Bank of America Merrill Lynch มีการออกบทวิจัยพบว่า เงินทุนไหลเข้าไปลงทุนตราสารหนี้ในสหรัฐฯ สัปดาห์ที่แล้ว สูงถึง $9.86 billion ซึ่งนับเป็นการไหลเข้ารายสัปดาห์สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2015 ทีเดียว
เมื่อเข้าไปดูการไหลเข้า พบว่าเกือบครึ่งหรือ $4.9 billion เป็นเงินไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนประเภท high-grade corporate bonds
ถ้าไปดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จุดที่ Yield พุ่งขึ้นไปสูงสุดปีนี้คือช่วงเดือน มี.ค. โดย US Treasury Yield 10yr เคยแตะระดับที่ 2.6258% ส่วน US Treasury Yield 30yr เคยแตะระดับที่ 3.2122% แต่เมื่อคืนนี้ อยู่ที่ 2.20% และ 2.85%
แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมองว่า การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ น่าจะยังเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป และที่ตลาดเคยกังวลว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารของนายทรัมป์ นโยบายแบบประชานิยม จะทำให้การลงทุนสูงขึ้น เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีนโยบายอะไรออกมาให้เห็น
ซึ่งมันก็สะท้อนมาที่ Inflation Expectation โดยดูได้จาก 5-Year Forward Inflation Expectation Rate ของ เฟดสาขา St. Louis ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 1.87% ต่ำกว่า Target ของเฟดที่ตั้งไว้ที่ 2%
จากข้อมูลที่เห็น ผมจึงสรุปได้ว่า สาเหตุคือ นักลงทุนในตลาดคาดหวังว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น ถี่ขึ้น จากหลายๆความคาดหวังทั้งบนพื้นฐานของเศรษฐกิจ และนโยบายของภาครัฐฯ ที่น่าจะกำลังเปลี่ยนไป แต่ผ่านมาครึ่งปี กลับพบว่า ความคาดหวังเหล่านั้นมีน้อยลงนั้นเอง
สภาวะเศรษฐกิจภาพรวมเป็นแบบนี้ นักเศรษฐศาสตร์ ให้นิยามว่า อยู่ในช่วง Goldilocks economy ก็คือ ภาวะที่เศรษฐกิจโตอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ร้อนแรงจนเกิดฟองสบู่ ไม่ซึมจนเกิดภาวะถดถอย การว่างงานอยู่ในระดับต่ำ เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเอื้อให้เงินลงทุนยังไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ ... ดังนั้น เราจึงยังเห็นตลาดหุ้นสหรัฐฯทำ All Time High เรื่อยๆ รวมถึงตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพดี (investment Grade ทั้งหลาย)
หากมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเป็นเช่นนี้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยก็จะเป็นการขึ้นแบบช้าๆต่อไปอีกระยะ ก็จะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่าง หุ้น และตราสารหนี้ภาคเอกชน มีเงินทุนไหลเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ควรติดตามในส่วนของ Fundamental และ Valuation ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมแก่การลงทุนหรือไม่ ประกอบกับการวิเคราะห์ในมุมของ Fund Flow ควบคู่ไปด้วย
ซึ่ง ณ ตอนนี้ ที่เห็น S&P500 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่กลับพบว่า เริ่มมี Fund Flow ขายสุทธิในตลาดสหรัฐฯ $360 million ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับเงินทุนที่ไหลเข้าตราสารหนี้อยู่ ขณะที่ค่าเงิน USD อยู่ในแนวโน้มอ่อนค่ามาต่อเนื่อง สะท้อนเงินทุนไหลออก แต่มุมมองก็อาจเปลี่ยนไปหลังจากเลือกตั้งที่อังกฤษ เมื่อไม่มีพรรคใดได้คะแนนเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล เกิดเป็นความไม่แน่นอนในยุโรปขึ้นมาอีกครั้ง และน่าจะทำให้ค่าเงิน EUR อ่อนค่า อย่างน้อยๆก็ในระยะสั้นๆ ซึ่งจะเป็นผลบวกกับ USD เช่นเดียวกัน
แหล่งข้อมูล :-
BISNEWS
https://www.bloomberg.com/asia
http://www.marketwatch.com
https://fred.stlouisfed.org/series/T5YIFR
https://tradingeconomics.com/
คำเตือน
• การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันผลการดำเนินในอนาคต
• การนำเสนอข้อมูลข้างต้น มิใช่การให้คำแนะนำการลงทุน
• การลงทุนใดๆ ต้องเกิดจากการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจลงทุน บนความเสี่ยงที่รับได้ของนักลงทุนเอง
• ทางผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียในทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ข้อมูลข้างต้น
----------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ
$$... ใครก็รู้ว่าดอกเบี้ยจะขึ้น แต่เงินทุนยังไหลเข้า Bond เพราะอะไร ...$$
Bank of America Merrill Lynch มีการออกบทวิจัยพบว่า เงินทุนไหลเข้าไปลงทุนตราสารหนี้ในสหรัฐฯ สัปดาห์ที่แล้ว สูงถึง $9.86 billion ซึ่งนับเป็นการไหลเข้ารายสัปดาห์สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2015 ทีเดียว
เมื่อเข้าไปดูการไหลเข้า พบว่าเกือบครึ่งหรือ $4.9 billion เป็นเงินไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนประเภท high-grade corporate bonds
ถ้าไปดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จุดที่ Yield พุ่งขึ้นไปสูงสุดปีนี้คือช่วงเดือน มี.ค. โดย US Treasury Yield 10yr เคยแตะระดับที่ 2.6258% ส่วน US Treasury Yield 30yr เคยแตะระดับที่ 3.2122% แต่เมื่อคืนนี้ อยู่ที่ 2.20% และ 2.85%
แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมองว่า การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ น่าจะยังเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป และที่ตลาดเคยกังวลว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารของนายทรัมป์ นโยบายแบบประชานิยม จะทำให้การลงทุนสูงขึ้น เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีนโยบายอะไรออกมาให้เห็น
ซึ่งมันก็สะท้อนมาที่ Inflation Expectation โดยดูได้จาก 5-Year Forward Inflation Expectation Rate ของ เฟดสาขา St. Louis ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 1.87% ต่ำกว่า Target ของเฟดที่ตั้งไว้ที่ 2%
จากข้อมูลที่เห็น ผมจึงสรุปได้ว่า สาเหตุคือ นักลงทุนในตลาดคาดหวังว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น ถี่ขึ้น จากหลายๆความคาดหวังทั้งบนพื้นฐานของเศรษฐกิจ และนโยบายของภาครัฐฯ ที่น่าจะกำลังเปลี่ยนไป แต่ผ่านมาครึ่งปี กลับพบว่า ความคาดหวังเหล่านั้นมีน้อยลงนั้นเอง
สภาวะเศรษฐกิจภาพรวมเป็นแบบนี้ นักเศรษฐศาสตร์ ให้นิยามว่า อยู่ในช่วง Goldilocks economy ก็คือ ภาวะที่เศรษฐกิจโตอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ร้อนแรงจนเกิดฟองสบู่ ไม่ซึมจนเกิดภาวะถดถอย การว่างงานอยู่ในระดับต่ำ เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเอื้อให้เงินลงทุนยังไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ ... ดังนั้น เราจึงยังเห็นตลาดหุ้นสหรัฐฯทำ All Time High เรื่อยๆ รวมถึงตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพดี (investment Grade ทั้งหลาย)
หากมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเป็นเช่นนี้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยก็จะเป็นการขึ้นแบบช้าๆต่อไปอีกระยะ ก็จะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่าง หุ้น และตราสารหนี้ภาคเอกชน มีเงินทุนไหลเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ควรติดตามในส่วนของ Fundamental และ Valuation ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมแก่การลงทุนหรือไม่ ประกอบกับการวิเคราะห์ในมุมของ Fund Flow ควบคู่ไปด้วย
ซึ่ง ณ ตอนนี้ ที่เห็น S&P500 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่กลับพบว่า เริ่มมี Fund Flow ขายสุทธิในตลาดสหรัฐฯ $360 million ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับเงินทุนที่ไหลเข้าตราสารหนี้อยู่ ขณะที่ค่าเงิน USD อยู่ในแนวโน้มอ่อนค่ามาต่อเนื่อง สะท้อนเงินทุนไหลออก แต่มุมมองก็อาจเปลี่ยนไปหลังจากเลือกตั้งที่อังกฤษ เมื่อไม่มีพรรคใดได้คะแนนเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล เกิดเป็นความไม่แน่นอนในยุโรปขึ้นมาอีกครั้ง และน่าจะทำให้ค่าเงิน EUR อ่อนค่า อย่างน้อยๆก็ในระยะสั้นๆ ซึ่งจะเป็นผลบวกกับ USD เช่นเดียวกัน
แหล่งข้อมูล :-
BISNEWS
https://www.bloomberg.com/asia
http://www.marketwatch.com
https://fred.stlouisfed.org/series/T5YIFR
https://tradingeconomics.com/
คำเตือน
• การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันผลการดำเนินในอนาคต
• การนำเสนอข้อมูลข้างต้น มิใช่การให้คำแนะนำการลงทุน
• การลงทุนใดๆ ต้องเกิดจากการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจลงทุน บนความเสี่ยงที่รับได้ของนักลงทุนเอง
• ทางผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิ์ ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียในทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ข้อมูลข้างต้น
----------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ