'ทีโอที' สะท้านแผนจัดหาพันธมิตรระส่ำ

"ทีโอที" สะท้านแผนจัดหาพันธมิตรธุรกิจร่วมพัฒนาคลื่น 2300 และ 2100 MHz ระส่ำ หลังโดนตีกลับแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนอ้างไม่สอดคล้องมติ คนร.

แหล่งข่าวจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ตีกลับข้อเสนอของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ แคท ที่เสนอแนวทางการระงับข้อพิพาทในเรื่องการส่งมอบเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคมกับบริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างแคทและดีแทคในการใช้ทรัพย์สินร่วมกัน โดยรมว.ดีอีระบุว่าเกินไปจากขอบเขตมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่สอดคล้องกับหลักการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) วางไว้นั้นกรณีดังกล่าวได้สร้างความกังวลให้ฝ่ายบริหารทีโอทีอย่างหนัก เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อแนวทางการดึงพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมพัฒนาคลื่น 2300 และ 2100 MHz ของทีโอทีด้วย เพราะตามแนวทางการแสวงหารายได้จากทรัพย์สินของทีโอทีที่มีแผนดึงพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมพัฒนาตลาด โดยก่อนหน้าทีโอทีได้คัดเลือกบริษัทแอดวานซ์ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค (AWN) ในเครือเอไอเอสเข้ามาเป็นพันธมิตรธุรกิจในการพัฒนาคลื่น 2100 เมกกะเฮิร์ตซ์ (MHz) และล่าสุดได้คัดเลือกบริษัทดีแทค ไตรเน็ต ในเครือดีแทค เข้าเป็นพันธมิตรกับทีโอทีบนคลื่น 2300 MHz ซึ่งจะทำให้ทีโอทีมีรายได้จากการใช้งบานคลื่นความถี่ และค่าเช่าทรัพย์สินในโครงข่ายมากกว่า 15,000 ล้านบาท/ปี

อย่างไรก็ตาม แนวทางในการแสวงหาพันธมิตรธุรกิจข้างต้น แม้สอดคล้องกับนโยบายพีพีพีของรัฐและเป็นการใช้ประโยชนจากทรัพย์สินของทีโอที แต่แนวทางดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับหลักการที่ คนร.วางไว้เช่นกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ คนร.ต้องการให้ทีโอทีและแคทเร่งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนโครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเตอร์เน็ต จำกัดหรือ NGDC และบริษัท โครงข่ายอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์แห่งชาติจำกัดหรือ NBN

"แม้ก่อนหน้าทีโอทีและแคทจะเสนอแนวทางการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ทีโอทีและแคทข้างต้นไปยัง คนร.แล้ว แต่ก็ถูกคณะกรรมการกลั่นกรองแผนฟื้นฟูตีกลับและตั้งข้อสังเกตว่ายังขาดความชัดเจนในเรื่องแผนการตลาดและขีดความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทเอกชน ขณะที่แนวทางการดึงพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาเครือข่ายมือถือบนคลื่น 2100 และ 2300 MHz นั้น แม้จะสอดรับกับนโยบายพีพีพีของรัฐและ คนร.แต่ก็ยังมีปัญหาว่าจะถูกกระทรวงดีอีตีความว่าเกินขอบเขตมติ ครม.และหลักเกณฑ์ที่ คนร.วางไว้หรือไม่อีก ทั้งยังมีความพยายามตีความว่าเป็นการนำทรัพย์สินของรัฐไปร่วมทุนกับเอกชนหรือไม่ด้วยอีก อย่างไรก็ตามทั้งทีโอทีและแคท ต่างก็เห็นว่าแนวทางฟื้นฟูกิจการที่นำเสนอนี้เป็นหนทางฟื้นฟูองค์กรที่สามารถสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่องค์กรจนพ้นวิกฤตได้"

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/758021
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่