[CR] รีวิว : เราสองสามคน จากหมู่บ้านคีรีวง ถึงเมืองตรัง [25 - 29 พ.ค. 2560]

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิพ ทั้งผู้อ่าน เจ้าของ User และ คนที่กำลังมองหา หรือ กำลังจะวางแผนเที่ยวพักผ่อนในช่วงเวลาที่ได้หยุดพักผ่อน ใช้เวลาเนิบช้า ผ่อนคลาย หรือแม้กระทั่งใช้เวลากับตนเอง กระทู้เราอาจจะมีประโยชน์ต่อคุณก็ได้เนอะ เอาเป็นว่าเราอยากแชร์ประสบการณ์ด้วยนั่นเอง แฮร่ๆ อมยิ้ม03

อมยิ้ม04เราคือ มนุษย์คนหนึ่งที่ชื่นชอบ หรือจะเรียกว่าหลงใหลในการท่องเที่ยว การเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ
ยิ้มและที่สำคัญคือ เราชอบถ่ายรูปมากอมยิ้ม22
วันหนึ่งอ่านกระทู้ในพันทิพ ก็สิงอยู่ในพันทิพนี่แหละค่ะ อ่านคนอื่นรีวิวการไปโน้นนี่นั่น จนมาสะดุดตาที่กระทู้แนะนำการเดินทางไปภาคใต้ กับบรรยากาศที่สดชื่น สีเขียวชอุ่มตลอดการเดินทาง จึงมีความคิดริเริ่มและปักหมุดในใจเอาไว้ค่ะว่า เราจะต้องได้ไปสิเว้ย !!!!

และแล้วความคิดนั้น ... ก็หายไปประมาณเกือบ 3 ปี (แอบนานเหมือนกันเนอะ ยังอยากไปนะคะ แต่ด้วยความที่เพิ่งเริ่มทำงานประจำ อะไรๆหลายๆอย่างก็ยังไม่ลงตัวจนสามารถไปไหนมาไหนได้) จนกระทั่งประมาณช่วงเดือนมีนาคม  ก็มีเพื่อนใน Facebook ได้ Post เรื่องการไปเที่ยวคีรีวง นครศรีธรรมราช ทำให้เกิดไฟในการอยากไปอีกครั้งค่ะ เราจึงเข้าไปอ่าน แล้วแปะโพสต์ไว้หน้า FaceBook  เผื่อจะมีใครอยากไปด้วย แต่ก็นึกใจในว่า ถ้าไม่มีใครไปล่ะ ... เราจะไปคนเดียว (แล้วพ่อกับแม่จะให้ไปหรอวะนั่น ใจยังหวั่นๆ เราเชื่อว่าบางคนอาจจะมีความลำบากใจจะขอหรือบอกแบบเรา 555 )

และแล้วโชคชะตาก็เป็นใจ ... อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17
ให้มีรุ่นน้องคนหนึ่งทักมาบอกว่า ไปด้วยแต่จะมีเพื่อนไปด้วยนะอีกหนึ่งคน ความรู้สึกตอนนั้นมันหัวใจพองโตมาก เพราะเราจะได้ไปจริงๆ และในวันถัดมาก็มีอีกหนึ่งคนทักมาขอไปด้วย สรุป ณ ตอนนั้นเรามีผู้ร่วมเดินทาง 4 คนค่ะ หลังจากนั้นก็ตั้งกลุ่มในไลน์ แล้วปรึกษาแลกเปลี่ยนกันว่าใครอยากไปที่ไหนบ้าง แต่ก็เกิดความผิดคาดนิดหน่อย คือ น้องอีกคนไม่สามารถไปกับพวกเราได้ ดังนั้น เราจึงไปกัน 3 คน (น่าเสียดายมากทั้งๆที่เราจองตั๋วเครื่องบินกันแล้ว)

สรุปแล้วที่ที่พวกเราสนใจปักหมุดมีดังนี้ค่ะ  อมยิ้ม02อมยิ้ม02
1.    หมู่บ้านคีรีวง นครศรีธรรมราช
2.    วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร
3.    พัทลุง – ทะเลน้อย เป็นต้น
4.    ตรัง – หมูย่าง ติ่มซำ ตึกโบราณ เป็นต้น
5.    เดินทางโดยรถไฟจากหัวลำโพง
6.    การกลับมาถึง กทม. นั่งเครื่องบินกัน
7.    ที่พัก แบบ Home Stay


DAY 0  25 พฤษภาคม

วันแรกของการออกเดินทาง

     การเดินทางของเราเริ่มคืนวันที่ 24 เราต่างคนนัดพบกันที่หมอชิตเวลาประมาณตี 5 ของวันที่ 25 น่าจะถึงทันรถไฟขบวนไปลงสุราษฯ 8.05 น. แต่แล้วววว ฝนก็เทกระหน่ำลงมา(ช่วงพายุโมราเข้าพอดีเลยค่ะ) น้ำท่วมทางผ่านที่จะเช้า กทม. และ รถติดมาก เราไปถึงหมอชิตประมาณ 7.25 น. หลังจากนั้นก็มีมหกรรมวิ่งแหลกเพื่อหาพี่วินมอ’ไซค์ เพื่อไปที่ MRT ต่อด้วยหัวลำโพง (ระยะเวลาจาก MRT กำแพงเพชร ไปที่ หัวลำโพง เราไปถามเจ้าหน้าที่มา เขาบอกว่าใช้เวลาประมาณ 30 – 40 นาที ) คือ มันพอเหมาะพอดีแบบหวุดหวิดมากค่ะ คือเราไปถึง สถานีหัวลำโพงตอน 7.59 น. ก็วิ่งออกจากรถไฟฟ้า MRT ขึ้นไปที่สถานีรถไปหัวลำโพง แบบหอบมาก ทั้งกระเป๋าทั้งคนเยอะ เกรงใจเพื่อร่วมทางมาก คือ วิ่งกันสุดชีวิตจริงๆค่ะ เพราะกลัวตกรถไฟมากๆ เราไปถึงที่จำหน่ายตั๋วก่อนรถไฟออก 2 นาที เฉียดจริงๆค่ะ ( พวกเราคุยกันว่า “มากับดวงจริงๆ”  )  แต่เอาเหอะ ยังไงๆก็ได้ขึ้นรถไฟทันแย้วววว เย้ๆๆๆ



พร้อมออกเดินทางด้วยตั๋วรถไฟ 3 ใบ ราคาใบละ 608 บาท เป็นตู้โดยสารแอร์เย็นสบายดี สะอาดพอได้ค่ะ สิ้นสุดปลายทางที่สุราษฎร์ธานี เวลาที่จะถึงประมาณ 17.00 น. ( 9 ชั่วโมงโดยประมาณ ) แล้วรถไฟก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากหัวลำโพงช้าๆ เส้นทางผ่านบ้าน ชุนชน แม่น้ำ คลอง ภูเขา ท้องนา ฟาร์มกุ้ง เลียบเขา ชายทะเล สวนปาล์ม สวนยางพารา เป็นต้น บรรยากาศสวยงามมาก หลับบ้าง ถ่ายรูปบ้าง กินข้าว เข้าห้องน้ำ ทุกอย่างเสร็จสรรพบนรถไฟ  และแล้วเราก็มาถึงสุราษฎร์ธานี มันได้บรรยากาศดีเหมือนกันนะคะ สำหรับการนั่งรถไฟมาใต้ครั้งแรกของพวกเรา ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ได้ชมบรรยากาศแบบเต็มที่สองข้างทางที่รถไฟขบวนของเราผ่านตลอด 9 ชั่วโมงกว่าๆ อันนี้ขอกระซิบว่า ประหยัดตังค์ด้วยนะคะ

ตลอดทางที่พี่ที่บ้านพวกเราจะเข้าพักโทรถามตลอดทางเลยค่ะว่า ถึงไหนกันแล้ว จะมายังไงต่อ กินข้าวมาเลยนะเพราะที่คีรีวงร้านค้าจะปิดประมาณ 3 ทุ่ม
มาถึงตรงนี้ขอบอกเลยว่าการเดินทางจากสุราษฎร์ธานี ไปยังหมู่บ้านคีรีวง เป็นอะไรที่วัดใจพวกเรามากค่ะ เพราะว่ารถตู้ รถประจำทางต่างๆรวมทั้งรถโดยการที่จะเข้าไปยังหมู่บ้านคีรีวงนั้นได้หมดรอบสุดท้ายไปได้สักพักก่อนที่พวกเราจะมาถึง (หมดประมาณ 17.00 น. ค่ะ รอบสุดท้าย ท้ายสุดจริงๆ ไม่มีอีกแล้ว) เราจึงจำเป็นต้องเหมาะรถเพื่อไปคีรีวง ซึ่งราคานั้นแพงมากค่ะ ขอบอกเลยว่า แพงจริงๆ ตั้ง 2,800 บาท แต่เอาเหอะเนอะท้ายที่สุดแล้วก็จำเป็นต้องไป เพราะมันคือทางสุดท้ายแล้ว (มาตายตอนจบก่อนถึงหมู่บ้าน ยอมประหยัดงบมาตั้งไกลแน่ะ)
ถึงแล้วววว หมู่บ้านคีรีวง เวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษๆค่ะ ค่อนข้างดึกนะคะ เงียบมากเลยทีเดียวเพราะวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่คือ นอนเร็ว ตื่นแต่เช้ากันค่ะ

พวกเราทั้ง 3 คนมาถึง พร้อมกับการออกมาต้อนรับของเจ้าของบ้านพัก Home Stay ชื่อ ๑๒๑ : ซือวานโฮมสเตย์ พวกเราลงชื่อเข้าพักจองไว้ 2 คืนค่ะ คือ คืนแรกนอนห้องเป็นบ้านปูนติดแอร์ค่ะ ตกแต่งน่ารัก น่าอยู่ ห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน มีกุญแจให้สำหรับของห้องใครห้องน้ำคนนั้น บอกเลยว่านาทีนั้นห้องสวยเรารับได้ค่ะ แต่ที่รับไม่ได้จริงๆกับตัวเองตอนนั้นคือ ความหิวที่แบบทรมานมาก พี่กระแต(ลูกสาวหรือผู้ดูแลบ้านที่พวกเราพักเป็นรุ่นที่ 3 ของที่นี่) พาพวกเราไปหาข้าวเย็นทานกันที่อีกฝั่งของคลองค่ะ พวกเราข้ามสะพานที่เป็นเซเลปของหมู่บ้านไป
ร้านที่เราไปนั่งทานข้าวกันนั้นติดกับคลองเลยค่ะ อากาศเย็นสบาย ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา เป็นร้านที่เปิดอยู่ดึกที่สุดในหมู่บ้าน หลังจากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงค่ะ สั่งแล้วทานเลยแทบจะไม่คุยกันเพราะหิวมากกกกก อิ่มแล้วก็เดินข้ามคลองเพื่อกลับมาวางแผนกันต่อว่าเราจะเอายังไงต่อสำหรับพรุ่งนี้
จากการได้สอบถามพี่กระแตและคุณแม่ได้คำตอบว่า “พรุ่งนี้คือเช้าวันศุกร์ เดินข้ามคลองไปจะมีตลาดตอนเช้าที่วางของกินขายมากมาย แต่ตลาดจะวายตอนประมาณ 7 โมง ถ้าอยากได้ภาพสวยๆต้องไปถ่ายตอนเช้า ไม่ร้อนและอาจจะมีหมอกลงให้ได้เห็น ถ้าพวกเราโชคดี)



DAY I  26 พฤษภาคม

  ณ หมู่บ้านคีรีวง

     ให้ทายว่าพวกเราตื่นกันกี่โมงกี่ยาม เฉลยเลยนะคะ ตื่นตั้งแต่ตี 5 อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากบ้านพักไปที่ตลาดตอนเช้า ซึ่งคนเยอะค่ะ เดินกันเต็มตลาดเลยทีเดียว คือไม่คิดมาก่อนว่าคนที่นี้จะตื่นเช้ากันได้ขนาดนี้ พวกเราเดินลัดเลาะสำรวจพื้นที่ต่างๆ ซื้อของติดไม้ติดมือ 2 อย่าง เพราะอาหารมื้อเช้าทาง Home Stay เตรียมไว้ให้ตั้งแต่ 7 โมงเช้า มีข้าวต้มหมูสับ และ ข้าวต้มมัดใส่ถั่วดำ
เราถ่ายรูปเล่นกันที่สะพานคีรีวงได้สักพัก ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆปั่นจักรยานมาแวะท้ายรูปบ้าง ยังไม่เยอะอาจจะเพราะมันยังเช้าอยู่ แสงสวย อากาศสบายๆ ไม่ร้อนเกินไป


อมยิ้ม02ได้เห็นคุณยายใส่เสื้อคอกระเช้าเดินข้ามสะพานไปทำธุระ ไปซื้อของ หรือคนที่นี้จะกร่อนคำให้สั้นลงเป็นคำว่า “ไป หลาด” ผู้ชายขับรถวิบากมีตะกร้าให้ท้ายรถเพื่อเข้าไปที่สวนบนเขาเก็บของ เก็บผลไม้ และนี่แหละพวกเราจะปั่นจักรยานสำรวจเลียนแบบบ้าง ด้วยความที่ยังเช้าอยู่จึงพากันลงไปเล่นในคลอง มีน้ำไหลเอื่อยๆ น้ำใสมาก เย็นสดชื่น ปลาพวงแหวกว่ายเต็มไปหมด และพวกเราก็ได้ภาพมาเป็นที่พอใจจึงเดินกลับที่พัก เพื่อกินข้าวเช้ากัน

“เด็กๆ มากินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวเย็นหมดนะ” เสียงของพี่กระแตและคุณแม่เรียกพวกเราออกไปทานข้าวเช้า
ขณะที่ทานข้าวเช้ากัน พวกเราก็คุยกันว่าเราจะไปไหนต่อดี ไปไหนก่อน ... อมยิ้ม02อมยิ้ม02

แล้วฝนก็ได้ตกลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดินประมาณ 2 ชม. พวกเราจึงนอนพัก เก็บแรง รอฝนซาเพื่อจะไปต่อ
อมยิ้ม17       อมยิ้ม17       อมยิ้ม17

ประมาณ 9 โมงฝนก็ซาเม็ดลง เราสามคนจึงเดินข้ามคลองเพื่อจะไปเช่าจักรยานที่ร้าน นายทั่ง ณ คีรีวง เดือนลัดเลาะไปเรื่อยๆ ก็เจอร้าน เลยเข้าไปถามค่ะ ว่าพอจะมีจักรยานไหม คำตอบคือ เขาเตรียมไว้สำหรับลูกค้าพรุ่งนี้หมดแล้ว 70 คัน เพราะต้องส่งไป Check ก่อนให้ลูกค้า สีหน้าพวกเราคงดูจ๋อยมากมั้งคะ เลยบอกพี่เขาไปว่า ไม่รู้จักร้านอื่นแล้วเพราะมุ่งหน้ามาร้านนี้เลย แล้วถามพี่เขาไปว่า “พี่รู้จัก นายทั่งไหมคะ” พี่เขาอมยิ้มแล้วตอบว่า “ลืมบอกว่า ผมนี่แหละนายทั่ง เจ้าของร้าน” ฮาแตกเลยจร้า จุดไต้ตำตอ 555 พี่ทั่งคุยกับพวกเราถามเรื่องทั่วๆไป คุยเพลิน จนสุดท้ายพวกเราก็ได้จักรยานมาปั่นโดยที่พี่ทั่งไม่คิดตังค์ (ราคาเช่าคือ วันละ 50 บาท คือ สำหรับเราถูกมากนะ ขอบอกถ้าเทียบกับที่อื่นๆ)


หลังจากได้จักรยานเป็นของตนเอง เราแวะร้านค้าในชุมชนซื้อเสื้อกันฝน ปั่นจักรยานกลับมาที่บ้านเพื่อเตรียมตัวไปต่อที่สะพานแขวน เราปั่นกันแบบกินลมชมวิวมาก เพราะอยากแวะตรงไหนเราก็แวะ ไม่เน้นว่าจะถึงกี่โมง ที่สำคัญนะคะมันเหนื่อยอยู่ไม่น้อยสำหรับการปั่นขึ้นเนิน ขึ้นภูเขา ถ้าชันเราก็เดิน เราไม่เน้นทำเวลา
[img]https://f.ptcdn.info/69
ชื่อสินค้า:   คีรีวง ลานสกา นครศรีธรรมราช
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่