---

เราเริ่มต้นทริปนี้ที่ยุคโชชอนค่ะ ที่เรียกแบบนี้ เพราะหมู่บ้านบุคชอน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านยุคดั้งเดิมที่เรียกว่า ฮันอก ซึ่งปัจจุบัน ได้มีการดัดแปลงบ้านเรือนให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร และศูนย์วัฒนธรรม ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย

การเดินทาง : subway ลงสถานี Anguk ทางออก 3 เดินตรงไปเรื่อยๆประมาณ 300 เมตร

ถึงแม้จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว แต่หมู่บ้านบุกชอน ก็ยังคงมีชาวเกาหลีอาศัยอยู่จริงในบ้าน ดังนั้นเวลาไปเที่ยวย่านนี้ ก็ไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนค่ะ

บ้านเก่าในย่าน Bukchon Hanok Village ที่ถูกดัดแปลงเป็นคาเฟ่น่ารักๆบรรยากาศอบอุ่น


มีอปป้ามาดริปกาแฟให้ดื่ม ทำให้สดชื่นไปทั้งวัน  [สำหรับรีวิวคาเฟ่ในโซล รอติดตามอัลบั้มถัดไปนะคะ]

เดินเล่นบุกชอนจนทั่วหมดแล้ว ต่อไปเราจะเข้าวังไปหาเซจากันค่ะ แต่ก่อนอื่น ขอแวะเช่าชุดฮันบกสวยๆก่อน แล้วจะได้เข้าวังฟรี ไม่เสียซักวอน


นี่คือชุดที่เราเลือกค่ะ จากการสังเกตคนอื่นๆในภาพก่อนหน้า เรารู้สึกว่าฮันบกสีหวานๆ ไม่ค่อยเข้ากับเราเท่าไหร่ แถมถ่ายรูปออกมาก็ดูซีดไปหน่อย ก็อย่างที่ผู้ใหญ่เคยบอกไว้ "จะถูก จะแพง ขอแดงไว้ก่อน" แม่จัดกระโปรงแดงเลยจ้าาาาา ถ่ายรูปออกมาสดใสแน่นอน แนะนำ

---

ถึงทางเข้าวังแล้วค่ะ คือในวังนางเอกเยอะมาก ไอ่เราก็สวยสู้ไม่ได้ ขอเป็นกีแซงแทนละกัน ดังนั้นพร้อพสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ Jeonmo หมวกทรงงอบ ที่เหล่ากีแซงเป็นผู้นำแฟชั่น

เช่าชุดฮันบก : ย่านบุกชอน-เคียงบกกุง มีร้านให้เช่าชุดฮันบกเยอะมากเลยค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเช่าร้านไหนก็ไม่ต่างกันนะคะ ราคาขึ้นอยู่กับแบบและเนื้อผ้าที่เราเลือกค่ะ มีตั้งแต่ 1=ชั่วโมง 8000วอน ก็บวกไปเรื่อยๆตามไอเทมเสริม ของเราเช่า 4ชั่วโมง 25,000วอน รวมหมวก แต่ก่อนไป ออนนี่บอกแถมให้ครึ่งชั่วโมงค่ะ ใจดีมากๆ


ใส่ชุดฮันบกเข้าวัง ไม่เสียเงินนะคะ (แต่เสียค่าเช่าชุดแทน)
เดินใกล้ถึงวังแล้ว ขอเวลาไปทักทายเซจาก่อนนะคะ

ค่าเข้าวัง - คนละ 3000วอน
การเดินทาง - subway สถานี Anguk ทางออก 1

---

ออกจากวังเรียบร้อย เปลี่ยนชุดเข้าสู่โหมดปกติ แล้วหันซ้ายออกจากวัง เดินไปพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ข้างๆกันค่ะ

เข้าสู่บริเวณพื้นที่ของ MMCA ก็จะเจอตึกกระจายแยกเป็นก้อนๆ มีคอร์ทโล่งตรงกลาง แต่ละตึกอยู่ห่างกันพอสมควร

ตอนแรกที่หาข้อมูลมา รู้ว่าแต่ละ exhibition แยกกันเป็นหลาย hall พอเห็น circulation ของแต่ละตึกแล้ว คิดว่าแต่ละส่วน ต้องเดินข้ามตึกร้อนๆไปมา ตายแน่ๆชั้น

เอาค่ะ ไหนๆมาแล้ว ร้อนก็ร้อน ลุย!!!

ซื้อบัตรก่อนเข้านะคะ ข่าวดีสำหรับใครที่อายุ24ลงไป เข้าฟรีจ้าาาา ส่วนเราก็ 4000วอนตามระเบียบ

หลังจากจ่ายค่าตั๋วเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ชี้ทางสว่างให้เรา อ๋อ!!! ทุก hall ที่แสดงงานอ่ะ เชื่อมกันจากใต้ดิน เราไม่ต้องเดินลัดตึกไปมาให้ร้อนแสบผิวแบบที่เข้าใจในตอนแรก โอเคๆ skin food อดกินเงินชั้นไป1ขั้นตอนการดูแลผิว

ที่จริงเราตั้งใจมาดูอีกนิทรรศการนึง ซึ่งพึ่งหมดไป กลายเป็นโต๊ะกลมๆนี้แทน เอาจริงๆไม่ค่อยเข้าใจงานชิ้นนี้นะ แต่รู้สึกว่าเป็นงานเดียวที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนดู แล้วสะกดคนที่เข้ามาในห้องนี้ได้ซักพักเลยแหล่ะ

ถ้าถามเราจริงๆ เราไม่อินเท่าไหร่กับนิทรรศการที่จัดแสดงในรอบนี้ค่ะ แต่ตึกสวย และการจัดการต่างๆดีมาก แถมค่าเข้ายังถือว่าไม่แพง ยังไม่เบญจเพศก็ชมฟรีกันไปอีก ดังนั้นถ้าไปเคียงบกกุงแล้ว แค่ข้ามถนนมาแค่นี้เอง แวะเถอะแนะนำ ถือว่าหลบร้อนหลังออกวังก็ยังได้

---

มหาวิทยาลัยหญิงล้วนที่ติดอับดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก ซึ่งมุมสวยสุดฮิตนี้เป็น Campus Center ของมหาวิทยาลัย ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ที่ชนะการประกวดแบบในปี 2004 และเปิดใช้งานเมื่อปี 2008 การออกแบบใช้หลักgeometryล้อไปกับสภาพพื้นที่ โดยให้ตัวอาคารกลืนหายไปกับพื้นดิน เกิดเป็น approach ตึกที่สวยงาม ทำให้ที่แห่งนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเก็บภาพสวยๆตลอดทั้งวัน

การเดินทาง : subway สถานี Ewha Woman's Univ. ทางออก 2,3


ไม่รุชะนีผมฟ้าคนนั้น ไปยืนบังวิวทำไมเนอะ แฮร่~


space ด้านในก็สวยไม่แพ้ด้านนอกนะ แสงและเงาที่เกิดขึ้นในตัวอาคารคือดีย์ นี่ไง เหตุผลที่ควรจ้างสถาปนิก (ขายของนิดนึง 55)

ewha ไม่ได้มีตึกเดียว ตึกนี้ก็สวยไม่แพ้กันนะ

---