Bromo-Kawah Ijen "เหนื่อยนรก แต่สวยสวรรค์"

"เหนื่อยนรก แต่สวยสวรรค์" ถ้าคุณได้ยินคำนี้ คุณจะไปเที่ยวมั้ยครับ ดูให้จบแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายครับ
ทริปนี้เดินทาง 10-14 พ.ค. 60
ฝากกด like FB fan page หมอผ่าตัดพาแฟนหนีเที่ยว ด้วยนะครับ

10 พ.ค. 60 12.50-15.00 เริ่มต้นเดินทาง ดอนเมือง ไปต่อเครื่องที่ กัวลาลัมเปอร์
10 พ.ค. 60 19.35-21.00 แล้วถึงจะมีเครื่องบินตรงไปลง สุราบายาได้ ที่ต้องไปแบบนี้เพราะไม่มีไฟล์ทตรงจากดอนเมืองไปลงสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้ที่สุดที่จะเดินทางไปสู่ Bromo สวรรค์ของเรา
10 พ.ค. 60 21.00-03.00 มีไกด์มารอรับพร้อมนั่งรถอันยาวนานฝ่าสมรภูมิรถติด หลับๆตื่นๆบนรถ สภาพถนนไม่ได้สวยหรูเหมือนทางหลวงบ้านเรา พอหลับได้ยาวไป จนไปถึง รร ที่พักใกล้ Bromo check in เก็บของเปลี่ยนชุดเตรียมรับความหนาวเย็น

11 พ.ค. 60 03.30-05.30 เดินทางโดยรถ Jeep นั่งเบียดกันสุดๆในสภาพแทวหลัง 5 คน เบียดนิดๆ กระแทกหนักๆ ถนนลูกรัง เนินระนาด หลุม บ่อ มีทุกรูปแบบ รอบๆมืดสนิท เด้งตลอดทาง ขับขึ้นเขาสูงชัน เสียวไปอีก เพื่อไปเจอวิวสวรรค์ ให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น ตามรูป
11 พ.ค. 60 05.30-10.30 ตระเวนเที่ยวตั้งแต่จุดชมวิว ไล่ลงไปพื้นราบ ขี่ม้าเพื่อไปยังปากปล่อง Bromo ทุ่งหญ้าสะวันนา ทรายกระซิบ ตามไปชมที่รูปอีกทีนะครับ
11 พ.ค. 60 10.30-11.30 กินข้าวเช้ากับเที่ยงไปเลย แล้วรีบ check out ฟังไม่ผิดครับ ยังไม่ได้นอนเลย check out ละหรอ แปลกแต่จริง ย้ายของไป รร ใกล้ๆกันครับ เดินไป 50 m
11 พ.ค. 60 11.30-17.00 เดินทางออกจาก รร ไปชมน้ำตก Madakaripura ใช้เวลาเดินทาง . 2 hr อยู่บนรถอีกแล้ว ระหว่างทางกลับ ก้อหาของทานเป็นมื้อเย็นเป็นร้านอาหารพื้นบ้านของเค้าทานก่อนกลับ ไปนอนสลบที่ รร ก่อนออกเดินทางแต่เช้าอีกครั้ง

12 พ.ค. 60 04.00-07.30 ตื่นเพื่อออกเดินทางไปจุดชมวิวจุดที่ 2 จุดนี้จะใกล้กว่า ต่ำกว่า คนไม่เยอะมาก แต่ก้อได้เห็นอีกวิวของสวรรค์แห่งนี้
12 พ.ค. 60 09.00-16.00 กี่ ชม นับกันเองนะครับ เพื่อเดินทางออกจาก Bromo สู่ Kawah Ijen กันครับ เหนื่อยก้อตอนอยู่บนรถเนี่ยละครับ หลับแล้วหลับอีก ตื่นมาก้อยังไม่ถึงสักที เมื่อยไปหมดแล้ว
12 พ.ค. 60 16.00-17.30 พอถึง รร ใกล้ทางขึ้น Ijen แวะชมน้ำตกรอบๆ รร เป็นการยืดเส้นยืดสายกันหน่อย ก่อนเตรียมเก็บแรงเดินขึ้นเขาอันไกลในวันพรุ่งนี้ 12 พ.ค. 60 18.00-01.00 เก็บของเข้าห้องพักกัน แล้วหยิบมาม่าออกมากินเป็นมื้อเย็นครับ อร่อยที่สุดแล้วมาม่าบ้านเรา ไกด์กินยังบอกอร่อยกว่าของบ้านเค้าเลยอ่ะ กินเสร็จรีบนอนเก็บแรงนะครับต้องตื่นตี 1 ปล.ที่นี่มีกระเป๋าคนไทยโดนขโมยด้วยนะครับ เก็บของกันให้ดีๆนะครับ

13 พ.ค. 60 01.00-01.30 ทุกคนทั้ง รร ออกเดินทางพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย อย่างกะมาด้วยกันอ่ะ ไปถึงตีนเขาก่อนเตรียมเดินขึ้นเขากัน เจอกัน Ijen
13 พ.ค. 60 02.00-04.30 เวลาเดินทางอันยาวนานและแสนเหนื่อย เหนื่อยจริงๆ
13 พ.ค. 60 04.30-06.30 นั่งชม blue flame รอพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ ก่อนเดินลงกันอีก
13 พ.ค. 60 06.30-08.00 เดินลงไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไรปล่อยไหล ปล่อยไหลไปเลย
13 พ.ค. 60 08.30-10.00 เดินทางต่อเพื่อไปท่าเรือเพราะเราต้องไปต่อเรือไปบาหลี เพื่อไปเที่ยวบาหลีกันต่อนิดหน่อย แต่จริงๆก้อเพื่อจะไปขึ้นเครื่องกลับนั่นละครับ ดีกว่านั่งย้อนกลับไปขึ้นสุราบายา ขอเที่ยวบาหลีนิดนึง
สรุปค่าใช้จ่าย จนจบทริปที่กล่าวมานะครับ ไม่รวมบาหลีนะ ค่าไกด์ รวมทุกอย่างยกเว้นค่ากินระหว่างทางนะครับ ย้ำว่าทุกอย่างจริงๆที่เราได้กล่าวมา 11.5 ล้านรูเปียส / 5 คน = 2.3ล้านต่อคน เงินไทยก้อคนละ 6210 บาทครับสำหรับทริปนี้

ไปดูรูปกันเถอะ เยอะไปนิดนะครับ แต่ก้อเพื่อการตัดสินใจของท่าน
รูปสำหรับการเดินทางวันแรกครับ
ชื่อ รร ที่เราไปพักกันคืนแรก
ถ่ายยังไงก้อสวยครับบนนี้ กล้องไรเห็นเค้าถ่ายกันสวยหมดเลย มาถ่ายครับไม่ต้องกลัวได้รูปสวยๆกลับไปแน่นอนทริคมีอยู่ว่าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นคนจะเยอะมากมาย หามุมเก็บรูปวิวอย่างเดียวไปก่อนครับ รูปหมู่รูปเดี่ยวรอแปปครับ เดี่ยวคนก้อจะทยอยไปกันละเพราะเค้ามากับทัวร์ใหญ่มีเวลาตายตัวรีบไปต่อที่อื่น แล้วเราก้อจะได้รูปหมู หมู่ สวยๆจากรูป ด้านซ้ายคือฝั่ง รร ที่พักด้านขวาคือ Bromo and Batok พร้อมทะเลหมอกสวยๆ ตรงทะเลหมอกนั่นละครับที่เราจะลงไปเที่ยวกันต่อเพื่อเดินขึ้นปล่อง Bromo ขี่ม้ารอ รอ รอ จนคนน้อยหน่อยก้อถ่ายรูปกับเจ้า Bromo สวยๆได้สบายๆครับดูจากภาพมุมสูงนะครับ พระอาทิตย์กำลังขึ้นฝั่งซ้าย ด้านขวาที่มีคนยืนเป็นจุดชมวิวอีกจุดที่สูงกว่าพวกเรายืนอยู่ ลองไปกันได้นะครับ อาจจะได้วิวถ่ายอีกแบบ เดินไปอีกประมาณ 5 นาทีลงมาพื้นราบ เราจะอยู่ในทะเลหมอกกันครับ จะเห็นได้จากด้านหลังพวกเราเป็นหมอกหนามาก เพื่อเตรียมเดินไปปากปล่อง Bromo กันครับ ทริคตรงนี้ขอบอกว่าบอกไกด์เลยเราจะถ่ายรูปสวยๆบนม้ากันก่อน ไม่ต้องรีบพาเราเดินไปเด็ดขาด ถ่ายไม่เสร็จเราไม่ไป แต่อย่านานเกินไปนะครับ เพราะพวกเราไม่ได้บอก เลยได้รูปหมู่มาแค่เนี่ย เสียดายเหมือนกันถ่ายไปก้อกลัวตกไปด้วย ที่คิดไว้ก่อนมาคือ ถ่ายบนม้าคงไม่ยากเท่าไร สรุปยากมาก กล้องมันหนัก ม้าไม่ใช่รถ มันกระดกตลอดทุกก้าว อย่างคาดหวังมากบนหลังม้านะครับ ใครเทพก้อลองดูนะครับข้างหลังพวกเราคือ เขา Batok ครับ มาดูใกล้ๆกันแบบนี้เลยครับ สวยเชียว ถ่ายรูปหมู หมู่กันสักหน่อย สรุปรูปบนม้ามีไม่มาก มาได้แถวนี้แทนรักนะ Batokมาแถวนี้ผมให้ Batok เป็นพระเอกไปเลย ยิ่งดูยิ่งสวยไปอีกแบบ ตัดกับทะเลหมอกพอดีเลย จะเห็นทางขึ้นอันสูงชัน การขึ้นมาครั้งนี้ทำให้รู้เลยว่าเป็นคนกลัวความสูงระดับนึงเลยทีเดียว ทางชันมาก ชันไม่พอทางขึ้นกะทางลงคนกะเบียดกันอีกจะตกเขาเอา แต่ก้อรอดมาอยู่ขอบปล่องได้แบบงงๆ จนได้รูปนี้มาเดินขึ้นมาเพื่อมาดูมันเนี่ยแหละ ถึงแล้วปากปล่องภูเขาไฟ Bromo เย้ มาเถอะครับ คุณจะเห็นอะไรสวยๆแบบนี้แค่ก้าวผิดก้าวเดียวก้อตกแล้วอ่ะครับ ผมนี้ใจสั่นเลยทีเดียว ไม่ค่อยอยากถ่ายรูปเลยบนนี้ได้แต่ฝากความหวังให้คนอื่นเดินต่อไปเราจะสนับสนุนอยู่ห่างๆแบบนี้ตลอดไป เหอๆค่าม้าเนี่ย สำหรับทริปเราจ่ายแบบไปกลับ แต่ไปๆมาๆ มันพาเราขึ้นไปส่งแล้วไม่รอรรับเรา บอกว่าถ้าจะลงจ่ายตังเพิ่มนะ เราก้อไม่เอาสิเดินก้อได้งั้นอ่ะ เลยเก็บวิวสาวๆมาแทน พอมาคุยกับไกด์สรุปเค้าโกงเรา ไกด์แสนดีของเราไปเอาเงินมาคืนให้ด้วยน่ารักมากๆอ่ะไปกันต่อครับ ทุ่งหญ้าสะวันน่า ถ่ายกันไปยาวๆ ถือเป็นที่พักออมแรงก่อนเดินทางกลับ หลังจากออกเดินทางแต่เช้ามืดครับ หิวก้อกินมาม่ากันได้ครับ อากาศตรงนี้เย็นสบายมาก คนที่ 6 ในรูปคือไกด์ของเราเองครับหญ้าสีเขียวตัดกับม้าสีขาวหลังท้องฟ้าสีฟ้า สวยจริงๆ ความน่ารักของไกด์ หลังจากเอาเงินคืนที่เค้าไม่รอเราจากตอนขี่ม้สขึ้น Bromo ไกด์เลยเอาเงินนั้นมาเช่าม้าให้เราถ่ายรูปที่นี่แทนใครมีเท่าไรก้อโพสต์กันให้เต็มที่ไปเลยครับ ก่อนกลับ รร แล้วที่นี่เปลี่ยนชุดมาเลยครับ ขาสั้นรองเท้าแตะ ได้เต็มที่อย่าลืมเสื้อกันฝนนะครับ เพราะจะเปียกเวลาเดินมาถึงครับ น้ำตกมันไหลมาจากข้างบน เจอลมพัดกลายเป็นฝนดีๆนี่เองละครับเปียก เปียก และก้อเปียก เย็นสบายไปอีกแบบ แต่ที่นี่ไม่มีจุดเล่นน้ำนะครับ เป็นการเดินชมธรรมชาตินะครับที่นี่พอมาถึงจะต้องนั่งรถมอเตอร์ไซค์เข้ามา แล้วค่อยต่อด้วยทางเดินเท้า อีก 1.3 กิโลเมตร กว่าจะมาถึงจุดไกลสุด ณ จุดจุดนี้

พักก่อนพรุ่งนี้มาลงรูปวันที่สองกันต่อนะครับ