"พาลูกเมียเที่ยว ตอน2" ถ่ายรูปครอบครัว พ่อขอเข้าเฟรม Switzerland วิวเขา Matterhorn ยอดเขา Jungfrau เดินเขา Grindewal


ฝากติดตามที่ Facebook.com/NotAloneDad ครับ
PAGE พาลูกเมียเที่ยว #Notalonedad

สวัสดีครับ วันนี้กลับมาต่อจากกระทู้แรกที่เขียนเล่าเรื่องคนเป็นพ่อพาลูกเมียเที่ยว และถ่ายรูปครอบครัวให้พร้อมหน้า แต่ก็ไปเน้นเรื่องการบ่นกับการซื้อของซะส่วนมาก ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนส่งมาให้ดูว่ากระทู้ถูก “แฉ-ร์”  บน facebook page ของ pantip.com แบบว่าเป็นปรากฏการณ์มากสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เขียนอะไรอย่างผม 555

หลังจากนั้น ก็เห็นมี msg inbox ใน pantip ก็กดเข้าไปดู OHO!!! มีส่งมาว่าได้ pantip pick (ซึ่งผมไม่เคยรู้เลยว่ามีรางวัลแบบนี้อยู่ในโลก 555) พร้อมกับได้พวงกุญแจที่ระลึกมาไว้ในกำมือ ผมนี่ไฟลุกขึ้นมาทันที จากว่าตอนสองรอไปอีกเดือน กลายเป็นว่ามือนี่แทบจะถูกดึงไปติดกับคีย์บอร์ดขึ้นมาทันใด (ถ้าใส่ Facebook status ได้ก็จะใส่ประมาณว่า “Feeling ฮึกเหิม” 555) แต่ติดว่างานเยอะ สุดท้ายกระทู้สองนี้ก็เกินเดือนอยู่ดี

ซองจดหมายส่งมาถึงมือ จาก พันทิป

ตัวนี้ชื่ออะไรไม่รู้ แต่มีแถบ PantipPick คาด อกมา พร้อมหน้าตาแสนทะเล้น

ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ถึงจะงงๆ ว่าอะไรคือ pantip pick แต่เมื่อมีคนชอบที่เราเขียน ก็นะ ถือโอกาสทำเพจขึ้นมา จะได้ไว้แชร์วิธีพาลูกตัวเล็กเที่ยวไปด้วยเลยในทริปต่อไปๆ create page ขึ้นมาวันเดียว มีคนมาตาม เกือบครึ่งพัน ส่วนใหญ่ก็น่าจะเพื่อนๆ ผมนั่นล่ะ เพราะผมเอา post pantip ไป share ใน facebook แถม invite page ไปด้วย(แหม่ โปรโมตตัวเองสุดๆ)

เข้าเรื่องๆ ทริปที่สองมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ Switzerland เมืองแสนสวยในฝันของทุกๆ คน
ต้นเหตุของการไป Swiss รอบนี้ เพราะผมอยากจะไปร่วมงานสัมมนาที่ เมือง ซูริค แต่ตอนนั้นก็คิดแล้วคิดอีกว่าแพงแน่ๆ จะไปดีมั้ย แต่พอหาตั๋ว EasyJet Newcastle-Geneva ก็เจอราคาตั๋วต่อเที่ยวต่อคน ราคา 20 ปอนด์  ของลูกราคาเด็กราคาเดียว 22 ปอนด์ (ถึงขนาดว่าราคาของลูกแพงกว่าเราซะงั้น) ก็เลยจองแบบไม่ต้องคิดมาก พร้อมจ่ายค่ากระเป๋าโหลดอีก 1 ใบ… หาา !!! อะไรนะ สามคนกระเป๋า 1 ใบ.... ใช่ล่ะครับ 1 ใบ ไม่มีบวก ไม่มีลบ ผมกับแฟนเป็นคนง่ายๆ  ส่วนใหญ่เน้นของลูกที่จำเป็นๆ ที่เหลือของเราสองพ่อแม่มีเบียดๆ เข้ากระเป๋านิดเดียวเอง

ตอนไปก็ประมาณเมษาปีที่แล้ว ตอนนั้นลูกก็ 10 เดือนละครับ ความน่ารักก็ยังคงพีคอยู่เช่นเดิม (หลงลูกเหมือนเดิมเช่นกัน) เขียนรอบนี้จะพยายามใส่สาระเพิ่มลงไปบ้าง อะไรบ้าง เดี๋ยวคนจะหาว่ามาเขียนเพ้อเจ้ออย่างเดียว (ก็ภรรเมียอีกนั่นล่ะที่ว่า 555) พอก่อนจะบิน แน่นอนว่าก็ต้องเตรียมจัดกระเป๋า และเรื่องที่สำคัญไม่เป็นสองรองใคร ก็คือการเตรียมของลูกนี่ละครับ เพราะของที่จะเอาขึ้นไปใช้บนเครื่อง รู้ๆ กันอยู่ว่าต้องตามกฎระเบียบของสายการบิน (หรือสนามบิน) ฉะนั้น เวลาผม (จริงๆ คือ เมีย) เตรียมของลูก 10 เดือน ก็ต้องจัดสรรให้ดีว่า อันไหนขึ้น อันไหนโหลดใต้เครื่อง สำหรับทริปนี้ บินแค่ 3 ชั่วโมง ก็ไม่มีอะไรมาก จะเน้นเตรียมแค่

1. อาหารสำเร็จของเด็กสักถุงสองถุง โดยของผมเลือก Ella’s Kitchen มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย ซึ่งผมอยากจะบอกว่า อาหารซองสำเร็จของเมืองไทยหลายๆ ยี่ห้อ (อยากทราบหลังไมค์ได้ครับ) เนี่ย คุณภาพไม่ได้เท่าที่อังกฤษเลย ค่อนข้างเหลว เวลาเด็กกินนี่เหมือนไม่มีกากอาหาร (คหสต)

2. แล้วเวลาขึ้นเครื่องก็ต้องคำนึงถึงลูกด้วยว่าแกจะเบื่อ ก็จะต้องมีของเล่นเด็กสัก 1-2 ชิ้น เน้นชิ้นเล็กๆ ไม่ค่อยมีเสียงไว้ก่อน จะได้ไม่รบกวนคนรอบข้าง  อย่างของผมก็เลือกของเล่นชิ้นเล็กๆ มีซ้อนด้านใน เวลาเขย่าๆ จะมีเสียงเล็กๆ

3. อีกอย่างที่ต้องมีไว้คือ จุกหลอก เพราะว่าเวลาจังหวะที่เครื่อง take off หรือ landing เด็กเล็กๆ แกคงไม่สามารถบอกเราได้เวลาแกหูอื้อ เราก็ต้องให้แกดูดจุกหลอก หรืออีกวิธี จะใช้ขวดน้ำ หรือขวดนมลูกก็ได้

4. ผ้าอ้อม กับ wipe เช็ดตูดเด็ก ก็เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลย อย่างการบินสั้นๆ เนี่ย ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เตรียมเผื่อๆ ได้ แต่ถ้าเป็นการบินข้ามทวีปเนี่ย ต้องเผื่อเหตุไม่คาดคิดไว้ซักนิดนึงนะครับ ผมจำได้ตอนบินจากอังกฤษ ไปไทยรอบนึง ลูกผมกำลังตัวยืด เลยอึเกือบสิบรอบ ผ้าอ้อมเนี่ยเกือบไม่พอเลยทีเดียว ตอนนั้นกังวลมาก แต่สุดท้าย ผืนสุดท้ายรอดมาจนถึงเมืองไทย 555

5. นม อันนี้นี่ขาดไม่ได้เลย ของผมนี่จะง่ายหน่อย เพราะว่าตอนลูกผมเกิด น้ำหนักแกต่ำกว่าเกณฑ์ คุณหมอก็เลยให้กินนมสำเร็จสลับไปกับนมแม่ เนื่องจากนมแม่ไม่มีวิตามิน เค หรือ บี อะไรสักอย่างเนี่ยละ (ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ) ลูกผมก็เลยชินกับการกินทั้งนมแม่ หรือจะนมผงก็ได้ ดังนั้น ปกติ เวลาจะไปเที่ยว ผมก็จะเตรียมนมผงใส่ถุงซิปไว้สองชั้น กันเผื่อชั้นแรกแตกไว้ด้วย แล้วก็เตรียมน้ำไปปริมาณคร่าวๆ แต่อย่างตอนที่แกเด็กมากๆ เนี่ย ผมจะเตรียมนมสำเร็จ ยี่ห้อเดียวกับนมผงที่ลูกผมกินเลยไปด้วย

นมผง โหลดใส่กระเป๋าเดินทางไปเลยกระปุกนึง

นมขวดพร้อมดื่ม

เรื่องนมนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเด็กเล็กๆ ถ้าเราไปเปลี่ยนนมที่แกกิน แกอาจไม่คุ้นชิน และทำให้ท้องเสียได้ ทริปนั้นก็อาจจะหมดสนุกไปเลยนะครับ อย่างของผมก็จะมีนมผมเป็นกระปุกใส่กระเป๋าใบใหญ่โหลดใต้เครื่องไปอีกด้วย (มีโอกาสจะมารีวิวการจัดการะเป๋าและของที่ต้องเอาไปใช้เพิ่มให้อีกที)
แต่กรณีคุณแม่คนไหน ให้นมแม่อยู่ ก็เตรียมนมแม่ตามสมควรเลยครับ เพราะคงแนะนำไม่ได้เนื่องจากปริมาณน้ำนมแม่แต่ละคนไม่เหมือนกัน


6. เสื้อหนาวต้องมีเผื่อไว้ตลอด เพราะเวลาขึ้นเครื่อง อากาศบนเครื่องจะค่อนข้างเย็นกว่าปกติ เราต้องทำให้มั่นใจว่าแกอยู่สบาย หลับสบาย เวลาลงเครื่องจะได้พร้อมเที่ยวทันที แต่อย่าหน้าเกินไปจนลูกขยับตัวไม่สะดวกนะครับ เดี๋ยวอารมณ์ไม่ดี

สาระนิดๆ ก็จบไปแล้ว ก็ต่อด้วยภาพครอบครัวเหมือนเดิมครับ ทริปนี้มีความต่างอย่างหนึ่ง คือ ผมเริ่มคุ้นชินกับการใช้กล้องมากขึ้น ก็เลยได้ถ่ายรูปเป็นระยะๆ ตลอดการเดินทาง  ตอนแรกไปสนามบินก็ไปรอเตรียมขึ้นเครื่อง ซึ่งไฟลท์นี้ถือว่าสบายมาก เพราะคนโล่งเลย จะนั่งตรงไหนก็นั่งได้ ผมเลยได้ถ่ายรูปเล่นบนเครื่องด้วย ช่วยทำให้ลูกผ่อนคลาย (เหรอออออ)

บางคนถามผมลูกงอแงมั้ย?? เวลาอยู่บนเครื่อง ผมบอกได้เลยว่า “ไม่” เลยครับ ลูกผมนี่ขึ้นเครื่องครั้งแรกตอน 2 เดือน บินจากอังกฤษ กลับไทย แล้วก็ตอน 4 เดือนกลับไทยจากอังกฤษ เลยเคยชินกับเครื่องบิน เด็กคนอื่นร้องไห้งอแง นางก็แค่หันไปมองแล้วงงว่าร้องทำไม ... 555

มีครั้งหนึ่ง ตอนบินกลับมาไทยตอน 1 ขวบ เห็นได้ชัดเลยว่าคนนั่งข้างๆ ดูหน้าแกแบบเซงมาก พอรู้ว่าต้องนั่งใกล้กับเด็กเล็ก ... แต่พอลงเครื่องเท่านั้นละครับ หันกลับมาคุยกับแฟนผม บอกว่าน้องเก่งมากเลย ไม่ร้องไห้เลยซักครั้ง ชื่นชมมาก คนเป็นพ่อแม่นี่ proud มาก ขอบอก

ผมเลยอยากจะบอกพ่อแม่ทุกท่านว่าไม่ต้องกังวลเรื่องพาเด็กขึ้นเครื่องตั้งแต่ยังเล็กครับ ผมทำมาแล้ว (ปรึกษาคุณหมอตำแย (Midwife) ที่อังกฤษก่อนบิน แกบอกว่าได้สบาย ไม่เห็นต้องกังวลอะไร) (วีรกรรมพ่อแม่พาเที่ยวตอนอายุสองอาทิตย์ เดี๋ยวมาเล่าต่อวันหลังครับ น่าจะพอมีรูปจากมือถือบ้าง)

เห็นมั้ยครับ นั่งเล่นนั่งหาว ไม่สนใจใคร

ในที่สุดนั่งมา 3 ชม ก็มาถึง Geneva Switzerland ตอนประมาณ 10 โมงเช้า

ตามแผนการวันแรก รับรถแล้วจะรีบขับรถไปที่ Tasch เพื่อขึ้นไปที่เมือง Zermatt ก่อนเลย ก็เลยจัดการเรื่องรถเช่า แล้วก็รีบขับออกมา ผมเลือกที่จะขับรถมากกกว่าการขึ้นรถไฟ ด้วยเหตุผลหลักๆ เลยเพราะมีลูกเป็นเด็กเล็กครับ การจำกัดเวลาต่างๆ ให้กับลูกนั้นเป็นสิ่งที่ผมพยายามอยากจะเลี่ยงให้ได้มากที่สุด ถ้าเค้าเที่ยวเต็มที่แล้วเหนื่อย อยากจะนอนพัก ก็ต้องปล่อยให้นอน ไม่ใช่ว่ารถไฟออกเช้า ต้องรีบเตรียมของ, อาบน้ำ, ป้อนข้าว, ลากกระเป๋า รีบๆไปขึ้นรถไฟ คนเป็นพ่อแม่คงรู้ดี แค่คิดก็นะ “โอ๊ยโอยยย” !!!

ขับออกมาได้สักระยะ ต้องบอกเลยว่า “WOW” (ถึงจะไม่ WOW เท่า Iceland ที่ First impression แบบสุดมาก)แต่ยังไงซะ สวิสเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่สวยมาก และยังคงเป็นที่เที่ยวอันดับหนึ่งในใจของผมเลย (แต่แฟนผมบอกเป็นแค่ที่ 2 เท่านั้น เพราะเธอชอบ Oia, Greece ที่สุด) ระหว่างทางก็จะมีทะเลสาบ Geneve ผมก็ขับเลาะไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปจอดที่จุดๆ หนึ่ง ผมก็จำชื่อเมืองไม่ได้ รู้แต่ว่ามันสวยมากจริงๆ และคิดว่าจะแวะกลับมาตอนขากลับอีกทีหนึ่ง (แต่สุดท้ายกลับคนละทาง T_T)

อยากจะถ่ายรูปครอบครัวสวยๆ บอกให้ภรรเมียเดินลงไปขอบๆ อีก แต่ในเมื่อภรรยาเป็น ผบ. ย่อมไม่ทำตามคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา (ภรรยาบอกว่าอันตรายกลัวพลาดตกน้ำ) มุมที่ได้เลยออกแนวติดต้นไม้ แต่สำหรับผมภาพนี้ ก็ทำให้เราจำทุกการกระทำทุกคำพูดที่เราเถียงกันได้เลยกว่าจะถ่ายได้ภาพ 5555 เถียงแล้วเถียงอีกตามประสา คู่สามีภรรยา ประมาณ “ไม่เถียงเมีย ก็ไม่รู้จะไม่เถียงกับใคร”



แวะดูของตามร้านค้าต่างๆ แล้วก็ออกเดินทางต่อยาวเลยครับ ถ้าจำไม่ผิดเดินทางร่วม 3 ชม. กว่าๆ ก็มาถึงที่สถานีรถไฟที่จะขึ้นไปหมู่บ้าน Zermatt มีเวลาว่างก็แชะภาพครอบครัวกันสักภาพ แต่ดูหน้าเนีย (ลูกผม) อย่างเซ็ง ต้องนั่งรอในรถเข็น แล้วตอนนั้นไม่ยอมมองกล้องเพราะมองคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ครับเพราะเห็นกำลังถ่ายรูปเฮฮาปาจิงโกะ แต่พอเนียได้ออกจากรถเข็นแล้วขึ้นรถไฟ ได้เห็นวิว คราวนี้ก็ดี๊ด๊าเลยครับ


อยากกินของแม่

กำลังมองนักท่องเที่ยวไทยเซลฟี่กับรถไฟ

ได้ออกจากรถเข็น แล้วก็ได้กินสมใจมีความสุขขึ้นมาทันใด

เพลิดเพลินไปกับการดูวิวข้างนอก

ลงจากรถไฟ ก็ตรงไปโรงแรมที่จองไว้ แต่พอไปถึงโรงแรมบอกว่าห้องเต็ม ให้ไปที่โรงแรมในเครือของโรงแรมอีกที่หนึ่ง (ตอนแรกก็เคือง แต่เมืองมันสวย ช่วยไม่ได้ ก็ตามๆ ไป) โดยทางโรงแรมจะพานั่งรถไป เป็นรถกระป๋องคันเล็กๆ ก็ได้ประสบการณ์น่ารักๆ ไปอีกแบบ (ถ้าไม่มาเขียนในพันทิป ผมก็ลืมไปแล้วว่าได้นั่ง)

รถขับมาถึง ก็เข้าที่พัก check-in เสร็จเรียบร้อย ลูกสาวก็ผล็อยหลับไปบนรถเข็นเรียบร้อย ก็เลยออกไปเดินเล่นถ่ายรูปให้แฟนรอบเมืองเลย แต่อย่างว่าลูกหลับ ผมเลยขี้เกียจตั้งขากล้องถ่ายภาพครอบครัว ถ่ายให้ภรรเมียคนเดียวพอ ก็เลยข้ามข่วงนี้ไปเลยละกัน (ภรรยาบอกตลอด ตั้งแต่มีลูกนี่ไม่เคยเห็นหัวภรรยาอีกเลย 555) แต่ถ้าใครอยากเห็นบรรยากาศเมือง Zermatt ดูที่ Comment 4 ครับ https://pantip.com/topic/36550821/comment4

ระหว่างวันบังเอิญเพื่อนสมัยเรียน ม.ปลาย check-in อยู่ที่ Zermatt วันเดียวกันพอดี (โลกกลมแท้) เห็นว่าพา ผบ. สดๆ ร้อนๆ มา Honeymoon ผมก็เลยนัดเจอกันกินข้าวเย็นกัน แล้วว่าจะขึ้นไปดู Matterhorn ด้วยกันวันพรุ่งนี้  ส่วนลูกผม ไปอยู่กับใครก็อยู่ได้ ไม่งอแง น่าจะเพราะว่าพาเที่ยวบ่อย เจอคนใหม่ๆ บ่อย ได้พูดคุยทักทายตลอด วันแรกกินข้าวเสร็จก็พักผ่อนครับ เตรียมลุยหนักวันพรุ่งนี้ต่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่