สวัสดีทุกๆคนที่หลงเข้ามาอ่านค่ะ ก่อนอื่นเลยขอออกตัวก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราเขียนแชร์ประสบการณ์เที่ยว ถ้าเขียนผิดอย่างไรขอให้บอกเราจะได้นำไปปรับปรุงและขอโทษด้วยนะคะ แนะนำตัวก่อนเนอะ เราชื่อว่า junjune กำลังขึ้นปี1ที่มหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เราชอบเที่ยวตั้งแต่เด็ก การท่องเที่ยวของหลายๆคนอาจจะอยู่ที่จุดหมายแต่สำหรับเราแล้ว มันก็ใช่แหละหน่าแต่อะไรที่ทำให้จุดหมายนั้นสวยยิ่งขึ้นก็คือระหว่างทางว่าเราเจออะไร เจอใคร ต่างหากที่ทำให้มันสวยยิ่งๆขึ้นไป ทริปนี้มันเป็นทริปที่สุดยอดตรงที่ ไปตายเอาดาบหน้า ไม่ต้องแพลนมาก เจอคนให้ช่วยเหลือแบบทวิภาค ให้แรงบันดาลใจเรา ให้ข้อคิดอะไรต่างๆในชีวิตเรามากขึ้น และได้รู้จักคนจากแทบทุกมุมโลก ว่าไปแล้วก็เลื่อนลงอ่านกันเลยดีกว่า
ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมถึงชื่อ สังคมสงเคราะห์ ที่มาคือ
ตอนเราอยู่กัวลา เมทแคนาดามีปัญหาซึ่งเราก็ช่วยเหลือเขา
ตอนเราอยู่กัวลา คนปากีกำลังตามหาคน ก็ให้เราช่วยหา
แต่เราช่วยอะไรไปเดี๋ยวอ่านในบทสรุปนะ
ขอฝากฝังเพจเราหน่อยนะ
https://www.facebook.com/adventurousvagabond/
อ่านต่อภาค2 :
https://pantip.com/topic/36533809
เป็นไงมาไง…เพื่อนเราคนนึงนางอยากไป Universal Studio มาก เราก็บอกนางว่า สิงคโปร์สิเธอถูกสุดเท่าที่ฉันไปได้ นางก็ตอบตกลงและแล้วจากนั้นเราก็เก็บตังค์เรื่อยๆ เปิดดูตั๋วเครื่องบินถูกเรื่อยๆ และแล้วก็ใกล้ถึงเวลาที่จะเริ่มทำแพลนเราก็คิดๆไปนะว่า เห้ยไหนๆเพิ่งจบม.6จากโรงเรียน ช่วงว่างตอนนี้เราควรทำในสิ่งที่เราอยากทำมากที่สุด เราจะเที่ยวแค่สิงคโปร์ costly landอย่างเดียวหรอ คำตอบคือ ไม่ฉันจะเที่ยวยาวๆ เราเลยหาข้อมูลและได้เส้นทางมาว่าเราจะเที่ยวไม่เกิน10000บาท(แต่สุดท้ายแม่มก็เกินจนได้) ที่สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ และ ปีนัง แบบไม่มีกำหนดวัน
ริววิวทริปสั้นๆเล็กน้อยเผื่อบางคนขี้เกียจอ่านหมดนะ
ภาค1
--วันที่ 1 (Hello SG)--
ไปถึงสิงคโปร์เกือบ จัดการเรื่องซิมการ์ด ซื้อที่ร้านcheersอยู่ในแอร์พอร์ท จากนั้นก็เดินทางไปที่ hostelของเราอยู่ในย่านbugisชื่อ5footway.inn project bugis
--วันที่2 (Costly SG)--
เดินเล่นแถว Bugis ไปMusjid Sultan ไปChinatown แล้วไปหาอาหารกินตอนเที่ยงที่ Maxwell มีร้านข้าวมันไก่ชื่อ Tian Tian chicken rice จากนั้นก็ไป Buddha Tooth Relic Temple and Museum และ Sri Mariamman Temple เสร็จต่อด้วย little india, esplanade,marina sand bay และก็ garden by the bayเพื่อดู rhapsody light show จากนั้นก็กลับมาที่ห้องมาเจอรูมเมตคนแคนาดาพร้อมเรื่องราวบันดาลใจ
--วันที่3 (Universal studio day)--
ยอมเสียเงินเล่น universal studio จากนั้นก็ไปทะเลของสิงคโปร์ ไปลงที่beach station จากนั้นไป clarke quay ไปชมร้านอาหาร ร้านdrinkริมน้ำหน่อยแล้วก็กลับห้อง
--วันที่4 ( Last day in SG and flew to KL)--
มาสิงคโปร์ไม่ได้รูปกับMerlionนี่เหมือนมาไม่ถึง ก็ไปถ่ายกับmerlion แล้วก็เดินเล่นแถวcity hall แล้วก็กลับhostelไปเอากระเป๋าเตรียมตัวไปกัวลาลัมเปอร์ ถึงกัวลาดึก ขึ้นรถบัสพาเข้าเมืองราคา 12 ริงกิต ไปลง KL Sentral จากนั้นก็นั่งmonorailไป Bukit Bintang ที่พักชื่อว่า Travelogue guest house เข้าไปวางกระเป๋าเสร็จก็ไปหาไรกินที่jalan alorอยู่ใกล้ๆนิดเดียว แล้วกลับมาเจอคนคุย ทั้งคืนก็เลยนั่งคุยกับคนจากอินโดและปากีสถาน
ภาค2
--วันที่5 (KL!)--
จากการที่นั่งคุยกับคนปากีคืนก่อน วันถัดมาเขาก็ขอติดตามมาด้วย ที่แรกที่ไปคือ Jamek Mosque เดินต่อนิดนึงไป Sultan Abdul Samad Building,Kuala Lumpur city gallery และMerdeka square จากนั้นคนปากีสถานก็แยกย้ายจากเราไป พวกเราเห็นรถhop on hop offเลยลองหน่อย ราคา 45 ริงกิต นั่งไปลง KL Tower แต่ไปก็ไม่ได้ขึ้นเพราะตั๋วมันแพ๊งเกิน เดินลงมาไปหาไรใส่ท้องที่Chinatownต่อแล้วกลับที่พัก
--วันที่6 (still in Kl)--
ไหนๆซื้อhop on hop offแล้วก็ใช้ให้มันคุ้มหน่อย ขึ้นจากBukit Bintangไป National palace จากนั้นเข้ามาในเมืองเพื่อต่อรถไป Buta caveซึ่งฝนตกหนักมากแต่ก็ไหนๆไปแล้วเอาหน่อยหน่า ขึ้นก็ขึ้น
--วันที่ 7 ( another last nigh in KL)--
ไปปุตราจายา เพื่อไปดู pink mosqueหรือ Putrajaya mosque ไปถึงตรงนั้นก็เดินเล่นแถวๆนั้นหน่อย มันจะมีจุดให้หยิบแผนที่ก็เข้าไปดูกันเน้อว่าอยากไปไหนเพราะมันมีล่องเรือ ขี่จักรยานด้วยแต่สำหรับเรา คืองบน้อยไม่มีเงินก็ต้องกลับ ระหว่างทางกลับก็ไปเจอคนฟิลิปปินส์3คนรอรถเมล์ด้วยกัน ก็เลยตัดสินใจว่านั่งGrabcarแทน คือมันถูก 6 คนเหลือคนละ 2 ริงกิตเองแถมสบายด้วย เข้ามาในเมืองก็มาPetronas towerถ่ายรูปสวยๆแต่แสงสปอตไลท์ทำเอาตรูตาบอด
ภาค3
--วันที่8 ( go to Penang!)--
เอ้าท์ในที่สุดก็ได้ไปปีนังสักทีหลังจากคิดเรื่องเงินตั้งนาน วิธีไปปีนังมันมี 2 ทาง รถไฟกับรถบัส รถไฟนี่ต้องรีบไปจองหน่อยนะ เราไปแล้วป้ายมันติดหลาว่า ไม่มีที่นั่งเหลือ เราเลยนั่งรถบัสก็ได้ ถ้าจะนั่งรถบัสให้ไปที่ Terminal Bersepadu Selatan ไปซื้อตั๋วที่นั่น ตั๋วไม่เต็มหรอกเพราะรอบมันเยอะแต่ก็อย่าวางใจมากนะ ราคาแค่ 32 ริงกิต ไปลงที่ butterworthแล้วต่อเฟอร์รี่ หรือจะลงที่สถานีรถบัสปีนังชื่อ Sungai nibong bus terminal ก็ได้แล้วก็รอรถบัสเพื่อเข้าไปในgeorgetown แต่คือโชคดีกันอีกเว่ย ระหว่างรอเจอสองสาวจากสก็อตแลนด์กำลังไปhostel ที่ love laneเหมือนเรา เราเลยเรียกgrabcarอีก จ่ายคนละ 4 ริงกิต เรานอนที่ Reggae Penang Love Lane Hostel โฮสเทลเรา ข้างล่างมันเป็นบาร์มีโต๊ะพูลให้เล่น เรากับเพื่อนอีกคนเลยจัดเลยจ้าเล่นกันถึงตี4
--วันที่9 (Loving Penang)--
ตื่นมาก็เดินไปKapitan Keling Mosque หาไรลงท้องที่ Kapitan restoran จากนั้นเดินต่อไปเช่าจักรยาน 8 ริงกิตต่อวัน ตรงถนน Lebuh Armenian ตรงถนนนี้จะมีstreet artsให้ถ่าย แนะนำนะให้เดินถ่ายง่ายกว่าขี่จักรยานถ่าย จากนั้นก็ขี่ไป upside down museum เอาจักรยานมาคืนแล้วก็เดินเล่นต่อเรื่อยไปแถว fort cornwalis,city hallจากนั้นขึ้นรถบัสไปตึกkomtar ไปหาไรกินที่New Lane Foodstall (เดินไปSunway hotelแล้วจะเจอที่กินนี้เอง) กลับมาเล่นพูลกับรูมเมทคนอังกฤษถึงตี4อีกรอบ
--วันที่10 ( The end of the trip)--
เป้าหมายแรกของวันนี้คือ Penang hill อย่าลืมเอาบัตรนร./นศ. ไปนะ ราคามันลดเท่าตัวเลยเหลือแค่ 15 ริงกิต จาก 30 ริงกิต กลับมาก็เดินเล่นแถว lebuh Armenian ไปเพ้นท์ Henna ก่อนกลับ แล้วก็กลับไปโฮสเทลกลับไทย
ภาคที่ 1
--สิงคโปร์--
สถานที่ที่ควรไปเที่ยว

รูปภาพจาก
http://mozh.tk/map-singapore/
มีอีกที่นึงที่เราอยากไปมากถ้าเรามีเวลาเราก็จะไป มันคือ MacRitchie Reservoir คือมันมี Treetop walk เราดูในรูปมันสวยแล้วก็น่าไปมาก ถ้าใครมีเวลา 1 วันเต็มๆก็แนะนำให้ไปนะ
วันที่1
เริ่มต้นการเดินทางกันเล๊ย…เช็คอินที่ดอนเมือง เราบินด้วยThai lion air สายการบินราคาถูกที่ดูแลคุณในราคาแพง ตอนเช็คอินบอกเลยว่าก็อึ้งเล็กน้อย คือเขาขอดูตั๋วออกจากสิงคโปร์ด้วย ซึ่งโชคดีที่เพื่อนเราบอกว่าให้จองตั๋วออกจากสิงคโปร์ด้วยเดี๋ยวเขาไม่ให้เข้าประเทศ คือตอนแรกเรากะจะไปซื้อรถบัสเข้ากัวลาลัมเปอร์ในราคาย่อมเยาเมื่อเข้าสิงคโปร์ไปแต่เพื่อความมชัวร์ เลยต้องจองตั๋วเครื่องบินจากสิงคโปร์ไปกัวลาเลยและนี่แหละทำให้เราต้องเสียเงินเพิ่มมากเพราะตั๋วเครื่องบินจริงๆต้องนั้นมันมีลด 50 % แต่เราจองผิดจ้า ของให้เพื่อนคนละวันกับเราเลยต้องจองใหม่
*NOTE* การจะเดินทางเข้าสิงคโปร์ตอนนี้ ตม.สิงคโปร์เขาเพ่งเล็งคนไทยมาก ตอนเช็คอินที่ไทยเขายังขอดูใบกลับจากสิงคโปร์เลย ฉะนั้นเราขอแนะนำนะ ให้มีแพลน มีที่พัก และตั๋วออกจากประเทศสิงคโปร์เผื่อไว้ด้วยก็ดีเพื่อความสบายใจ เผื่อตม.เรียกถามได้ไม่ถูกกักไว้
เครื่องเราจริงๆแล้วมันต้องขึ้นเครื่อง 15.10น. แต่มันดีเลย์เราเลยได้ขึ้นเครื่องตอนประมาณ 16.30น. เดินทางถึงสิงคโปร์ก็ประมาณสามทุ่ม
เห็นคนไหม นั่นคือคนจีนที่ไม่ได้ขึ้นไฟลท์เดียวกับเราแต่เขามายืนรอเครื่องบินของเขา

ในที่สุดก็จะได้บินสักที

ตม.สุดแสนน่ารัก ใครบอกว่าโหด แต่ก็โหดกับบางคนนะ
--ซิมการ์ด--
ออกมาจากที่เอากระเป๋าก็ซื้อซิมการ์ด M1 ในราคา 15 sgd ที่ร้านcheersในสนามบินเทอมินัล2 ซิมการ์ดM1เนี่ยราคามันถูกแถมแพคเกจมันดีเว่อร์วังมาก คือ
www.m1.com.sg/mcard#tab7 เข้าไปเช็คเอานะทุกคน
--การเดินทางเข้าเมือง--
เดินตามป้ายที่เขียนว่า train to city เดินลงไปก็จะเจอเคาท์เตอร์ขายบัตร กับตู้ขายบัตร
บัตรมีทั้งหมด 3 ประเภทให้ทุกท่านเลือกในราคาที่หลากหลาย
1.Tourist pass
มีเป็นแบบ 1 วัน 10 sgd, 2 วัน 16 sgd, 3วัน 20 sgd ทั้งนี้ต้องมีค่าจำนำบัตร 10 sgd ด้วยนะ พอเที่ยวเสร็จก็เอาบัตรมาคืนที่เคาท์เตอร์แล้วจะได้คืน 10 sgd
http://home.ezlink.com.sg/singapore-tourist-pass/
2. EZlink card
ถ้าซื้อที่เคาท์เตอร์ MRTจ่าย 12 sgd ไอ 12 ดอลเนี่ยมันมีค่าบัตร 5 ดอล กับ อีก 7 ดอลเอาไว้สำหรับเวลาขึ้นmrt แล้วถ้าไปSentosa ก็ใช้ EZlink card ได้เลย
http://home.ezlink.com.sg/get-your-ez-link-card/where-the-cards-are-sold
3. Standard
เราไม่ได้ซื้ออะไรเลย เราจะขึ้นทีนึงก็จ่ายทีนึง รวมแล้วที่เราใช้คือ 13.9 sgd อันนี่คือนั่งรถไฟหลายครั้งอยู่นะ รถไฟมันไม่ค่อยแพงนะ อันไหนมันไม่ไกลมาเราก็เดินแทน เราเลยใช้แบบอย่างงี้คุ้มกว่า แต่ถ้าจะขึ้นลงหลายที่แนะนำให้ใช้ Tourist passจะคุ้มมาก
รถไฟที่นี่ไม่งง ดูง่ายๆตามนี้เลย

ขอบคุณภาพจาก :
https://www.mytransport.sg/content/mytransport/home/commuting/trainmap.html
มาถึงแล้วบูกิส เราไม่ได้ถ่ายรูปเพราะตอนนั้นคือหิวมากแล้วมันเกือบ5ทุ่มแล้วยังไม่ได้ไปที่พัก ไม่ได้กินเลย ก็เลยรีบบึ่งไปที่พักในย่านบูกิสก่อนแล้วค่อยออกมาหาไรกิน ที่พักเราเป็นHostel ชื่อ 5footway.inn project Bugis อันนี้มันมีหลายสาขามาก ลองเข้าไปดูข้อมูลได้ เรานอนแบบ4เตียงต่อห้อง แพลนเราคือนอนที่นี้ 3 คืน ซึ่งคืนนึงนะค่าเอาตัวลงนอนราคา 400 บาท รวมแล้ว 3 คืนป็นเงิน 1200 บาท มีอาหารเช้าให้ด้วย เข้าไปก็ เฮลโหลกับคนต้องรับหน่อย เขาก็พาเราขึ้นไปที่ห้องของเรา ระหว่างทางเขาก็บอกว่ามีกาแฟให้ดื่มฟรีเลยนะไม่อั้น ขึ้นไปอีกชั้นเขาก็หาห้องเรา ลลองแทบทุกห้องว่าห้องไหนมันใช่ของเรา ในที่สุดก็ได้สักที เปิดประตูมาปุ๊ป นี่มันสวรรค์ ห้องมันแบบโล่งมาก แต่ยังไม่มีรูมเมทหน่ะสิ เราก็ถามเขาว่า ไม่มีรูมเมทหรอ เขาบอกว่า อ๋อเดี๋ยวก็มาๆ เราก็คุยกับเพื่อนนะว่า นี่มัน 5 ทุ่มแล้วนะเว่ย ยังมีคนมาเช็คอินหลังเราอีกเหรอวะเนี่ย เอาวะ เราก็วางของห้มันดูเรียบร้อยตามฉบับหญิงไทยหน่อยแล้วก็ออกมาหารของลงท้อง เดินหาร้านที่มันเปิดหลัง 5 ทุ่มมันก็ไม่ใช่หายากนะ แต่ไอที่เปิดอ่ะราคาจากนึง 10 sgd แพงไปเว้ย สุดท้ายเหลือบไปเห็นร้านที่ทุกคนต้องเข้ามันมักจะมีพลังงดึงดูดแปลกๆเวลาเห็นที่ต่างประเทศ และนั่นก็คือ 7-11 นั่นเอง เราก็ซื้ออาหารจาก7-11ในราคาเพียง 3 sgd
อันนี้ที่เรากินคือ Hokkien Prawn รสชาติเหมือนน้ำผสมน้ำพริกเผาและมีเส้นให้กินด้วย
ซื้อเสร็จก็มากินที่โฮสเทล คือโฮสเทลเรามันดีงามตรงที่ที่นั่งมันน่านั่งมากและก็มีกาแฟ มีชา Teh Tarikให้กดฟรี ซึ่งมันอร่อยแบบอยากแอบใส่ขวดกลับมาเลย (Teh tarik คือ ชาชัก)


อันนี้ที่นั่งเล่นของที่พักเรา ถ่ายตอนเช้า
จัดการภารกิจเรื่องของกินเสร็จก็ไปอาบน้ำนอนรอเมทว่าเมื่อไหร่จะมา
ไตรภาค 10 วันแบกเป้,มิตรภาพและสังคมสงเคราหะ์เคลื่อนที่ ณ สิงคโปร์-กัวลา-ปีนังในงบ10000(แต่กลายเป็น15000)
ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมถึงชื่อ สังคมสงเคราะห์ ที่มาคือ
ตอนเราอยู่กัวลา เมทแคนาดามีปัญหาซึ่งเราก็ช่วยเหลือเขา
ตอนเราอยู่กัวลา คนปากีกำลังตามหาคน ก็ให้เราช่วยหา
แต่เราช่วยอะไรไปเดี๋ยวอ่านในบทสรุปนะ
ขอฝากฝังเพจเราหน่อยนะ https://www.facebook.com/adventurousvagabond/
อ่านต่อภาค2 : https://pantip.com/topic/36533809
เป็นไงมาไง…เพื่อนเราคนนึงนางอยากไป Universal Studio มาก เราก็บอกนางว่า สิงคโปร์สิเธอถูกสุดเท่าที่ฉันไปได้ นางก็ตอบตกลงและแล้วจากนั้นเราก็เก็บตังค์เรื่อยๆ เปิดดูตั๋วเครื่องบินถูกเรื่อยๆ และแล้วก็ใกล้ถึงเวลาที่จะเริ่มทำแพลนเราก็คิดๆไปนะว่า เห้ยไหนๆเพิ่งจบม.6จากโรงเรียน ช่วงว่างตอนนี้เราควรทำในสิ่งที่เราอยากทำมากที่สุด เราจะเที่ยวแค่สิงคโปร์ costly landอย่างเดียวหรอ คำตอบคือ ไม่ฉันจะเที่ยวยาวๆ เราเลยหาข้อมูลและได้เส้นทางมาว่าเราจะเที่ยวไม่เกิน10000บาท(แต่สุดท้ายแม่มก็เกินจนได้) ที่สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ และ ปีนัง แบบไม่มีกำหนดวัน
ริววิวทริปสั้นๆเล็กน้อยเผื่อบางคนขี้เกียจอ่านหมดนะ
ภาค1
--วันที่ 1 (Hello SG)--
ไปถึงสิงคโปร์เกือบ จัดการเรื่องซิมการ์ด ซื้อที่ร้านcheersอยู่ในแอร์พอร์ท จากนั้นก็เดินทางไปที่ hostelของเราอยู่ในย่านbugisชื่อ5footway.inn project bugis
--วันที่2 (Costly SG)--
เดินเล่นแถว Bugis ไปMusjid Sultan ไปChinatown แล้วไปหาอาหารกินตอนเที่ยงที่ Maxwell มีร้านข้าวมันไก่ชื่อ Tian Tian chicken rice จากนั้นก็ไป Buddha Tooth Relic Temple and Museum และ Sri Mariamman Temple เสร็จต่อด้วย little india, esplanade,marina sand bay และก็ garden by the bayเพื่อดู rhapsody light show จากนั้นก็กลับมาที่ห้องมาเจอรูมเมตคนแคนาดาพร้อมเรื่องราวบันดาลใจ
--วันที่3 (Universal studio day)--
ยอมเสียเงินเล่น universal studio จากนั้นก็ไปทะเลของสิงคโปร์ ไปลงที่beach station จากนั้นไป clarke quay ไปชมร้านอาหาร ร้านdrinkริมน้ำหน่อยแล้วก็กลับห้อง
--วันที่4 ( Last day in SG and flew to KL)--
มาสิงคโปร์ไม่ได้รูปกับMerlionนี่เหมือนมาไม่ถึง ก็ไปถ่ายกับmerlion แล้วก็เดินเล่นแถวcity hall แล้วก็กลับhostelไปเอากระเป๋าเตรียมตัวไปกัวลาลัมเปอร์ ถึงกัวลาดึก ขึ้นรถบัสพาเข้าเมืองราคา 12 ริงกิต ไปลง KL Sentral จากนั้นก็นั่งmonorailไป Bukit Bintang ที่พักชื่อว่า Travelogue guest house เข้าไปวางกระเป๋าเสร็จก็ไปหาไรกินที่jalan alorอยู่ใกล้ๆนิดเดียว แล้วกลับมาเจอคนคุย ทั้งคืนก็เลยนั่งคุยกับคนจากอินโดและปากีสถาน
ภาค2
--วันที่5 (KL!)--
จากการที่นั่งคุยกับคนปากีคืนก่อน วันถัดมาเขาก็ขอติดตามมาด้วย ที่แรกที่ไปคือ Jamek Mosque เดินต่อนิดนึงไป Sultan Abdul Samad Building,Kuala Lumpur city gallery และMerdeka square จากนั้นคนปากีสถานก็แยกย้ายจากเราไป พวกเราเห็นรถhop on hop offเลยลองหน่อย ราคา 45 ริงกิต นั่งไปลง KL Tower แต่ไปก็ไม่ได้ขึ้นเพราะตั๋วมันแพ๊งเกิน เดินลงมาไปหาไรใส่ท้องที่Chinatownต่อแล้วกลับที่พัก
--วันที่6 (still in Kl)--
ไหนๆซื้อhop on hop offแล้วก็ใช้ให้มันคุ้มหน่อย ขึ้นจากBukit Bintangไป National palace จากนั้นเข้ามาในเมืองเพื่อต่อรถไป Buta caveซึ่งฝนตกหนักมากแต่ก็ไหนๆไปแล้วเอาหน่อยหน่า ขึ้นก็ขึ้น
--วันที่ 7 ( another last nigh in KL)--
ไปปุตราจายา เพื่อไปดู pink mosqueหรือ Putrajaya mosque ไปถึงตรงนั้นก็เดินเล่นแถวๆนั้นหน่อย มันจะมีจุดให้หยิบแผนที่ก็เข้าไปดูกันเน้อว่าอยากไปไหนเพราะมันมีล่องเรือ ขี่จักรยานด้วยแต่สำหรับเรา คืองบน้อยไม่มีเงินก็ต้องกลับ ระหว่างทางกลับก็ไปเจอคนฟิลิปปินส์3คนรอรถเมล์ด้วยกัน ก็เลยตัดสินใจว่านั่งGrabcarแทน คือมันถูก 6 คนเหลือคนละ 2 ริงกิตเองแถมสบายด้วย เข้ามาในเมืองก็มาPetronas towerถ่ายรูปสวยๆแต่แสงสปอตไลท์ทำเอาตรูตาบอด
ภาค3
--วันที่8 ( go to Penang!)--
เอ้าท์ในที่สุดก็ได้ไปปีนังสักทีหลังจากคิดเรื่องเงินตั้งนาน วิธีไปปีนังมันมี 2 ทาง รถไฟกับรถบัส รถไฟนี่ต้องรีบไปจองหน่อยนะ เราไปแล้วป้ายมันติดหลาว่า ไม่มีที่นั่งเหลือ เราเลยนั่งรถบัสก็ได้ ถ้าจะนั่งรถบัสให้ไปที่ Terminal Bersepadu Selatan ไปซื้อตั๋วที่นั่น ตั๋วไม่เต็มหรอกเพราะรอบมันเยอะแต่ก็อย่าวางใจมากนะ ราคาแค่ 32 ริงกิต ไปลงที่ butterworthแล้วต่อเฟอร์รี่ หรือจะลงที่สถานีรถบัสปีนังชื่อ Sungai nibong bus terminal ก็ได้แล้วก็รอรถบัสเพื่อเข้าไปในgeorgetown แต่คือโชคดีกันอีกเว่ย ระหว่างรอเจอสองสาวจากสก็อตแลนด์กำลังไปhostel ที่ love laneเหมือนเรา เราเลยเรียกgrabcarอีก จ่ายคนละ 4 ริงกิต เรานอนที่ Reggae Penang Love Lane Hostel โฮสเทลเรา ข้างล่างมันเป็นบาร์มีโต๊ะพูลให้เล่น เรากับเพื่อนอีกคนเลยจัดเลยจ้าเล่นกันถึงตี4
--วันที่9 (Loving Penang)--
ตื่นมาก็เดินไปKapitan Keling Mosque หาไรลงท้องที่ Kapitan restoran จากนั้นเดินต่อไปเช่าจักรยาน 8 ริงกิตต่อวัน ตรงถนน Lebuh Armenian ตรงถนนนี้จะมีstreet artsให้ถ่าย แนะนำนะให้เดินถ่ายง่ายกว่าขี่จักรยานถ่าย จากนั้นก็ขี่ไป upside down museum เอาจักรยานมาคืนแล้วก็เดินเล่นต่อเรื่อยไปแถว fort cornwalis,city hallจากนั้นขึ้นรถบัสไปตึกkomtar ไปหาไรกินที่New Lane Foodstall (เดินไปSunway hotelแล้วจะเจอที่กินนี้เอง) กลับมาเล่นพูลกับรูมเมทคนอังกฤษถึงตี4อีกรอบ
--วันที่10 ( The end of the trip)--
เป้าหมายแรกของวันนี้คือ Penang hill อย่าลืมเอาบัตรนร./นศ. ไปนะ ราคามันลดเท่าตัวเลยเหลือแค่ 15 ริงกิต จาก 30 ริงกิต กลับมาก็เดินเล่นแถว lebuh Armenian ไปเพ้นท์ Henna ก่อนกลับ แล้วก็กลับไปโฮสเทลกลับไทย
ภาคที่ 1
--สิงคโปร์--
สถานที่ที่ควรไปเที่ยว
รูปภาพจาก http://mozh.tk/map-singapore/
มีอีกที่นึงที่เราอยากไปมากถ้าเรามีเวลาเราก็จะไป มันคือ MacRitchie Reservoir คือมันมี Treetop walk เราดูในรูปมันสวยแล้วก็น่าไปมาก ถ้าใครมีเวลา 1 วันเต็มๆก็แนะนำให้ไปนะ
วันที่1
เริ่มต้นการเดินทางกันเล๊ย…เช็คอินที่ดอนเมือง เราบินด้วยThai lion air สายการบินราคาถูกที่ดูแลคุณในราคาแพง ตอนเช็คอินบอกเลยว่าก็อึ้งเล็กน้อย คือเขาขอดูตั๋วออกจากสิงคโปร์ด้วย ซึ่งโชคดีที่เพื่อนเราบอกว่าให้จองตั๋วออกจากสิงคโปร์ด้วยเดี๋ยวเขาไม่ให้เข้าประเทศ คือตอนแรกเรากะจะไปซื้อรถบัสเข้ากัวลาลัมเปอร์ในราคาย่อมเยาเมื่อเข้าสิงคโปร์ไปแต่เพื่อความมชัวร์ เลยต้องจองตั๋วเครื่องบินจากสิงคโปร์ไปกัวลาเลยและนี่แหละทำให้เราต้องเสียเงินเพิ่มมากเพราะตั๋วเครื่องบินจริงๆต้องนั้นมันมีลด 50 % แต่เราจองผิดจ้า ของให้เพื่อนคนละวันกับเราเลยต้องจองใหม่
*NOTE* การจะเดินทางเข้าสิงคโปร์ตอนนี้ ตม.สิงคโปร์เขาเพ่งเล็งคนไทยมาก ตอนเช็คอินที่ไทยเขายังขอดูใบกลับจากสิงคโปร์เลย ฉะนั้นเราขอแนะนำนะ ให้มีแพลน มีที่พัก และตั๋วออกจากประเทศสิงคโปร์เผื่อไว้ด้วยก็ดีเพื่อความสบายใจ เผื่อตม.เรียกถามได้ไม่ถูกกักไว้
เครื่องเราจริงๆแล้วมันต้องขึ้นเครื่อง 15.10น. แต่มันดีเลย์เราเลยได้ขึ้นเครื่องตอนประมาณ 16.30น. เดินทางถึงสิงคโปร์ก็ประมาณสามทุ่ม
เห็นคนไหม นั่นคือคนจีนที่ไม่ได้ขึ้นไฟลท์เดียวกับเราแต่เขามายืนรอเครื่องบินของเขา
ในที่สุดก็จะได้บินสักที
ตม.สุดแสนน่ารัก ใครบอกว่าโหด แต่ก็โหดกับบางคนนะ
--ซิมการ์ด--
ออกมาจากที่เอากระเป๋าก็ซื้อซิมการ์ด M1 ในราคา 15 sgd ที่ร้านcheersในสนามบินเทอมินัล2 ซิมการ์ดM1เนี่ยราคามันถูกแถมแพคเกจมันดีเว่อร์วังมาก คือ www.m1.com.sg/mcard#tab7 เข้าไปเช็คเอานะทุกคน
--การเดินทางเข้าเมือง--
เดินตามป้ายที่เขียนว่า train to city เดินลงไปก็จะเจอเคาท์เตอร์ขายบัตร กับตู้ขายบัตร
บัตรมีทั้งหมด 3 ประเภทให้ทุกท่านเลือกในราคาที่หลากหลาย
1.Tourist pass
มีเป็นแบบ 1 วัน 10 sgd, 2 วัน 16 sgd, 3วัน 20 sgd ทั้งนี้ต้องมีค่าจำนำบัตร 10 sgd ด้วยนะ พอเที่ยวเสร็จก็เอาบัตรมาคืนที่เคาท์เตอร์แล้วจะได้คืน 10 sgd http://home.ezlink.com.sg/singapore-tourist-pass/
2. EZlink card
ถ้าซื้อที่เคาท์เตอร์ MRTจ่าย 12 sgd ไอ 12 ดอลเนี่ยมันมีค่าบัตร 5 ดอล กับ อีก 7 ดอลเอาไว้สำหรับเวลาขึ้นmrt แล้วถ้าไปSentosa ก็ใช้ EZlink card ได้เลย http://home.ezlink.com.sg/get-your-ez-link-card/where-the-cards-are-sold
3. Standard
เราไม่ได้ซื้ออะไรเลย เราจะขึ้นทีนึงก็จ่ายทีนึง รวมแล้วที่เราใช้คือ 13.9 sgd อันนี่คือนั่งรถไฟหลายครั้งอยู่นะ รถไฟมันไม่ค่อยแพงนะ อันไหนมันไม่ไกลมาเราก็เดินแทน เราเลยใช้แบบอย่างงี้คุ้มกว่า แต่ถ้าจะขึ้นลงหลายที่แนะนำให้ใช้ Tourist passจะคุ้มมาก
รถไฟที่นี่ไม่งง ดูง่ายๆตามนี้เลย
มาถึงแล้วบูกิส เราไม่ได้ถ่ายรูปเพราะตอนนั้นคือหิวมากแล้วมันเกือบ5ทุ่มแล้วยังไม่ได้ไปที่พัก ไม่ได้กินเลย ก็เลยรีบบึ่งไปที่พักในย่านบูกิสก่อนแล้วค่อยออกมาหาไรกิน ที่พักเราเป็นHostel ชื่อ 5footway.inn project Bugis อันนี้มันมีหลายสาขามาก ลองเข้าไปดูข้อมูลได้ เรานอนแบบ4เตียงต่อห้อง แพลนเราคือนอนที่นี้ 3 คืน ซึ่งคืนนึงนะค่าเอาตัวลงนอนราคา 400 บาท รวมแล้ว 3 คืนป็นเงิน 1200 บาท มีอาหารเช้าให้ด้วย เข้าไปก็ เฮลโหลกับคนต้องรับหน่อย เขาก็พาเราขึ้นไปที่ห้องของเรา ระหว่างทางเขาก็บอกว่ามีกาแฟให้ดื่มฟรีเลยนะไม่อั้น ขึ้นไปอีกชั้นเขาก็หาห้องเรา ลลองแทบทุกห้องว่าห้องไหนมันใช่ของเรา ในที่สุดก็ได้สักที เปิดประตูมาปุ๊ป นี่มันสวรรค์ ห้องมันแบบโล่งมาก แต่ยังไม่มีรูมเมทหน่ะสิ เราก็ถามเขาว่า ไม่มีรูมเมทหรอ เขาบอกว่า อ๋อเดี๋ยวก็มาๆ เราก็คุยกับเพื่อนนะว่า นี่มัน 5 ทุ่มแล้วนะเว่ย ยังมีคนมาเช็คอินหลังเราอีกเหรอวะเนี่ย เอาวะ เราก็วางของห้มันดูเรียบร้อยตามฉบับหญิงไทยหน่อยแล้วก็ออกมาหารของลงท้อง เดินหาร้านที่มันเปิดหลัง 5 ทุ่มมันก็ไม่ใช่หายากนะ แต่ไอที่เปิดอ่ะราคาจากนึง 10 sgd แพงไปเว้ย สุดท้ายเหลือบไปเห็นร้านที่ทุกคนต้องเข้ามันมักจะมีพลังงดึงดูดแปลกๆเวลาเห็นที่ต่างประเทศ และนั่นก็คือ 7-11 นั่นเอง เราก็ซื้ออาหารจาก7-11ในราคาเพียง 3 sgd
อันนี้ที่เรากินคือ Hokkien Prawn รสชาติเหมือนน้ำผสมน้ำพริกเผาและมีเส้นให้กินด้วย
ซื้อเสร็จก็มากินที่โฮสเทล คือโฮสเทลเรามันดีงามตรงที่ที่นั่งมันน่านั่งมากและก็มีกาแฟ มีชา Teh Tarikให้กดฟรี ซึ่งมันอร่อยแบบอยากแอบใส่ขวดกลับมาเลย (Teh tarik คือ ชาชัก)
อันนี้ที่นั่งเล่นของที่พักเรา ถ่ายตอนเช้า
จัดการภารกิจเรื่องของกินเสร็จก็ไปอาบน้ำนอนรอเมทว่าเมื่อไหร่จะมา