กระทู้นี้เป็นการรีวิวสถานที่ที่ได้ไปเยือน เราไม่ใช่ผู้ชำนาญในการเดินทาง และนี่คือการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเราและเป็นการเขียนไดอารี่ผ่านกระทู้ครั้งแรก หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ^--^
เอาละค่าาา มาเข้าเรื่องกันเถอะ ทริปนี้เป็นทริปกะทันหัน ไม่ได้ศึกษาอะไรมากมาย เพราะโชคดีที่เรามีเพื่อนที่อยู่สิงคโปร์ เรื่องที่พักเลยหายห่วง รู้แต่ว่าประเทศนี้ปลอดภัยและมีกฏระเบียบที่เคร่งครัด ถ้าทำผิดกฏเขาจะปรับๆๆๆเราอย่างเดียว แล้วค่าปรับก็แพงเอาการด้วยซิ ก่อนจะไปก็ต้องศึกษาเรื่องข้อห้ามของที่นี่ดีๆนะคะ ส่วนเรื่องอากาศก็ถามเพื่อนเอาค่ะ เพื่อนบอกร้อนนะ พอๆกับเมืองไทย เราก็เลยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเสื้อผ้ามาก คิดว่าก็คงใส่เหมือนตอนอยู่บ้านเรานั่นแหละ เพิ่มอีกเรื่องคือปลั๊กไฟ ที่นี่สามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าจากบ้านเราได้ค่ะ เพียงแต่ว่ารูปลั๊กไฟของสิงคโปร์จะเป็นปลั๊ก 3 ขา รูเหลี่ยมแบบประเทศอังกฤษ เลยต้องมีตัว Adaptor แปลงรูปลั๊ก ถึงจะเสียบใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าของเราได้ ซึ่งก่อนไปก็หาซื้อได้ตามห้างหรือร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปได้เลยค่ะ ส่วนช่วงเวลาที่เราไปคือปลายเดือนกันยายน2016 ค่าาาา
DAY : 1
เราเลือกเดินทางช่วงบ่ายๆ ไปถึงสิงคโปร์ก็ประมาณ 6โมงเย็นแล้ว ใช้เวลาเดินทางจากไทยประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ และเวลาที่นี่จะเร็วกว่าไทยประมาณ 1ชม. ตอนแรกคิดว่าไว้ค่อยเที่ยววันถัดไปดีกว่า แต่เพื่อนบอกว่า เวลานี้ก็เที่ยวได้ นางเลยพาไปที่ Clarke Quay ค่ะ การเดินทางเราเดินทางโดย MRT มาลงสถานี Clarke Quay (North East Line สายสีม่วง) ออก EXIT G อ้อ! มีเรื่องนึงที่ควรรู้คือคนที่นี่เวลาขึ้นลงบันไดถ้าเราไม่รีบให้เรายืนชิดซ้ายไว้ ทางด้านขวามือจะเป็นสำหรับคนที่รีบเดินค่ะ อีกอย่างที่สำคัญคือที่นี่มีกฏห้ามถ่ายรูปคนเดินทางตามรถไฟฟ้าด้วยนะคะ พอมาถึงเราก็มาซื้อบัตร Singapore River Cruise เพื่อนั่งเรือชมวิวของแม่น้ำสิงคโปร์และย่านมาริน่าเบย์ ขออภัยถ้ารูปไม่ชัด เพราะอยู่บนเรือและยังไม่ได้เซทกล้องเตรียมเอาไว้ บวกกับความมือสั่นไม่รู้ตื่นเต้นอะไร รูปเลยออกมาชัดบ้างไม่ชัดบ้าง แต่ส่วนมากที่ถ่ายมาคือไม่ชัดเลยยยยย เสียใจมาก T^T
พอชมวิวเสร็จเราก็เดินหาร้านอาหารแถวท่าเรือ Clarke Quay แถวนี้คึกคักเพราะเต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์เต็มไปหมด สุดท้ายเราก็จบด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Tomo Izakaya ที่อยู่ริมแม่น้ำ และนั่งดื่มค็อกเทลเม๊ามอยยันร้านปิด สำหรับเราอาหารร้านนี้รสชาติและวัตถุดิบถือว่าดีเลยค่ะ
DAY : 2
ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่ชิวมากกก ที่ชิวนี่คือตื่นสาย กิจกรรมหรือสถานที่เที่ยวเลยอาจไม่ได้เต็มแม็กเหมือนที่คนอื่นได้ทำ เราถือว่าไปเที่ยวพักผ่อน ชิวๆ ถ้ามีเวลาไว้วันหลังค่อยมาใหม่ก็ไม่สาย อิอิ
สำหรับวันนี้เราจะไปเกาะ Santosa กันค่ะ ก่อนไปเราต้องเพิ่มพลังท้องก่อน เราหาร้านทานข้าวที่ใกล้ที่พัก นั่นก็คือถนน Joo Chiat นั่นเอง ย่านนี้บอกก่อนว่าเป็นย่านหมู่บ้านชาวมาเลย์นะคะ ดังนั้นถนนเส้นนี้ก็จะเต็มไปด้วยร้านอาหาร ซึ่งเท่าที่เราสังเกตด้วยตาจะมีทั้งอาหาร เวียดนาม อินเดีย จีน มาเลย์ (บอกเลยย่านนี้สายกินห้ามพลาดค่าาา) สำหรับวันนี้เราเลือกทานเบาๆที่ร้าน San He Teochew Porridge ค่ะ เราสั่งกับข้าวมากินกับข้าวต้ม หรือที่คนไทยเรียกว่าข้าวต้มกุ๊ย เราว่าร้านนี้อร่อยเลยแหละ เมื่อเทียบกับคนแบบเราที่ชอบทานรสจัด แล้วสามารถทานอาหารร้านนี้ได้หมด ถือว่าผ่านค่าาาา
พอทานข้าวเสร็จเราก็เดินไปขึ้นรถเมล์เพื่อจะไปเกาะ Santosa ต้องบอกจริงๆว่าบ้านเมืองเขาเป็นระเบียบมาก ถึงเราจะเจอคนที่ท่าทางดูน่ากลัว แต่เราก็เดินผ่านเขาได้สบายๆเพราะมั่นใจกฏหมายของประเทศนี้ได้เลย แถมไม่ต้องมาอารมณ์เสียเรื่องกลิ่นบุหรี่หรือรอยน้ำลายตามทาง เพราะไม่มีใครกล้าถ่มน้ำลายตามถนนหรือสูบบุหรี่นอกโซนที่เขาจัดให้ ถ้ากล้าก้อโดนปรับหลายดอลล่าเลยแหละ
เอาหละเรามาดูรถเมล์บ้านเขาดีกว่า รถเมล์ที่นี่เหมือนรถทัวร์บ้านเราเลยค่ะ บางสายก็มีชั้นเดียว บางสายก็เป็นสองชั้น แต่ที่ชอบคือติดแอร์จ้าาาาา สำหรับรถเมล์สายที่ผ่านไป Sentosa คือ 65, 80, 93, 188, 855, 10, 30, 97, 100, 131, 143, 145, 166 เลือกดูนะคะว่าป้ายรถเมล์ที่ขึ้นมีสายอะไรผ่านบ้าง นั่งไปเรื่อยๆก็ไปลงที่ป้าย Telok Blangah Road หรือ VivoCity นั่นเองค่ะ
จากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้น 3ได้เลยค่าาา แต่สำหรับเรากว่าจะมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว เราเลยเลือกที่จะนั่งรถไฟ Sentosa Express ไปลง Beach Station จะบอกว่าวันนี้แต่งตัวไปเต็มที่ ชุดเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น แต่โอ้แม่เจ้า ร้อนมากกกกก บอกเลยค่ะ ร้อนจนหน้าเมือกเลยทีเดียว นึกถึงเวลาร้อนแบบฝนจะตกซิคะ อบอ้าวแบบนั้นเลยค่าาาาา เลือกได้นี่อยากกระชากเสื้อตัวเองออกให้เหลือแต่เสื้อใน อิอิ ล้อเล่นนะคะ ฮ่าๆๆๆ พอลงจากสถานีไม่ทันไรก็จริงเลยค่ะ ฝนตกซ่าาาาาา ก็เลยต้องพักหลบฝนกันไป ระหว่างนั่งกินไอติมรอก็มีเจ้านี่มาเล่นด้วยค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ไปเล่นเครื่องเล่น Luge & Skyride เสร็จก็มาเดินเล่นที่ชายหาดของเกาะ เดินมาเรื่อยๆก็เจอร้านชื่อ Bikini Bay เลยแวะจิบเบียร์แก้กระหายสักหน่อย จะบอกว่าสาวเสริฟที่นี่ใส่บิกินี่จริงๆด้วย ใครอยากเห็นก็แวะมาดูของจริงกันเองนะ พอดีไฟล์ภาพหายไปไหนไม่รู้ อิอิ
จากนั้นเราก็เดินเล่นตามชายหาดมาเรื่อยๆ เอาจริงๆชายหาดที่นี่เป็นชายหาดที่ถูกสร้างขึ้น ถ้าจะให้สวยเหมือนของจริงแบบบ้านเราคงเป็นไปไม่ได้ แต่ชายหาดที่นี่ถือว่าสะอาดกว่าบางหาดในบ้านเรา และถือว่าทำออกมาดีด้วย พอมาถึงตรงนี้ บอกเลยเหนื่อยมากกกก เหนื่อยแดด เหนื่อยความร้อน เลยไม่ค่อยมีอารมณ์ถ่ายรูปเท่าไหร่ ถ่ายมาก็เบลออีกตามเคย ฮี่ๆ



ต่อจากนั้นเราก็นั่ง Skyride ข้ามไปเล่น 4D AdventureLand แนะนำว่าถ้าไปถึงแล้วควรไปเล่นน้าาา สนุกดีค่า ส่วนนี่คือวิวตอนนั่ง Skyride ค่ะ
พอเสร็จจาก 4D ก็มาบ๊ายบายเจ้าสิงโตยักษ์ค่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางโดย MRT ไปที่ Clarke Quay แถวนั้นจะมีอุโมงค์ศิลปะภาพวาดด้วยค่ะ สวยมากมากกกก ตอนแรกตั้งใจอยากไปถ่ายรูปเต็มที่ แต่ความเหนื่อยก็เป็นอุปสรรค ดูได้จากภาพที่ถ่ายแล้วเอียงงงงงไปไหน นี่ขนาดปรับแล้วนะเนี่ย (- - “ )
ต่อจากนั้นเราก็เดินไปหม่ำข้าวเย็นที่ร้าน Song Fa Bak Kut Teh ร้านนี้จะอยู่ฝั่งตรงข้ามทางออก E ของ MRT Clark Quay ค่ะ อยากจะบอกว่าร้านนี้มีคนต่อแถวอยู่หน้าร้านแถวยาวมาก ตอนแรกคิดว่าอร่อยขนาดนั้นเลยหรอ พอได้ทานเท่านั้นแหละค่ะ บอกได้คำเดียวเลยว่า ต้องมาโดนนนนนนนนน ต้องขออภัยอีกครั้งอันนี้ภาพเบลอของจริง แต่ด้วยความอร่อยของร้านมันทำให้อยากที่จะแนะนำให้ไปลองจริงๆค่ะ อันนี้ต้องโทษความเหนื่อยและความหิวโหยที่ทำให้ภาพมันออกมาเป็นแบบนี้ แหะๆ
DAY : 3
วันนี้เราจะไป Universal Studio กันค่าาา ตามเดิมคือเรานั่งรถเมล์ไปลงที่ VivoCity พอเรามาถึงก็ขึ้นไปชั้น3 แวะไปทาน Laksa ที่ Food Court กันก่อน อารมณ์เหมือนข้าวซอยบ้านเราเลย แต่สำหรับเราว่ามันต้องปรุง ถ้าไม่ปรุงก็ทานไม่ได้เลย เราว่ามันเลี่ยนไป
พออิ่มแล้วเราไปซื้อตั๋ว จากนั้นก็นั่ง Sentosa Express ไปลง Waterfront Station ก่อนเข้า Universal Studio เราก็จะเจอเจ้าลูกโลกอันนี้ค่ะ
จากนั้นก็ไปซื้อบัตรเครื่องเล่น เนื่องจากเราขี้เกียจที่จะต้องไปยืนต่อแถวยาวๆ เราเลยซื้อบัตรแบบ Express Pass ซะเลย จากนั้นก็เข้าไปข้างในกันเลยยยยยย ที่นี่มีหลายโซนมากๆแต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาทุกโซน เลยเอาภาพสถานที่มากฝากกันแบบรัวๆละกันนะคะ
[SR] [Diary of mine] @สิงคโปร์ : Fine City เมืองแห่งการปรับ
เอาละค่าาา มาเข้าเรื่องกันเถอะ ทริปนี้เป็นทริปกะทันหัน ไม่ได้ศึกษาอะไรมากมาย เพราะโชคดีที่เรามีเพื่อนที่อยู่สิงคโปร์ เรื่องที่พักเลยหายห่วง รู้แต่ว่าประเทศนี้ปลอดภัยและมีกฏระเบียบที่เคร่งครัด ถ้าทำผิดกฏเขาจะปรับๆๆๆเราอย่างเดียว แล้วค่าปรับก็แพงเอาการด้วยซิ ก่อนจะไปก็ต้องศึกษาเรื่องข้อห้ามของที่นี่ดีๆนะคะ ส่วนเรื่องอากาศก็ถามเพื่อนเอาค่ะ เพื่อนบอกร้อนนะ พอๆกับเมืองไทย เราก็เลยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเสื้อผ้ามาก คิดว่าก็คงใส่เหมือนตอนอยู่บ้านเรานั่นแหละ เพิ่มอีกเรื่องคือปลั๊กไฟ ที่นี่สามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าจากบ้านเราได้ค่ะ เพียงแต่ว่ารูปลั๊กไฟของสิงคโปร์จะเป็นปลั๊ก 3 ขา รูเหลี่ยมแบบประเทศอังกฤษ เลยต้องมีตัว Adaptor แปลงรูปลั๊ก ถึงจะเสียบใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าของเราได้ ซึ่งก่อนไปก็หาซื้อได้ตามห้างหรือร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปได้เลยค่ะ ส่วนช่วงเวลาที่เราไปคือปลายเดือนกันยายน2016 ค่าาาา
DAY : 1
เราเลือกเดินทางช่วงบ่ายๆ ไปถึงสิงคโปร์ก็ประมาณ 6โมงเย็นแล้ว ใช้เวลาเดินทางจากไทยประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ และเวลาที่นี่จะเร็วกว่าไทยประมาณ 1ชม. ตอนแรกคิดว่าไว้ค่อยเที่ยววันถัดไปดีกว่า แต่เพื่อนบอกว่า เวลานี้ก็เที่ยวได้ นางเลยพาไปที่ Clarke Quay ค่ะ การเดินทางเราเดินทางโดย MRT มาลงสถานี Clarke Quay (North East Line สายสีม่วง) ออก EXIT G อ้อ! มีเรื่องนึงที่ควรรู้คือคนที่นี่เวลาขึ้นลงบันไดถ้าเราไม่รีบให้เรายืนชิดซ้ายไว้ ทางด้านขวามือจะเป็นสำหรับคนที่รีบเดินค่ะ อีกอย่างที่สำคัญคือที่นี่มีกฏห้ามถ่ายรูปคนเดินทางตามรถไฟฟ้าด้วยนะคะ พอมาถึงเราก็มาซื้อบัตร Singapore River Cruise เพื่อนั่งเรือชมวิวของแม่น้ำสิงคโปร์และย่านมาริน่าเบย์ ขออภัยถ้ารูปไม่ชัด เพราะอยู่บนเรือและยังไม่ได้เซทกล้องเตรียมเอาไว้ บวกกับความมือสั่นไม่รู้ตื่นเต้นอะไร รูปเลยออกมาชัดบ้างไม่ชัดบ้าง แต่ส่วนมากที่ถ่ายมาคือไม่ชัดเลยยยยย เสียใจมาก T^T
พอชมวิวเสร็จเราก็เดินหาร้านอาหารแถวท่าเรือ Clarke Quay แถวนี้คึกคักเพราะเต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์เต็มไปหมด สุดท้ายเราก็จบด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Tomo Izakaya ที่อยู่ริมแม่น้ำ และนั่งดื่มค็อกเทลเม๊ามอยยันร้านปิด สำหรับเราอาหารร้านนี้รสชาติและวัตถุดิบถือว่าดีเลยค่ะ
DAY : 2
ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่ชิวมากกก ที่ชิวนี่คือตื่นสาย กิจกรรมหรือสถานที่เที่ยวเลยอาจไม่ได้เต็มแม็กเหมือนที่คนอื่นได้ทำ เราถือว่าไปเที่ยวพักผ่อน ชิวๆ ถ้ามีเวลาไว้วันหลังค่อยมาใหม่ก็ไม่สาย อิอิ
สำหรับวันนี้เราจะไปเกาะ Santosa กันค่ะ ก่อนไปเราต้องเพิ่มพลังท้องก่อน เราหาร้านทานข้าวที่ใกล้ที่พัก นั่นก็คือถนน Joo Chiat นั่นเอง ย่านนี้บอกก่อนว่าเป็นย่านหมู่บ้านชาวมาเลย์นะคะ ดังนั้นถนนเส้นนี้ก็จะเต็มไปด้วยร้านอาหาร ซึ่งเท่าที่เราสังเกตด้วยตาจะมีทั้งอาหาร เวียดนาม อินเดีย จีน มาเลย์ (บอกเลยย่านนี้สายกินห้ามพลาดค่าาา) สำหรับวันนี้เราเลือกทานเบาๆที่ร้าน San He Teochew Porridge ค่ะ เราสั่งกับข้าวมากินกับข้าวต้ม หรือที่คนไทยเรียกว่าข้าวต้มกุ๊ย เราว่าร้านนี้อร่อยเลยแหละ เมื่อเทียบกับคนแบบเราที่ชอบทานรสจัด แล้วสามารถทานอาหารร้านนี้ได้หมด ถือว่าผ่านค่าาาา
พอทานข้าวเสร็จเราก็เดินไปขึ้นรถเมล์เพื่อจะไปเกาะ Santosa ต้องบอกจริงๆว่าบ้านเมืองเขาเป็นระเบียบมาก ถึงเราจะเจอคนที่ท่าทางดูน่ากลัว แต่เราก็เดินผ่านเขาได้สบายๆเพราะมั่นใจกฏหมายของประเทศนี้ได้เลย แถมไม่ต้องมาอารมณ์เสียเรื่องกลิ่นบุหรี่หรือรอยน้ำลายตามทาง เพราะไม่มีใครกล้าถ่มน้ำลายตามถนนหรือสูบบุหรี่นอกโซนที่เขาจัดให้ ถ้ากล้าก้อโดนปรับหลายดอลล่าเลยแหละ
เอาหละเรามาดูรถเมล์บ้านเขาดีกว่า รถเมล์ที่นี่เหมือนรถทัวร์บ้านเราเลยค่ะ บางสายก็มีชั้นเดียว บางสายก็เป็นสองชั้น แต่ที่ชอบคือติดแอร์จ้าาาาา สำหรับรถเมล์สายที่ผ่านไป Sentosa คือ 65, 80, 93, 188, 855, 10, 30, 97, 100, 131, 143, 145, 166 เลือกดูนะคะว่าป้ายรถเมล์ที่ขึ้นมีสายอะไรผ่านบ้าง นั่งไปเรื่อยๆก็ไปลงที่ป้าย Telok Blangah Road หรือ VivoCity นั่นเองค่ะ
จากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้น 3ได้เลยค่าาา แต่สำหรับเรากว่าจะมาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว เราเลยเลือกที่จะนั่งรถไฟ Sentosa Express ไปลง Beach Station จะบอกว่าวันนี้แต่งตัวไปเต็มที่ ชุดเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น แต่โอ้แม่เจ้า ร้อนมากกกกก บอกเลยค่ะ ร้อนจนหน้าเมือกเลยทีเดียว นึกถึงเวลาร้อนแบบฝนจะตกซิคะ อบอ้าวแบบนั้นเลยค่าาาาา เลือกได้นี่อยากกระชากเสื้อตัวเองออกให้เหลือแต่เสื้อใน อิอิ ล้อเล่นนะคะ ฮ่าๆๆๆ พอลงจากสถานีไม่ทันไรก็จริงเลยค่ะ ฝนตกซ่าาาาาา ก็เลยต้องพักหลบฝนกันไป ระหว่างนั่งกินไอติมรอก็มีเจ้านี่มาเล่นด้วยค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ไปเล่นเครื่องเล่น Luge & Skyride เสร็จก็มาเดินเล่นที่ชายหาดของเกาะ เดินมาเรื่อยๆก็เจอร้านชื่อ Bikini Bay เลยแวะจิบเบียร์แก้กระหายสักหน่อย จะบอกว่าสาวเสริฟที่นี่ใส่บิกินี่จริงๆด้วย ใครอยากเห็นก็แวะมาดูของจริงกันเองนะ พอดีไฟล์ภาพหายไปไหนไม่รู้ อิอิ
จากนั้นเราก็เดินเล่นตามชายหาดมาเรื่อยๆ เอาจริงๆชายหาดที่นี่เป็นชายหาดที่ถูกสร้างขึ้น ถ้าจะให้สวยเหมือนของจริงแบบบ้านเราคงเป็นไปไม่ได้ แต่ชายหาดที่นี่ถือว่าสะอาดกว่าบางหาดในบ้านเรา และถือว่าทำออกมาดีด้วย พอมาถึงตรงนี้ บอกเลยเหนื่อยมากกกก เหนื่อยแดด เหนื่อยความร้อน เลยไม่ค่อยมีอารมณ์ถ่ายรูปเท่าไหร่ ถ่ายมาก็เบลออีกตามเคย ฮี่ๆ
พอเสร็จจาก 4D ก็มาบ๊ายบายเจ้าสิงโตยักษ์ค่ะ
วันนี้เราจะไป Universal Studio กันค่าาา ตามเดิมคือเรานั่งรถเมล์ไปลงที่ VivoCity พอเรามาถึงก็ขึ้นไปชั้น3 แวะไปทาน Laksa ที่ Food Court กันก่อน อารมณ์เหมือนข้าวซอยบ้านเราเลย แต่สำหรับเราว่ามันต้องปรุง ถ้าไม่ปรุงก็ทานไม่ได้เลย เราว่ามันเลี่ยนไป