รบกวนพี่ๆทนาย หรือผู้มีความรู้ทุกท่านครับ สอบถามว่าถ้าเรามีหลักฐานว่าเราซื้อขายกับบริษัท เป็นใบสั่งสินค้าของบริษัท มีตราบริษัท มีเอกสารการรับของๆบริษัท เราจะฟ้องร้องบริษัทให้จ่ายเงินค่าสินค้าได้หรือไม่ เนื่องจากพนักงานก็เป็นตัวแทนของบริษัทอยู่แล้ว หรือต้องมีวิธีการอย่างไรให้ได้เงินคืนมาครับ เพราะคนหลอกคงไม่มีเงินมาจ่ายคืนแล้ว
จับสาวแสบ ตุ๋นซื้อเพชร สูญ 50 ล้าน เหยื่อแห่แจ้งความกว่า 10 รายหลังลูกจ้างบริษัทเพชรชื่อดัง ย่านสีลม ทำทีเข้าซื้อเพชร ตามห้างร้านต่างๆ ใช้ความสนิทชิดเชื้อ ที่เคยทำธุรกรรมกันมาก่อน เนื่องจากสาวแสบ เป็นพนักงานฝ่ายจัดซื้อ อาศัยเครดิต เอาเพชรมาก่อน จ่ายเงินทีหลัง แต่พอถึงกำหนดชำระเงินกลับไม่ได้ตามที่ตกลง แห่ไปตามที่บริษัท เชิญตัวมาสอบสวน อ้างทำคนเดียว ปัดบริษัทไม่รู้เรื่องที่ทำ เอาเพชรที่ได้ไปขายให้เพื่อนของพ่อ ส่วนหนึ่งแจกจ่ายญาติๆ ตร.ลงพื้นที่ติดตามของกลางที่เหลือ
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 6 ต.ค. ที่ สน.บางรัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกลุ่ม ผู้ประกอบการร้านเพชรย่านสีลมกว่า 10 ราย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ขนิษฐา คำมะทิตย์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 5 ต.ผือฮี อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเพชรชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสีลม หลังสั่งซื้อเพชรจากผู้ประกอบการหลายราย แต่เมื่อถึงกำหนดชำระเงินกลับไม่นำเงินมาจ่ายกับทางผู้ประกอบการเจ้าของเพชร มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท พร้อมนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการสั่งซื้อเพชรของ น.ส.ขนิษฐา มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานด้วย
ด้านผู้ประกอบ การร้านเพชรรายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) กล่าวว่า น.ส.ขนิษฐา เป็น เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเพชรชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสีลม โดยมีหน้าที่ติดต่อสั่งซื้อเพชรจากห้างร้านต่างๆ ซึ่งในวงการผู้ประกอบการค้าเพชรจะมีเครดิตของการสั่งซื้อในแต่ละบริษัท รวมทั้งมีการแบ่งระดับของลูกค้าเพื่อเป็นการให้เครดิตด้วย โดยวิธีการสั่งจ่ายนั้นขึ้นอยู่กับข้อตกลงและความสนิทสนม ทำให้ น.ส.ขนิษฐา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทดังกล่าว จึงมีความสนิทสนมและรู้จักกับผู้ประกอบการร้านเพชรเป็นอย่างดี สำหรับพฤติการณ์ของ น.ส.ขนิษฐา จะอาศัยความสนิทสนมออกตระเวนสั่งเพชรตามห้างร้านต่างๆ ที่รู้จักคุ้นเคยกัน แต่เมื่อถึงระยะเวลาที่ต้องชำระเงิน น.ส.ขนิษฐา กลับไม่ยอมนำเงินมาจ่ายตามข้อตกลง กระทั่งวานนี้ (5 ต.ค.) จึงประสานพนักงานสอบสวน สน.บางรัก พร้อมทั้งเดินทางไปติดตามทวงถามถึงเงินที่ต้องชำระกับทางบริษัทที่ น.ส.ขนิษฐา ทำงานอยู่ จนพบตัวจึงให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาสอบปากคำ กระทั่ง วันนี้กลุ่มผู้ประกอบการร้านเพชรที่เคยถูก น.ส.ขนิษฐา หลอกลวง จึงนำเอกสาร หลักฐานมาแจ้งความเพิ่มเติมดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พิทยา พุทธานุ พงส.ผทค.สน.บางรัก เปิดเผยว่า ภายหลังที่เชิญตัว มาสอบสวน ได้สอบปากคำ น.ส.ขนิษฐา ก็ได้ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริง และทำเพียงคนเดียว โดยอาศัยความสนิทสนมที่เคยติดต่อค้าขายกันมา และความไว้วางใจ โดยทางบริษัทที่ทำงานอยู่นั้นไม่ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมที่กระทำอยู่ หลังจากได้เพชรมาก็จะนำไปขายต่อให้เพื่อนของพ่อ ส่วนหนึ่งนำไปแจกจ่ายกับญาติพี่น้อง กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว หากมีผู้เสียหายท่านใดถูกหลอกในลักษณะดังกล่าวให้มาติดต่อกับทางพนักงานสอบ สวน สน.บางรัก ได้ตลอด 24 ช.ม. เจ้าหน้าที่จะรับคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายเพื่อสรุปในสำนวนคดีต่อไป
เบื้อง ต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนนำตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ให้ออกหมายขัง เนื่องจากยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ รวมทั้งมูลค่าความเสียหายสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อติดตามทรัพย์สินทั้งหมดว่าผู้ต้องหานั้นนำไปซุกซ่อน หรือนำไปขายต่อที่ใดบ้าง ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากลักษณะคดีฉ้อโกงตามตัวอย่างนี้ ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องบริษัทนายจ้างได้มั้ยครับ
จับสาวแสบ ตุ๋นซื้อเพชร สูญ 50 ล้าน เหยื่อแห่แจ้งความกว่า 10 รายหลังลูกจ้างบริษัทเพชรชื่อดัง ย่านสีลม ทำทีเข้าซื้อเพชร ตามห้างร้านต่างๆ ใช้ความสนิทชิดเชื้อ ที่เคยทำธุรกรรมกันมาก่อน เนื่องจากสาวแสบ เป็นพนักงานฝ่ายจัดซื้อ อาศัยเครดิต เอาเพชรมาก่อน จ่ายเงินทีหลัง แต่พอถึงกำหนดชำระเงินกลับไม่ได้ตามที่ตกลง แห่ไปตามที่บริษัท เชิญตัวมาสอบสวน อ้างทำคนเดียว ปัดบริษัทไม่รู้เรื่องที่ทำ เอาเพชรที่ได้ไปขายให้เพื่อนของพ่อ ส่วนหนึ่งแจกจ่ายญาติๆ ตร.ลงพื้นที่ติดตามของกลางที่เหลือ
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 6 ต.ค. ที่ สน.บางรัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกลุ่ม ผู้ประกอบการร้านเพชรย่านสีลมกว่า 10 ราย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ขนิษฐา คำมะทิตย์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 5 ต.ผือฮี อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเพชรชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสีลม หลังสั่งซื้อเพชรจากผู้ประกอบการหลายราย แต่เมื่อถึงกำหนดชำระเงินกลับไม่นำเงินมาจ่ายกับทางผู้ประกอบการเจ้าของเพชร มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท พร้อมนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการสั่งซื้อเพชรของ น.ส.ขนิษฐา มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานด้วย
ด้านผู้ประกอบ การร้านเพชรรายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) กล่าวว่า น.ส.ขนิษฐา เป็น เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเพชรชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสีลม โดยมีหน้าที่ติดต่อสั่งซื้อเพชรจากห้างร้านต่างๆ ซึ่งในวงการผู้ประกอบการค้าเพชรจะมีเครดิตของการสั่งซื้อในแต่ละบริษัท รวมทั้งมีการแบ่งระดับของลูกค้าเพื่อเป็นการให้เครดิตด้วย โดยวิธีการสั่งจ่ายนั้นขึ้นอยู่กับข้อตกลงและความสนิทสนม ทำให้ น.ส.ขนิษฐา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทดังกล่าว จึงมีความสนิทสนมและรู้จักกับผู้ประกอบการร้านเพชรเป็นอย่างดี สำหรับพฤติการณ์ของ น.ส.ขนิษฐา จะอาศัยความสนิทสนมออกตระเวนสั่งเพชรตามห้างร้านต่างๆ ที่รู้จักคุ้นเคยกัน แต่เมื่อถึงระยะเวลาที่ต้องชำระเงิน น.ส.ขนิษฐา กลับไม่ยอมนำเงินมาจ่ายตามข้อตกลง กระทั่งวานนี้ (5 ต.ค.) จึงประสานพนักงานสอบสวน สน.บางรัก พร้อมทั้งเดินทางไปติดตามทวงถามถึงเงินที่ต้องชำระกับทางบริษัทที่ น.ส.ขนิษฐา ทำงานอยู่ จนพบตัวจึงให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาสอบปากคำ กระทั่ง วันนี้กลุ่มผู้ประกอบการร้านเพชรที่เคยถูก น.ส.ขนิษฐา หลอกลวง จึงนำเอกสาร หลักฐานมาแจ้งความเพิ่มเติมดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พิทยา พุทธานุ พงส.ผทค.สน.บางรัก เปิดเผยว่า ภายหลังที่เชิญตัว มาสอบสวน ได้สอบปากคำ น.ส.ขนิษฐา ก็ได้ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริง และทำเพียงคนเดียว โดยอาศัยความสนิทสนมที่เคยติดต่อค้าขายกันมา และความไว้วางใจ โดยทางบริษัทที่ทำงานอยู่นั้นไม่ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมที่กระทำอยู่ หลังจากได้เพชรมาก็จะนำไปขายต่อให้เพื่อนของพ่อ ส่วนหนึ่งนำไปแจกจ่ายกับญาติพี่น้อง กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว หากมีผู้เสียหายท่านใดถูกหลอกในลักษณะดังกล่าวให้มาติดต่อกับทางพนักงานสอบ สวน สน.บางรัก ได้ตลอด 24 ช.ม. เจ้าหน้าที่จะรับคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายเพื่อสรุปในสำนวนคดีต่อไป
เบื้อง ต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนนำตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ให้ออกหมายขัง เนื่องจากยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ รวมทั้งมูลค่าความเสียหายสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อติดตามทรัพย์สินทั้งหมดว่าผู้ต้องหานั้นนำไปซุกซ่อน หรือนำไปขายต่อที่ใดบ้าง ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป