดที่มีแอลกอฮอล์จริง ๆ ทำให้เชื่อใจได้ระดับหนึ่ง

"แล้ว คุณผู้หญิงนั่น ...เป็นอะไรบ้างไหมครับ ?" คุณตำรวจมองผ่านผู้ชายไปถามหญิงสาว

"ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ คุณตำรวจ" หล่อนส่ายศีรษะเนือยๆ ตอบ ฝืนยิ้ม ดูท่าทางเหมือนอิดโรย "แค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น"

คุณตำรวจพยักหน้า แล้วหันมาถามผู้ชาย

" สรุปคือ คุณไม่รู้ตัว ว่า ขับรถมาจอดอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ...เหรอ ? "

" ใช่ครับ ไม่รู้ตัวเลย " เขาพยักหน้า

" ฮื่อ......" คุณตำรวจครางในลำคออีกครั้ง เอามือข้างขวากุมคาง ก่อนจะถามต่อ " แล้ว คุณจำได้ไหม ครั้งสุดท้ายก่อนคุณจะมาอยู่ตรงนี้ คุณอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ ? "

ผู้ชายทำท่าครุ่นคิดหนัก คิ้วขมวด แล้วก็เบิกตากว้าง โพล่งออกมา

" ผมจำได้แล้วๆ คุณตำรวจ.....ผมกำลังขับรถคันนี้ กับแฟนผมนี่แหละ " เขาพยักเพยิดไปทางหญิงสาว

" ที่ไหน ถนนสายไหน จะไปไหน จำได้ไหม ? " คุณตำรวจยิงคำถามรัวใส่ทันที

" เรากำลังจะกลับบ้านกันครับ ในเมืองลำปาง แถวสบตุ๋ย.....ตอนนั้น เราเพิ่งออกมาจากเกาะคา ออกจากบ้านศาลาหลวง ขึ้นถนนใหญ่แล้ว กำลังขับตรงไป มุ่งหน้ากลับลำปาง"

" แล้วไงต่อครับ ? " คุณตำรวจซักต่อ

" แค่นั้นแหละครับ ที่ผมจำได้ !!! " เขาตอบอย่างหนักแน่น แล้วหันไปถามผู้หญิง " ตัวเองล่ะนิด ? จำอะไรได้บ้าง ที่มากกว่าเค้า ? มีไหม ??? "

หญิงสาวผู้เพิ่งถูกเรียกชื่อว่า "นิด" ส่ายหน้า

" จำไม่ได้มากไปกว่าตัวเองหรอก แจ๊ค "

คุณตำรวจทำหน้างงๆ ก่อนจะถามผู้ชาย

" งั้น ตอนนี้ คุณขับรถกลับบ้านไหวไหม ? "

ผู้ชายชื่อ " แจ๊ค " พยักหน้า

"ไหวครับ คุณตำรวจ ไม่ต้องห่วงครับ ใกล้ถึงทางที่จะข้ามทางรถไฟแล้ว พ้นจากนั้นก็จ่อที่จะเข้าสบตุ๋ยมากแล้วครับ"

คุณตำรวจพยักหน้า ก่อนกล่าวคำลาพร้อมตะเบ๊ะ

"โอเค งั้นก็ขับรถดีๆนะครับ โชคดีถึงบ้านปลอดภัยครับ สวัสดีครับ"

"ครับผม ขอบคุณมากครับที่มาช่วยปลุกผม สวัสดีครับ"

ชายชื่อแจ๊คยกมือไหว้รับตะเบ๊ะคุณตำรวจพร้อมกันกับนิดผู้เป็นแฟนสาว จากนั้นก็ไขกระจกรถขึ้น บิดกุญแจรถสตาร์ท พอรถติดเครื่องแล้วก็ค่อยๆขับออกไปจากริมถนนตรงนั้น มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองลำปางเพื่อกลับบ้าน

คุณตำรวจยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง พึมพำกับตัวเอง

"เกิดอะไรขึ้นกับพวกเค้ากันแน่วะ ก่อนจะมาจอดตรงนี้ ???"


แล้วก็ส่ายหน้า เดินกลับไปที่รถ ก่อนจะขับออกไปจากที่ตรงนั้น

**************************************************************************************************************

เวลาใกล้จะตีสาม เหลืออีกแค่สองสามนาที....

แจ๊ค ขับรถมาถึงหน้าบ้านหลังเล็ก เป็นบ้านสองชั้น สีขาว หลังคาสีน้ำเงินเข้ม พอรถจอดหน้าบ้านซึ่งมีประตูกรงเหล็กปิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงสุนัขในบ้านสองตัวเห่าเสียงขรมดังก้องไปทั่วบริเวณละแวกนั้น ด้วยความดึกสงัดทำให้เสียงเห่าของมันดังกังวานไปไกลกว่าตอนกลางวันหรือตอนค่ำ แจ๊คกับนิดแฟนสาวรีบพากันเปิดประตูออกมาจากรถ แจ๊คไปที่หน้าประตูบ้านซึ่งเจ้าสุนัขสองตัวนั้นกำลังเห่าพร้อมกับเอาเท้าหน้าเกาะกรงเหล็กบานประตูตะกุยตะกายกันอยู่ และพอพวกมันเห็นว่าเป็นเขาผู้เป็นเจ้านาย ก็พากันเปลี่ยนเสียงเห่าเป็นเสียงครางงี้ดๆและกระดิกหางส่ายไปมารัวๆด้วยความดีใจ

ไอ้บ๊อบ ไอ้ไว้ท์ !!! ” แจ๊คตะคอกใส่พวกมันด้วยเสียงที่ไม่ดังนักเพราะเกรงใจคนข้างบ้าน แล้วพูดกับพวกมันด้วยภาษาเหนือซึ่งเป็นภาษาบ้านเกิดของตัวเอง “ เห่าหาต๋ายหยังล้ำเหลือบ่ะ!!!

เจ้าสองตัวก็ยังแสดงอาการดี๊ด๊าที่ได้เจอเจ้านายกลับมาถึงบ้านอยู่อย่างนั้น

แจ๊คหยิบพวงกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วเอาลูกกุญแจไขแม่กุญแจที่คล้องล็อกสายยูหน้าบานประตู ปลดออก แล้วเปิดประตูบ้านอ้ากว้าง ก่อนจะหันไปบอกนิดแฟนสาว

“ นิด ตัวเองช่วยขับรถเข้าบ้านหน่อยเน้อ เค้าจะไปเปิดประตูเข้าไปในบ้านก่อนนะ”

“ได้จ้ะ” หญิงสาวพยักหน้าบอก ก่อนจะกลับไปที่รถเพื่อขับรถเข้ามา

แจ๊คเดินไปที่ประตูบ้านใกล้กับโรงเก็บรถ หยิบกุญแจไขลูกบิดแล้วเปิดเข้าไป เอื้อมมือไปกดสวิทช์ไฟข้างๆประตู แป๊ก! ไฟจากหลอดแอลอีดีสว่างจ้า แจ๊คมองไปที่นาฬิกาแขวนบนผนัง เข็มนาฬิกาชี้บอก ตีสาม กับอีกห้านาที...

ชายหนุ่มยกแขนซ้ายขึ้นมาเพื่อจะดูนาฬิกาข้อมือ แล้วเขาก็ต้องตกตะลึง....พร้อมกับอุทานออกมาด้วยเสียงลากยาว

“เฮ้ยยยยย...... !!!!”


เลขดิจิตอลบนนาฬิกาข้อมือ แสดงตัวเลข 00:30 น. !!!

นิดแฟนสาวก้าวผ่านประตูเข้ามา ปิดประตู กดล็อก ก่อนหันมาถามแฟนหนุ่ม

“มีอะไรเหรอคะ แจ๊ค ? ”

ชายหนุ่มหันมามองเธอด้วยสีหน้าแสดงความประหลาดใจและงุนงง แล้วบอกกับเธอ

“ตัวเองลองดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองซิ กี่โมง ?”

นิดขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แล้วยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาก่อนจะตอบ ด้วยน้ำเสียงประหลาดใจและทึ่ง

“ เที่ยงคืนเลยครึ่งมานิดนึง เอ๊ะ!!!” สิ้นเสียงอุทาน เธอหันไปมองนาฬิกาแขวน แล้วก็ตกตะลึง กรี๊ดออกมา

อ๊ายยยย อะไรกันเนี่ย ??? แจ๊ค !!! ตัวเองหลอกอำเค้าเล่นใช่มั้ยเนี่ย ???

“ โน......โนเลยจ้ะ” เขาสั่นศีรษะรัวๆ “ไม่ได้อำ มันเป็นอย่างที่เห็นนี่จริงๆสาบานให้ตาย!!!”

“มันเป็นไปได้ยังไงอ่ะ ???” เธอถามด้วยความฉงนสนเท่สุดขีด “ เดี๋ยวนะ ตอนเราเพิ่งออกมาจากเกาะคา ขึ้นถนนใหญ่ เวลาก็ประมาณบนนาฬิกาข้อมือนี่แหละ”

“ใช่!!!” แจ๊คตอบเสียงเข้ม

“ก็ถ้าอย่างนั้น เราก็น่าจะกลับถึงบ้านไม่น่าเกินตีหนึ่งครึ่งนะ มันไม่ใช่ระยะทางไกลอะไรมากมายนักนี่นา ?”

“ใช่จ้ะ” แจ๊คพยักหน้า “ แต่ที่เราเห็นกันอยู่นี่ มันตีสามเศษนิดนึงตอนตัวเองเข้ามา ตอนที่เค้าเปิดประตูเข้ามาแล้วเปิดไฟ ดูนาฬิกา มันตีสามครึ่ง......ทำไมมันต่างกันมากขนาดนี้ ???”

“แล้วนาฬิกาข้อมือเราสองคนก็ตรงกันด้วยอ่ะ แจ๊ค...” หญิงสาวยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมืออีกรอบและพูดต่อไป “ถ้าจะว่ามันเสียหรือขัดข้อง มันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันสองเรือน ทั้งของตัวเอง ทั้งของเค้า...”

“ ก็ใช่อีกแหละจ้ะ” แจ๊คตอบ แล้วเป่าปาก ก่อนจะพึมพำ “มันอะไรกันวะเนี่ย ?”

“ แจ๊ค......เดี๋ยวก่อนนะ....” แฟนสาวร้องขึ้นเหมือนนึกอะไรได้ “ ที่ผ่านมา เราสองคน กำลังออกจากเกาะคา จะเข้าลำปาง แล้วหลังจากนั้น...”

“เราก็ไม่รู้ตัวว่าไปจอดรถหลับกันข้างถนน ที่ตำรวจเค้ามาเคาะกระจกรถปลุกเราให้ตื่นตรงนั้น ได้ยังไง” แจ๊คต่อประโยคของแฟนสาว

“ใช่ๆๆ” เธอพ่นคำรับ “แล้วพอเรามาถึงบ้านก็เห็นว่าเวลาของนาฬิกาแขวนนั่น ต่างกับเวลาบนนาฬิกาข้อมือเราทั้งสองคน”

แจ๊คตาลุก ก่อนเอ่ยถาม “ตัวเองจะพูดอะไรเหรอ ?”

หญิงสาวทำท่าขนลุก ยักไหล่ทั้งสองขึ้นพร้อมกัน ทำหน้าเบ้ แยกเขี้ยวขาวตอบ

เวลา มันหายไป แจ๊ค !!! ตีสามกับเที่ยงคืนครึ่ง.....มันหายไป สองชั่วโมงครึ่ง!!! มันต้องเป็นช่วงที่เราไม่รู้ตัวหลับไป เดชะบุญนะที่รถไม่เกิดอุบัติเหตุอ่ะ!!”

“ Ship…หายแล้ว......” เขาครางในลำคอ หันไปมองหน้าแฟนสาว “ สองชั่วโมงครึ่งที่หายไป มันเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคนกันแน่ ก่อนจะตื่นเพราะตำรวจคนนั้นมาปลุก ???

“ใครจะไปรู้เล่า!!!” เธอเบะปาก “คงไม่มีเรื่องร้ายอะไรมั้ง เราสองคนก็ดูปกติดีนิ”

“อืม.......นั่นสิเนาะ คงงั้นมั้ง” ชายหนุ่มเม้มปาก ก่อนจะตัดบท “ช่างมันเถอะจ้ะ ปล่อยมันผ่านไปละกัน เดี๋ยวเค้าไปอาบน้ำก่อนนะ เอ๊ะ หรือว่าจะอาบพร้อมกันดี ?” ประโยคคำถามสุดท้ายเขาถามพร้อมทำหรี่ตาใส่

“บ้า!!!” หญิงสาวตวาดแว้ด “ไปเลย ไปให้ไวเลย!!!”

แจ๊คหัวเราะกั่กๆ อย่างชอบใจ แล้วเข้าไปหอมแก้มแฟนสาว ก่อนจะไปหาผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ

คืนนั้น ทั้งสองหนุ่มสาว รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียมากกว่าปกติ พออาบน้ำเสร็จก็พากันเข้านอน ไม่มีกิจกรรมใดๆที่มักจะทำกันก่อนเหมือนอย่างที่เคย ดับไฟ ล้มตัวลงนอน และผลอยหลับไปในเวลาไม่กี่นาที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่