เร่งคลอดเป็นอย่างไร ? อยากรู้จะเล่าให้ฟังค่ะ

เร่งคลอดเป็นอย่างไรมาฟังกันนะคะ
ใครมีประสบการณ์มาร่วมแชร์ด้วยก็ได้นะคะ

เราตั้งใจที่จะคลอดลูกแบบธรรมชาติค่ะ เพราะคิดว่าแผลหายไว ลูกจะผูกพันกับแม่มากกว่า น้ำนมมาเร็ว (ตั้งใจให้นมแม่) อีกทั้งคิดว่าลูกจะแข็งแรงกว่า เคยอ่านมาว่าคลอดทางช่องคลอดจะทำให้ลูกมีภูมิคุ้มกันซึ่งจำไม่ได้เหมือนกัน ลองศึกษาดูนะคะ.

ที่บ้านทุกคนคลอดลูกด้วยการผ่าหมดเลยค่ะ เลยมีแต่คนเชียร์ให้ผ่าว่าปลอดภัยไม่น่ากลัว รวดเร็ว ไม่ต้องทนปวดท้องคลอดนาน แต่สมัยนี้แล้วมีข้อมูลให้ศึกษาเยอะค่ะว่าแบบไหนดีหรือไม่ดีอย่างไรบ้าง เราจึงยังคงเลือกแบบคลอดธรรมชาติตามเดิมค่ะ

การตั้งครรภ์ก็ล่วงเลยมาจนกระทั่ง 40วีคกว่าๆ ปากมดลูกเปิด 3 ซม. มีมูกเลือด แต่ไม่มีวี่แววของอาการคนใกล้คลอด ลูกสาวก็โตขึ้นทุกวันเดินลำบากมาก อีกทั้งเป็นห่วงว่าถ้าอายุครรภ์มากกว่านี้จะเกิดอันตรายกับเจ้าตัวเล็กเช่น รกเสื่อม รกพันคอ น้ำคร่ำแห้ง ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก

ดังนั้นวันที่หมอนัดตรวจครรภ์จึงให้คุณหมอตรวจปากมดลูกอีกครั้ง ก็ยังไม่มีวี่แววค่ะ คุณหมอจึงถามว่าจะรอต่อไปหรือว่าจะเร่งคลอด เราจึงเลือกเร่งคลอด เนื่องด้วยฤกษ์ดี และถึงเวลาอันควรแล้วค่ะอยากเห็นหน้าลูกมาก

ตอนนั้นเวลา 10.00น. ช่วงสายๆพยาบาลก็พาไปแอดมิดรอคลอด เริ่มด้วยการสวนการขับถ่าย เพื่อเคลียร์ลำไส้ให้โล่งเพื่อเวลาเบ่งคลอดจะได้ไม่เบ่งผิด โดยฉีดคล้ายๆเป็นเจลค่ะเข้าไปสักพักหนึ่งก็จะมวนๆท้องและขับถ่ายออกมาหมด

หลังจากนั้นพยาบาลอีกท่านจะเข้ามาโกนขนบริเวณอวัยวะเพศเพื่อความสะอาด และหลังคลอดจะได้ดูแลแผลง่ายๆค่ะ จุดๆนี้ไม่มีใครอายใครแล้วค่ะ คุณจะชินขาตั้งแต่ตอนโดนคุณหมอตรวจปากมดลูกแล้ว เมื่อโกนขนเสร็จพยาบาลอีกท่านจะเข้ามาเจาะใส่น้ำเกลือ ซึ่งในน้ำเกลือนี้เองที่มีตัวยาข่วยเร่งคลอด ระหว่างนั้นคุณหมอจะเข้ามาตรวจปากมดลูกเรื่อยๆค่ะ และพยาบาลจะเข้ามาวัดชีพจรแม่และลูกเป็นระยะ พร้อมกับถามว่าปวดบีบไหม รู้สึกอย่างไรบ้าง

ช่วงแรกๆนั้นชิวมากค่ะไม่รู้สึกอะไรเลย พอผ่านไปประมาณบ่ายโมงหลังจากคุณหมอพักก็เข้ามาตรวจอีกครั้ง ช่วงนั้นเริ่มปวดบีบเป็นระยะแต่ปวดแบบไม่ทรมานมาก คุณหมอจึงแจ้งว่าจะทำการเจาะน้ำคร่ำแล้วนะ แล้วคุณหมอน่าจะใช้เครื่องมืออะไรสักอย่างเจาะน้ำคร่ำดังโผละ ไม่เจ็บค่ะไม่ต้องกลัวเลย หลังจากเจาะก็จะมีร้ำคร่ำไหลออกมาเยอะมาก หลังจากนั้นคุณหมอก็ออกจากห้องไปค่ะ

หลังจากเจาะน้ำคร่ำแล้วอาการปวดบีบก็จะมากขึ้น พยาบาลก็เข้ามาตรวจชีพจรและหัวเด็กถี่ขึ้น จนกระทั่งอาการปวดเริ่มมาก ตอนนั้นสติไม่อยู่แล้วค่ะ ปวดแบบปวดกระดูกเชิงกรานเนื่องจากลูกจะออกมา ตอนนั้นร้องไห้เหงื่อแตกทรมานมากๆ จึงเรียกพยาบาลเข้ามา พยาบาลก็ล้วงดูปากมดลูกแล้วถามว่าปวดคลอดหรอคะ เราเลยบอกใช่ค่ะร้องดันจะออกแล้วอยากเบ่งแล้วค่ะ แต่พยาบาลบอกว่ายังไม่คลอดนะ ปากมดลูกยังไม่เปิดเลย

เราก็นอนปวดทรมานต่อไปค่ะ จนไม่ไหวแล้วให้เรียกหมอมาตรวจเลย หมอก็ขึ้นมาตรวจปากมดลูกตรวจเสร็จหมอบอกให้รีบย้ายไปห้องคลอดด่วนเลยจะคลอดแล้ว เมื่อมาถึวห้องคลอด คุณหมอจะนัดแนะเรื่องการคลอด คุณหมอจะสั่งให้หยุดร้อง และมองหน้าหมอคุมสติให้ดี ไม่งั้นหมอไม่ทำคลอดให้นะ (ตอนนั้นหยุดร้องเลยค่ะกลัวหมอไม่ทำคลอดให้) แล้วหมอก็นัดแนะว่าถ้าปวดเบ่งให้เบ่งให้สุดแล้วหยุดพัก ถ้าไม่ปวดเบ่งไม่ต้องเบ่ง หลังจากนั้นก็เริ่มค่ะ

เบ่งอยู่นานมาก หมอและพยาบาลก็ช่วยกันเบ่งเต็มที่จนกระทั่งหมอบอกเห็นผมแล้วนะ เบ่งอีกเรื่อยๆนะ
ระหว่างนั้นพยาบาลจะตรวจชีพจรแม่และลูกเกือบจะตลอดเวลาค่ะ สักพักนึงพยายาลแจ้งหมอเรื่องชีพจรลูกไม่รู้ยังไงเหมือนกันค่ะ คุณหมอแจ้งว่าจะใข้คีมช่วยคลอดนะ น้องหงายหน้าออก ทำให้คลอดยาก หลังจากนั้นหมอก็ใช้คีมสอดเพื่อช่วยค่ะโดยจะดึวพร้อมกับที่เราเบ่งคลอด ไม่นานน้องก็ออกมาจากท้องแม่ได้สำเร็จ ร้องแงเสียงดัง ผิวสีแดงชมพู ตัวอ้วนๆหนัก 3440กรัม เวลา 16.37

พยาบาลนำตัวลูกไปทำความสะอาด แล้วเอามาให้แม่หอมลูกทีนึงจึงพาลูกออกไปห้องด้านนอกเนื่องจากห้องคลอดค่อนข้างเย็น

หลังจากนั้นช่วงเย็บแผลคุณหมอแจ้งว่ากำลังเย็บแผลนะถ้าเจ็บให้บอก พูดจบปั้บเจ็บเลยค่ะ แต่หมอแจ้งว่าเย็บจะเสร็จแล้วถ้าฉีดยาชาอีกจะเจ็บตอนฉีดอีกนะ เลยตีดสินใจเย็บสด ซึ่งตอนนั้นไม่เจ็บแล้วค่ะมีความสุขมาก หลังจากนั้นคุณหมอจะให้นอนพักในห้องคลอด 1-2ชม. พอตื่นมาจึงเข็นพาไปที่ห้องพักค่ะ

วันแรกหลังคลอดจะไม่เจ็บแผลเลยเดินนั่งได้ปกติ แต่หลังจากยาชาหมดจะเจ็บไปสักพักใหญ่ๆแต่ก็ไม่มากค่ะ บอกเลยว่าไม่เสียใจเลยที่คลอดเอง แม้จะต้องเร่งคลอดหรือใช้คีมช่วย


ขอจบเพียงเท่านี้นะคะ
เล่าแบบรวบรัดไปหน่อยเพราะเริ่มลืมๆไปบ้างแล้ว
แต่อยากบอกว่าคลอดลูกธรรมชาติไม่น่ากลัวเลยค่ะ
ปลอดภัยกว่าที่คิดเนื่องจากมีอุปกรณ์ช่วยเหลือครบครัน

ขอบคุณค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่