สวัสดีค่ะ ครั้งนี้จะมารีวิวขับรถเที่ยวภูมิภาคชูบุของญี่ปุ่นนะคะ โดยทริปนี้ใช้เวลาในการท่องเที่ยวทั้งหมดที่ญี่ปุ่น 8 วัน 7 คืน เดินทางกับครอบครัวทั้งหมด 4 คน เป้าหมายแต่แรกของทริปนี้คือ Snow wall ที่ Tateyama และ Kamikochi ค่ะ แต่แอบเห็นงาน Fujishibazakura จัดงานถึงวันที่ 28/05/2017 จึงเปลี่ยนแผนแวะไปโซนฟูจิด้วยเลยแล้วกัน มีผิดแผนไปพอสมควรด้วยสภาพลมฟ้าอากาศ และเนื่องด้วยทริปนี้พ่อกับแม่ค่อนข้างอายุมากแล้ว จึงมีเรากับน้องสาวผลัดกันขับสองคนค่ะ ขับรถคนเดียวไม่ไหว เหนื่อยพอสมควรเลยค่ะ
แผนการเดินทาง
วันที่ 1 : Chubu Centrair International Airport – Nanaya icecreme – Grinpa park – Shoji lake พักYamadaya Hotel
วันที่ 2: Shoji lake – Fuji Shibazakura – Matsumoto castle – พัก Kazeya Hotel
วันที่ 3: Kamikochi – Shinhotaka Ropeway – พัก Kazeya Hotel
วันที่ 4: Shirakawago – Kenrokuen – พัก Daiwa Roynet Toyama
วันที่ 5: Tateyama alpine route [Round trip Tateyama st. – Kurobe Dam] - พัก Daiwa Roynet Toyama
วันที่ 6: Toyama – Takaoka[Zuiryuji Temple] – Takayama –พัก Honjin Hiranoya Annex[Bekkan]
วันที่ 7: Takayama – Nagoya – พัก Mercure Nagoya Cypress
วันที่ 8: Nagoya – Chubu airport - BKK
การเตรียมตัว
1. ตั๋วเครื่องบิน
- CNX – BKK
แลกคะแนนช่วงโปรได้ตั๋วบางกอกแอร์มาในราคาไปกลับ คนละ 1,500 บาท
- BKK - NGO
โดยสายการบิน JAL อยู่ที่ คนละ 17,840 บาท เจ็บใจนิดหน่อยเพราะหลังซื้อตั๋วไม่นาน การบินไทยปล่อยโปรไปกลับคนละประมาณ 15,000+ มาค่ะ ยังไม่พอตอนจองใส่ชื่อสลับกับนามสกุลทั้งบ้าน โดนค่าแก้ชื่อไปอีกสี่คนรวม 2500 บาท
2. ใบขับขี่สากล
เตรียมเอกสารได้แก่
- Passport ตัวจริง และสำเนา
- ใบขับขี่ตัวจริง และสำเนา
- บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา
- รูปถ่ายสองนิ้ว 2 รูป
- เงิน 505 บาท
เตรียมของเรียบร้อยก็ไปยื่นเอกสารที่ขนส่ง เค้าจะให้เราเขียนคำร้องแล้วรอจ่ายเงิน อีกวันมารับใบขับขี่สากลได้เลยค่า ใบขับขี่สากลมีอายุ 1 ปีค่ะ [บางพื้นที่อาจรอรับได้เลยนะคะ ของเราทำที่เชียงใหม่ค่ะ]
3. จองรถเช่า
เราเลือกรถเช่า ของ Nippon rent a car มีโปรโมชันลดราคา 10% ได้รถ Toyota wish มาในราคา 79,596 เยน เลือกรุ่นนี้เพราะใส่กระเปาได้หลายใบค่ะ ทั้งบ้านเรามีกระเป๋าไซส์ 24 นิ้ว 3 ใบ 20 นิ้ว 3 ใบ
เช่ารถแล้วก็อย่าลืมเช่า ETC card ด้วยนะคะ จะเป็นบัตรไว้เสียบในรถเวลาเราผ่านด่านทางด่วนจะได้ไม่ต้องแวะจ่ายเงินค่ะ ค่าเช่าอยู่ที่ 300 เยน กดเลือกไปตอนจองรถได้เลยค่ะ
นอกเหนือจากนี้จะมีบัตรที่เรียกว่า บัตรเหมาค่าทางด่วน มีให้เช่าตามบริษัทรถเช่าค่ะ ไปแจ้งที่นู่นตอนรับรถได้เลย คือบัตร ETC เวลาใช้มันจะเก็บข้อมูลการผ่านทางด่วนแล้วให้เรามาจ่ายทีหลังที่บริษัทรถเช่าค่ะ แต่บัตรเหมาทางด่วนนี้ถ้าเราขับรถในพื้นที่ เช่นเราขับรถเที่ยวโซน Chubu ก็คือเหมาเลย ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ของเราเรียกว่า CEP ใช้งาน 8 วันอยู่ที่ 11,000 เยน บวกค่า Optional area ไปอีก 4000 เยนค่ะ
4. จองโรงแรม
โรงแรมส่วนใหญ่จองผ่าน Booking.com ค่ะ เพราะสามารถกดยกเลิกที่พักได้ถ้าเปลี่ยนแผนหรือเวลาเจอราคาที่พักที่ถูกลง
5. จองตั๋ว Tateyama Alpine Route
กดจองผ่านหน้าเว็บไซต์ล่วงหน้า 1 เดือนค่ะ เป็นตั๋วไปกลับ Tateyama st. – Kurobe Dam ราคาคนละ 10,790 เยน ใครจะเที่ยวไปกลับแบบเราแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 8 ชั่วโมงนะคะ
6. ซิมการ์ดและ Pocket wifi
ตอนแรกเรากะจะใช้ซิมการ์ดกันทั้งบ้าน ได้ซิมการ์ดที่เพื่อนไม่ได้ใช้ขายต่อมาของ Sim2Fly มาสองซิม แต่กลัวว่าถ้าเปิด GPS ดูทางบ่อยๆหรือเผื่ออยากดูวิดีโอ youtube ไรงี้ จะไม่พอ เลยตัดสินใจเช่า pocket wifi ไปด้วย เลือกเช่าของ Wise pocket wifi สรุปการใช้งานคร่าวๆเลยละกันนะคะ ซิมการ์ดใช้งานได้ดีค่ะ ถ้าไม่ใช่เข้าอุโมงค์ สัญญาณดีตลอด 4G 8 วัน ไม่ได้นับวันที่นะคะ นับเป็น 192 ชั่วโมงค่ะ ส่วน pocket wifi รอบนี้เน็ตสัญญาณไม่ค่อยดีเลยค่ะ ค่อนข้างช้า มาดีขึ้นช่วงที่นอนในเมือง
ออกเดินทาง
เกริ่นมาตั้งยาว ในที่สุดก็ถึงวันออกเดินทาง จาก CNX – BKK ด้วย บางกอกแอร์เวย์
ถึงสุวรรณภูมิประมาณ สองทุ่มครึ่งค่ะ หลังเลือกซื้อของที่ Duty free นิดหน่อย ก็ไปรอขึ้นเครื่องที่ King Power Lounge ค่ะ
พอเที่ยงคืนก็ได้เวลาขึ้นเครื่องกับป้าแจลแล้ว มีดีเลย์นิดหน่อยประมาณ 20 นาที ค่ะ เครื่องเป็นรุ่น Boing 787 ที่นั่งจัดเป็นแบบ 2-4-2 ทำให้เวลาไปกันสี่คนค่อนข้างสะดวกในการจัดที่นั่งด้วยกัน และสะดวกในการลุกไปห้องน้ำค่ะ ที่นั่งเราว่าค่อนข้างแคบ เก้าอี้เอนได้น้อย ภาพยนตร์บนเครื่องอัพเดตใช้ได้เลยค่ะ มีที่เสียบ USB ไว้สำหรับชาร์จโทรศัพท์
ก่อนนอนมีน้ำเปล่าให้ 1 ขวด แล้วเราก็หลับไป มีสะดุ้งตื่นช่วงสภาพอากาศแปรปรวนบ้างแถวเวียดนาม หลับๆตื่นๆไปเกือบ 4 ชั่วโมง ก็ได้เวลาทานอาหารเช้าค่ะ เป็นแบบ Western Style จืดมาก มีโยเกิร์ตอร่อยอยู่อย่างเดียวค่ะ
ถึงสนามบินนาโกยาก็เข้าพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน คนเยอะค่ะ เราไปแวะอาบน้ำที่ออนเซ็นของสนามบินที่ชั้น 4 อาบอย่างไวแล้วก็ลงไปจุ่มออนเซ็นด้วยความเร็ว อยากแช่แต่ไม่มีเวลาค่ะ ถึงเวลารับรถเช่าแล้ว
ที่สนามบินชูบุจุดรับรถเช่าจะอยู่อาคารเดียวกับที่ไปขึ้นรถบัสค่ะ เดินไปทางเดียวกันเลย มีทางเดินเชื่อมมาจากทางชั้น 2 และชั้น 3 ไปถึงอีกตึกจะมีลิฟต์ลงไปยังจุดสำนักงานรถเช่าค่ะ ใช้เวลารับรถนานประมาณ 20 นาที เพราะทำเรื่องขอเช่าบัตร CEP ค่ะ
แผนที่การเดินทางคร่าวๆวันที่ 1 ค่ะ
จากสนามบิน ขับรถมุ่งหน้าไปทาง Shizuoka เพื่อไปต่อยัง Yamanashi ค่ะ ระหว่างทางมีฝนตกฟ้าครึ้มตลอดทาง ได้แต่ภาวนาว่าที่ฟูจิขอให้ฟ้าใส
ที่ญี่ปุ่นบนทางด่วนจะมีจุดแวะพักให้ตลอดทาง โดยจะมีบอกใน GPS และป้ายบอกทางจราจรว่าแต่ละจุดจะมีอะไรบริการบ้าง เช่น บางจุดมีแต่ตู้กดน้ำและห้องน้ำ บางจุดมีร้านอาหารด้วย บางจุดมีทุกอย่างรวมถึงปั๊มน้ำมัน
เราขับรถกันมาเรื่อยๆจนถึง Hamamatsu ก็แวะจุดพักเพื่อทานข้าวกลางวันกันค่ะ จุดพักที่นี่ค่อนข้างใหญ่ ข้างในเหมือนศูนย์การค้าขนาดเล็ก มีร้านขายของและ ฟู้ดคอร์ท เราเลือกทานร้านนี้ค่ะ ข้าวหน้าไก่ใส่ไข่ ของแม่เราเป็นข้าวหน้าหมูทอด อร่อยเหมือนกันค่ะ
อิ่มท้องแล้วก็ขับรถต่อกันค่ะ คันนี้เลยค่ะ คู่หูของเราสำหรับทริปนี้
ขับมาเรื่อยๆผ่านเมือง Fujieda ที่Shizuoka นี้มีร้านไอศกรีมชาเขียวเข้มข้น 7 ระดับ ชื่อ Nanaya Ice creme อยู่ โดยมีสองสาขาคือที่ Shizuoka และ ที่ Fujiedaค่ะ เราแวะสาขานี้เพราะไม่อยากขับรถไปกลางเมือง กลัวเจอรถติด บรรยากาศที่ร้าน คนค่อนข้างน้อยค่ะ แต่ไอศกรีมมีครบ เลือกชิมรส No.2 No.4 และ No.5 กันค่ะ No4. และ 5เข้มข้นถูกใจ ไม่ขม หอมชาเขียวสุดๆค่ะ พอมาทานNo.2 ของแม่คือจืดไปเลยค่ะ
ของคาวของหวานครบ จุดหมายถัดไปตั้งใจว่าจะไป Grinpa Park ซึ่งอยู่บริเวณฟูจิชั้นที่ 2 พอดีหาข้อมูลมาเค้าบอกว่ามีจัดสวนดอกทิวลิปพร้อมวิวฟูจิ แหมดึงดูดมากเลยโปสเตอร์ ระหว่างทางจะผ่านไร่ชาเต็มไปหมดเลยค่ะ เสียดายไม่ได้จอดแวะถ่ายรูป
ขับรถไปฟ้าเริ่มใสแต่มองไม่เห็นฟูจิ (จริงๆควรลงเขาได้แล้ว) ก็ยังขับไปจนถึง Grinpa Park สรุปไม่ได้เข้าไปเที่ยวค่ะ ข้างบนฟ้าปิดมาก ยอมแพ้แล้วค่า ไม่น่าขึ้นมาเลย ขับขึ้นขับลงก็ไปไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว ฮือออ ร้องไห้
ขับลงมาก็ตรงไปโรงแรมเลยค่ะ วันนี้เราพักกันที่ Yamadaya Hotel ที่ Shojilake
โรมแรมนี้เป็นสไตล์ Ryokan ค่ะ ห้องพักเป็นแบบฟูก เราจองไปสองห้อง ห้องละสองคน ห้องใหญ่พอดี (แนะนำสำหรับคนที่จะมาพักที่นี่ ตอนเราจองราคา 1 ห้อง สี่คน กับ 2 ห้องห้องละสองคน ราคาเท่ากันค่ะ ซึ่งเวลาเข้าพักเค้าจะให้เลือกเวลาแช่ออนเซ็นส่วนตัวได้ห้องละ 30 นาที เราเลยเลือกไปสองห้องค่ะ คุ้มเลย ) ไปถึงที่พัก จอดรถไว้ด้านหน้าของโรงแรมได้เลยค่ะ ไม่เสียค่าที่จอดรถ
*รูปหน้าโรงแรมถ่ายเช้าวันถัดมาค่ะ
ตอนเชคอินคุณลุงจะให้เลือกเวลารับประทานมื้อเย็น และมื้อเช้าวันรุ่งขึ้น และให้เลือกช่วงเวลาที่ไปแช่ออนเซ็นส่วนตัวที่ชั้นบน
ภายในห้องพักทางโรมแรมได้ปูฟูกที่นอนเตรียมไว้แล้ว มีกาน้ำร้อน และถุงชาเขียวในกล่องเตรียมไว้ให้ วิววันนี้จากหน้าต่างห้องพักเห็นแต่ตัวทะเลสาบ ไม่มีวี่แววของฟูจิซังให้เห็นเลย ในห้องพักจะแยกส่วนอาบน้ำและชักโครกอยู่คนละด้านกันค่ะ
หลังเก็บของเสร็จเรียบร้อยงีบอีกนิดหน่อยก็ลงไปเดินเล่นแถวๆทะเลสาบ ฝนยังตกปรอยๆอยู่เลย อากาศค่อนข้างเย็น
แล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นค่ะ อาหารหน้าตาน่าทานมาก ตัวปลาทอดเค็มมาก อย่างอื่นอร่อยดีค่ะ จิบเบียร์ไปด้วย ฟินได้อีก
ก่อนนอนแวะขึ้นไปแช่ออนเซ็น แอบดูพยากรณ์อากาศบอกว่าฟ้าจะเปิดแน่นอนวันพรุ่งนี้ จบแล้วค่ะทริปญี่ปุ่นวันแรก ฝนฟ้าไม่เป็นใจ แต่อากาศเย็นค่อนข้างสบายเลยทีเดียว เดี๋ยวจะกลับมาต่อตอนหน้านะคะ
[CR] #เที่ยวญี่ปุ่น# Chubu Road Trip: ตอนที่ 1 ขับรถยาวๆในวันฝนตก [Chubu airport - Shoji lake – Yamadaya hotel]
แผนการเดินทาง
วันที่ 1 : Chubu Centrair International Airport – Nanaya icecreme – Grinpa park – Shoji lake พักYamadaya Hotel
วันที่ 2: Shoji lake – Fuji Shibazakura – Matsumoto castle – พัก Kazeya Hotel
วันที่ 3: Kamikochi – Shinhotaka Ropeway – พัก Kazeya Hotel
วันที่ 4: Shirakawago – Kenrokuen – พัก Daiwa Roynet Toyama
วันที่ 5: Tateyama alpine route [Round trip Tateyama st. – Kurobe Dam] - พัก Daiwa Roynet Toyama
วันที่ 6: Toyama – Takaoka[Zuiryuji Temple] – Takayama –พัก Honjin Hiranoya Annex[Bekkan]
วันที่ 7: Takayama – Nagoya – พัก Mercure Nagoya Cypress
วันที่ 8: Nagoya – Chubu airport - BKK
การเตรียมตัว
1. ตั๋วเครื่องบิน
- CNX – BKK
แลกคะแนนช่วงโปรได้ตั๋วบางกอกแอร์มาในราคาไปกลับ คนละ 1,500 บาท
- BKK - NGO
โดยสายการบิน JAL อยู่ที่ คนละ 17,840 บาท เจ็บใจนิดหน่อยเพราะหลังซื้อตั๋วไม่นาน การบินไทยปล่อยโปรไปกลับคนละประมาณ 15,000+ มาค่ะ ยังไม่พอตอนจองใส่ชื่อสลับกับนามสกุลทั้งบ้าน โดนค่าแก้ชื่อไปอีกสี่คนรวม 2500 บาท
2. ใบขับขี่สากล
เตรียมเอกสารได้แก่
- Passport ตัวจริง และสำเนา
- ใบขับขี่ตัวจริง และสำเนา
- บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา
- รูปถ่ายสองนิ้ว 2 รูป
- เงิน 505 บาท
เตรียมของเรียบร้อยก็ไปยื่นเอกสารที่ขนส่ง เค้าจะให้เราเขียนคำร้องแล้วรอจ่ายเงิน อีกวันมารับใบขับขี่สากลได้เลยค่า ใบขับขี่สากลมีอายุ 1 ปีค่ะ [บางพื้นที่อาจรอรับได้เลยนะคะ ของเราทำที่เชียงใหม่ค่ะ]
3. จองรถเช่า
เราเลือกรถเช่า ของ Nippon rent a car มีโปรโมชันลดราคา 10% ได้รถ Toyota wish มาในราคา 79,596 เยน เลือกรุ่นนี้เพราะใส่กระเปาได้หลายใบค่ะ ทั้งบ้านเรามีกระเป๋าไซส์ 24 นิ้ว 3 ใบ 20 นิ้ว 3 ใบ
เช่ารถแล้วก็อย่าลืมเช่า ETC card ด้วยนะคะ จะเป็นบัตรไว้เสียบในรถเวลาเราผ่านด่านทางด่วนจะได้ไม่ต้องแวะจ่ายเงินค่ะ ค่าเช่าอยู่ที่ 300 เยน กดเลือกไปตอนจองรถได้เลยค่ะ
นอกเหนือจากนี้จะมีบัตรที่เรียกว่า บัตรเหมาค่าทางด่วน มีให้เช่าตามบริษัทรถเช่าค่ะ ไปแจ้งที่นู่นตอนรับรถได้เลย คือบัตร ETC เวลาใช้มันจะเก็บข้อมูลการผ่านทางด่วนแล้วให้เรามาจ่ายทีหลังที่บริษัทรถเช่าค่ะ แต่บัตรเหมาทางด่วนนี้ถ้าเราขับรถในพื้นที่ เช่นเราขับรถเที่ยวโซน Chubu ก็คือเหมาเลย ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ของเราเรียกว่า CEP ใช้งาน 8 วันอยู่ที่ 11,000 เยน บวกค่า Optional area ไปอีก 4000 เยนค่ะ
4. จองโรงแรม
โรงแรมส่วนใหญ่จองผ่าน Booking.com ค่ะ เพราะสามารถกดยกเลิกที่พักได้ถ้าเปลี่ยนแผนหรือเวลาเจอราคาที่พักที่ถูกลง
5. จองตั๋ว Tateyama Alpine Route
กดจองผ่านหน้าเว็บไซต์ล่วงหน้า 1 เดือนค่ะ เป็นตั๋วไปกลับ Tateyama st. – Kurobe Dam ราคาคนละ 10,790 เยน ใครจะเที่ยวไปกลับแบบเราแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 8 ชั่วโมงนะคะ
6. ซิมการ์ดและ Pocket wifi
ตอนแรกเรากะจะใช้ซิมการ์ดกันทั้งบ้าน ได้ซิมการ์ดที่เพื่อนไม่ได้ใช้ขายต่อมาของ Sim2Fly มาสองซิม แต่กลัวว่าถ้าเปิด GPS ดูทางบ่อยๆหรือเผื่ออยากดูวิดีโอ youtube ไรงี้ จะไม่พอ เลยตัดสินใจเช่า pocket wifi ไปด้วย เลือกเช่าของ Wise pocket wifi สรุปการใช้งานคร่าวๆเลยละกันนะคะ ซิมการ์ดใช้งานได้ดีค่ะ ถ้าไม่ใช่เข้าอุโมงค์ สัญญาณดีตลอด 4G 8 วัน ไม่ได้นับวันที่นะคะ นับเป็น 192 ชั่วโมงค่ะ ส่วน pocket wifi รอบนี้เน็ตสัญญาณไม่ค่อยดีเลยค่ะ ค่อนข้างช้า มาดีขึ้นช่วงที่นอนในเมือง
ออกเดินทาง
เกริ่นมาตั้งยาว ในที่สุดก็ถึงวันออกเดินทาง จาก CNX – BKK ด้วย บางกอกแอร์เวย์
ถึงสุวรรณภูมิประมาณ สองทุ่มครึ่งค่ะ หลังเลือกซื้อของที่ Duty free นิดหน่อย ก็ไปรอขึ้นเครื่องที่ King Power Lounge ค่ะ
พอเที่ยงคืนก็ได้เวลาขึ้นเครื่องกับป้าแจลแล้ว มีดีเลย์นิดหน่อยประมาณ 20 นาที ค่ะ เครื่องเป็นรุ่น Boing 787 ที่นั่งจัดเป็นแบบ 2-4-2 ทำให้เวลาไปกันสี่คนค่อนข้างสะดวกในการจัดที่นั่งด้วยกัน และสะดวกในการลุกไปห้องน้ำค่ะ ที่นั่งเราว่าค่อนข้างแคบ เก้าอี้เอนได้น้อย ภาพยนตร์บนเครื่องอัพเดตใช้ได้เลยค่ะ มีที่เสียบ USB ไว้สำหรับชาร์จโทรศัพท์
ก่อนนอนมีน้ำเปล่าให้ 1 ขวด แล้วเราก็หลับไป มีสะดุ้งตื่นช่วงสภาพอากาศแปรปรวนบ้างแถวเวียดนาม หลับๆตื่นๆไปเกือบ 4 ชั่วโมง ก็ได้เวลาทานอาหารเช้าค่ะ เป็นแบบ Western Style จืดมาก มีโยเกิร์ตอร่อยอยู่อย่างเดียวค่ะ
ถึงสนามบินนาโกยาก็เข้าพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน คนเยอะค่ะ เราไปแวะอาบน้ำที่ออนเซ็นของสนามบินที่ชั้น 4 อาบอย่างไวแล้วก็ลงไปจุ่มออนเซ็นด้วยความเร็ว อยากแช่แต่ไม่มีเวลาค่ะ ถึงเวลารับรถเช่าแล้ว
ที่สนามบินชูบุจุดรับรถเช่าจะอยู่อาคารเดียวกับที่ไปขึ้นรถบัสค่ะ เดินไปทางเดียวกันเลย มีทางเดินเชื่อมมาจากทางชั้น 2 และชั้น 3 ไปถึงอีกตึกจะมีลิฟต์ลงไปยังจุดสำนักงานรถเช่าค่ะ ใช้เวลารับรถนานประมาณ 20 นาที เพราะทำเรื่องขอเช่าบัตร CEP ค่ะ
แผนที่การเดินทางคร่าวๆวันที่ 1 ค่ะ
จากสนามบิน ขับรถมุ่งหน้าไปทาง Shizuoka เพื่อไปต่อยัง Yamanashi ค่ะ ระหว่างทางมีฝนตกฟ้าครึ้มตลอดทาง ได้แต่ภาวนาว่าที่ฟูจิขอให้ฟ้าใส
ที่ญี่ปุ่นบนทางด่วนจะมีจุดแวะพักให้ตลอดทาง โดยจะมีบอกใน GPS และป้ายบอกทางจราจรว่าแต่ละจุดจะมีอะไรบริการบ้าง เช่น บางจุดมีแต่ตู้กดน้ำและห้องน้ำ บางจุดมีร้านอาหารด้วย บางจุดมีทุกอย่างรวมถึงปั๊มน้ำมัน
เราขับรถกันมาเรื่อยๆจนถึง Hamamatsu ก็แวะจุดพักเพื่อทานข้าวกลางวันกันค่ะ จุดพักที่นี่ค่อนข้างใหญ่ ข้างในเหมือนศูนย์การค้าขนาดเล็ก มีร้านขายของและ ฟู้ดคอร์ท เราเลือกทานร้านนี้ค่ะ ข้าวหน้าไก่ใส่ไข่ ของแม่เราเป็นข้าวหน้าหมูทอด อร่อยเหมือนกันค่ะ
อิ่มท้องแล้วก็ขับรถต่อกันค่ะ คันนี้เลยค่ะ คู่หูของเราสำหรับทริปนี้
ขับมาเรื่อยๆผ่านเมือง Fujieda ที่Shizuoka นี้มีร้านไอศกรีมชาเขียวเข้มข้น 7 ระดับ ชื่อ Nanaya Ice creme อยู่ โดยมีสองสาขาคือที่ Shizuoka และ ที่ Fujiedaค่ะ เราแวะสาขานี้เพราะไม่อยากขับรถไปกลางเมือง กลัวเจอรถติด บรรยากาศที่ร้าน คนค่อนข้างน้อยค่ะ แต่ไอศกรีมมีครบ เลือกชิมรส No.2 No.4 และ No.5 กันค่ะ No4. และ 5เข้มข้นถูกใจ ไม่ขม หอมชาเขียวสุดๆค่ะ พอมาทานNo.2 ของแม่คือจืดไปเลยค่ะ
ของคาวของหวานครบ จุดหมายถัดไปตั้งใจว่าจะไป Grinpa Park ซึ่งอยู่บริเวณฟูจิชั้นที่ 2 พอดีหาข้อมูลมาเค้าบอกว่ามีจัดสวนดอกทิวลิปพร้อมวิวฟูจิ แหมดึงดูดมากเลยโปสเตอร์ ระหว่างทางจะผ่านไร่ชาเต็มไปหมดเลยค่ะ เสียดายไม่ได้จอดแวะถ่ายรูป
ขับรถไปฟ้าเริ่มใสแต่มองไม่เห็นฟูจิ (จริงๆควรลงเขาได้แล้ว) ก็ยังขับไปจนถึง Grinpa Park สรุปไม่ได้เข้าไปเที่ยวค่ะ ข้างบนฟ้าปิดมาก ยอมแพ้แล้วค่า ไม่น่าขึ้นมาเลย ขับขึ้นขับลงก็ไปไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว ฮือออ ร้องไห้
ขับลงมาก็ตรงไปโรงแรมเลยค่ะ วันนี้เราพักกันที่ Yamadaya Hotel ที่ Shojilake
โรมแรมนี้เป็นสไตล์ Ryokan ค่ะ ห้องพักเป็นแบบฟูก เราจองไปสองห้อง ห้องละสองคน ห้องใหญ่พอดี (แนะนำสำหรับคนที่จะมาพักที่นี่ ตอนเราจองราคา 1 ห้อง สี่คน กับ 2 ห้องห้องละสองคน ราคาเท่ากันค่ะ ซึ่งเวลาเข้าพักเค้าจะให้เลือกเวลาแช่ออนเซ็นส่วนตัวได้ห้องละ 30 นาที เราเลยเลือกไปสองห้องค่ะ คุ้มเลย ) ไปถึงที่พัก จอดรถไว้ด้านหน้าของโรงแรมได้เลยค่ะ ไม่เสียค่าที่จอดรถ
*รูปหน้าโรงแรมถ่ายเช้าวันถัดมาค่ะ
ตอนเชคอินคุณลุงจะให้เลือกเวลารับประทานมื้อเย็น และมื้อเช้าวันรุ่งขึ้น และให้เลือกช่วงเวลาที่ไปแช่ออนเซ็นส่วนตัวที่ชั้นบน
ภายในห้องพักทางโรมแรมได้ปูฟูกที่นอนเตรียมไว้แล้ว มีกาน้ำร้อน และถุงชาเขียวในกล่องเตรียมไว้ให้ วิววันนี้จากหน้าต่างห้องพักเห็นแต่ตัวทะเลสาบ ไม่มีวี่แววของฟูจิซังให้เห็นเลย ในห้องพักจะแยกส่วนอาบน้ำและชักโครกอยู่คนละด้านกันค่ะ
หลังเก็บของเสร็จเรียบร้อยงีบอีกนิดหน่อยก็ลงไปเดินเล่นแถวๆทะเลสาบ ฝนยังตกปรอยๆอยู่เลย อากาศค่อนข้างเย็น
แล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นค่ะ อาหารหน้าตาน่าทานมาก ตัวปลาทอดเค็มมาก อย่างอื่นอร่อยดีค่ะ จิบเบียร์ไปด้วย ฟินได้อีก
ก่อนนอนแวะขึ้นไปแช่ออนเซ็น แอบดูพยากรณ์อากาศบอกว่าฟ้าจะเปิดแน่นอนวันพรุ่งนี้ จบแล้วค่ะทริปญี่ปุ่นวันแรก ฝนฟ้าไม่เป็นใจ แต่อากาศเย็นค่อนข้างสบายเลยทีเดียว เดี๋ยวจะกลับมาต่อตอนหน้านะคะ