เฒ่าสามบาท...........1 (น้ำตาลูกผู้ชาย)

กระทู้สนทนา
เฒ่าสามบาท

บทนำ




            ฟ้าคร่ำครวญผ่านหวนไห้กลางสายฝน สายฝนคำรนหล่นหลั่งถั่งชะล้างแมกไม้สายธาร ให้คืนสู่ความสดใสเขียวขจี  ฟ้าฝนหลั่งน้ำตา  เม็ดฝนหยดน้ำตาฟ้าคล้ายคนหลั่งน้ำตาหรือไม่ ฤาว่าสายฝนปนหยาดน้ำตา  ละอองไอฝนหล่นไหลให้เศษเสี้ยวหัวใจปลิดปลิวลิ่วลมแตกสลายมลายไป ลูกผู้ชายใยหลั่งน้ำตา ใช่มันเก็บกดจนเหลือทานทนหรือไม่...  ฤาลูกผู้ชายมิอาจหลั่งน้ำตา ให้มันเก็บกดปางตาย ทรมานปางตาย

            ความนี้ เฒ่าสามบาทรู้สว่างกระจ่างชัด

            เนื่องเพราะคืนนี้มันนั่งจ้องมองสายฝน  ความรัก ความหลัง  ความหลอน ความเจ็บปวดในอดีตกาลผ่านมาและผ่านไปคล้ายเงาฝนลมแรง

            แต่มันยังมีเวลาหลั่งน้ำตา....ความจริงไม่แปลกใจอะไรเลยกับการที่ลูกผู้ชายหลั่งน้ำตา ขอเพียงมีหัวใจ  เพียงมีหัวใจย่อมรู้สึกรักรู้สึกร้าว  ร้าวรักมักชักชวนให้หัวใจแตกสลาย แต่นั่นใช่ความรักจริงแท้แน่นอนหรือไม่...เช่นไร...บางครั้งการหลั่งน้ำตาเป็นการปลดปล่อย..หาใช่ความอ่อนแอ  แต่ความจริงคือ คนที่รู้จักหลั่งน้ำตา หัวใจยังไม่ตายด้านชาชิน  พร้อมจะพลิกฟื้นขึ้นมาเพื่อรับความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า....ครั้งแล้วครั้งเล่า...ได้เสมอ จนกว่า่หัวใจจะตายด้านอย่างแท้จริงในที่สุด

             เฒ่าสามบาทถอนใจ มองสายฝน  มองหัวใจตนเอง  มองโลกผ่านสายฝน พลันสลัดศีรษะ ขับไล่ความทรงจำออกจากควมคิดจิตวิญญาณ  ยังมีภาระมากมายต้องกระทำ

             ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ขอเพียงเป็นคนต้องเคยได้ยินฉายา "เฒ่าสามบาท"  นักฆ่า ผู้ไม่เคยฆ่าคน

             มันไม่เพียงเป็นเฒ่าไร้น้ำใจร่ำรวยเงินทองประหนึ่งท้องพระคลัง ยังเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของเมือง

             จอมยุทธ์บางคนชมชอบความปราดเปรียวของกระบี่ บางคนชมชอบความกร้าวแกร่งดุดันของเพลงทวน บางคนชมชอบความพลิกแพลงของมีดสั้น   แต่อาวุธคู่มือเฒ่าสามบาทกลับเป็นปังตอ

             ยามสองทุกคืน มันจะตื่นขึ้นมาลงมือเข่นฆ่า ปังตอไร้เงาของมันพอสะบัดออกชีวิตต้องดับสูญ การลงมือแต่ละครั้งต้องต่อเนื่องไม่อาจขาดตอน ไม่ถึงชั่วยามซากศพกราดเกลื่อนปฐพี สมุนของมันค่อยทยอยเก็บซากศพไปจัดการตามขั้นตอน

              ตำแหน่งมันลงมือล้วนเป็นคอหอย มันไม่ยินยอมลงมือตำแหน่งอื่น

              ผู้คนทั่วไป ล้วนมีลำคอสั้นยาวแตกต่างกัน กระทั่งบางคนหาคอไม่เจอ คิดจะเชือดคอคนผู้หนึ่งไม่อาจกระทำได้ง่ายดาย  คิดจะฆ่าหั่นศพยิ่งไม่ใช่ง่ายหากไม่โหกพอ  แต่ลำคอของเป็ดจะอย่างไรต้องยาวกว่าลำคอผู้คน เฒ่าสามบาท มีอาชีพสังหารเป็ดขายส่งตลาดเชือดคอเป็ดจะอย่างไรก็ง่ายกว่าเชือดคนผู้คน..

             เพียงทุกครั้ง ที่ลงมือ  มันหลั่งน้ำตา....มีเรื่องราวดำมืดใดกัน ?

             ความจริงคือไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหน้าเป็ด เป็ดย่าง เป็ดตุ๋น เป็ดแดดเดียว เป็ดลวกจิ้ม ลาบเป็ด ยำเป็ด เป็ดแช่น้ำปลา และอีกสารพัดเป็ดเท่าที่จะนึกชื่อได้ เจ้าของร้านล้วนต้องพึ่งพาอาศัยเป็ดของเฒ่าสามบาท   ฟังว่าเป็ดที่ส่งมาจากบ้านของเฒ่าสามบาท ล้วนมีรสชาติกรุบกรอบ อร่อย  หอมหวนชวนรับประทานมากกว่าที่อื่น คงเป็นเพราะเพลงปังตอไร้เงาอันสูงเยี่ยมเทียมฟ้าของมัน ยามลงมือสังหารมันมีสีหน้าท่าทางอาจหาญสูงส่งสง่างาม สังหารด้วยความเมตตา ฆ่าด้วยความรัก

             กล่าวกันว่า...เคยมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งบังเอิญพลัดหลงทางมาพบการสังหารเป็ดของเฒ่าสามบาท บุรุษหนุ่มผู้นั้นถึงกับเลือดลมพลุ่งพล่าน  ดวงตากระจ่างมองเห็นปรัชญาและความจริงแท้ของชีวิต ดังนั้นจึงสละครอบครัวละทิ้งทางโลกออกบวชแสวงหาเส้นทางนิพพาน

             ฟังว่าเป็ดที่ถูกส่งเข้าพื้นที่สังหารของเฒ่าผู้นี้ ไม่มีทีท่าตื่นตระหนกหวาดกลัว  บางทีพวกมันอาจทราบว่าชะตากรรมของเป็ดอย่างไรก็หนีการถูกเชือดคอ  กลายเป็นอาหารผู้คนไม่พ้น เพียงการตกตายใต้เพลงปังตอไร้เงาจึงเป็นสิ่งที่มีเกียรติสูงส่ง จึงสามารถไปพบหน้าบรรพบุรุษเป็ดในสัมปรายภพได้อย่างภาคภูมิ พวกมันล้วนตกตายอย่างไม่รู้ตัว

             เพียงเพราะเกิดเป็นเป็ด......เป็นอาหารมนุษย์  จุดจบล้วนคล้ายคลึงกัน  ฤาอย่างไร..

             ประกายปังตอพอกรีดวาดผ่าน   พวกเป็ดยังสามารถเดินไปทักทายเพื่อนฝูงอยู่ครู่หนึ่งจึงล้มลง  ใบหน้าถึงกับมีรอยยิ้มนิด ๆ ก่อนลาลับดับหาย โลหิตค่อยหลั่งไหล บาดแผลค่อยปรากฏ ค่อยล้มลงตายอย่างเบิกบานรำราญใจไร้ทุกข์ทรมานออกจากวัฏจักรเกิดแก่เจ็บตาย
ถ้าจะตาย ควร อย่างที่ควรจะตาย...ฤา..

             แต่สิ่งเร้าใจคือที่มาของ ฉายา "เฒ่าสามบาท"

             การค้าของมันรุ่งเรือง มันพกเงินติดตัวมากมาย การพกเงินของมันถือว่าเป็นความสุขประการหนึ่ง เพียงมีเงินติดตัวมาก ๆ มิเพียงรู้สึกโอ่อ่าภาคภูมิยังรู้สึกยิ่งใหญ่เหนือคนทั้งปวง  เงินมิใช่พระเจ้าแต่ราวเป็นบิดาของพระเจ้าในสายตาของเฒ่าสามบาท เงินทองแม้ไม่อาจบันดาลได้ทุกสิ่งแต่ก็บันดาลเรื่องราวได้มากมายสุดคณานับ จะอย่างไรมีเงินมากย่อมประเสริฐกว่ามีเงินน้อย หรือผู้ใดจะเถียง...

             ที่น่าตระหนกคือมันไม่เคยจ่ายเงินให้คนอื่นเกินครั้งละ สามบาท

             รับมากจ่ายน้อย ความจริงเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง เพียงกระทำอย่างนี้ได้ก็ไม่ต้องหวาดหวั่นความยากไร้ เสียดายที่กระทำยากยิ่งแล้ว รับมากจ่ายมากยังพอทำเนา แต่รับน้อยจ่ายมากนั่นจึงเลวร้ายสุดคาดคิด    เฒ่าสามบาทรู้แจ้งประการนี้ มันจึงร่ำรวยยิ่ง  มีเรื่องเล่าราวตำนานสะท้านขวัญมากมาย


              หลายปีก่อนเคยมีเจ้าของร้านแตงโมแห่งหนึ่ง ขายแตงโมให้เฒ่าสามบาทในราคาสิบสองบาท  แต่กลับได้รับเงินวันแรกเพียงสามบาท เจ้าของร้านแตงโมถึงกับผมเผ้าลุกชี้ชัน   ผู้อื่นเกรงกลัวเฒ่าสามบาทแต่มันกลับนอกกฎเกณฑ์..มันมีฉายา "เฒ่าแตงโม" ฉายานี้มิได้มาเพราะโชคช่วย มันขายแตงโมมาตั้งแต่เป็นทารกถึงบัดนี้ เรื่องราวของแตงโมมันกระจ่างชัดที่สุด

             ช่วงเป็นหนุ่มยามค่ำคืนมันแอบหนีลูกและภรรยาขึ้นไปบนยอดเขา ฝึกวิชา"แตงโมบิน" อยู่กับสตรีลึกลับผู้หนึ่งติดต่อกันทุกคืนเป็นเวลาถึงห้าปีจึงสำเร็จวิชา ดังนั้นไม่เกรงกลัวผู้ใด

             เฒ่าแตงโมพลันหยิบแตงโมลูกหนึ่งขึ้นมาซัดขว้างใส่เฒ่าสามบาท   ประกายแตงโมเจิดจ้าเสียดแทงนัยน์ตาพุ่งครอบคลุมเข้าหาเฒ่าอันตรายด้วยอานุภาพประหนึ่งจะโยกคลอนขุนเขา ในตลาดแห่งนี้น่ากลัวมีคนสามารถหลบพ้นไม่เกินสามคน  เฒ่าสามบาทไม่รู้จักคำว่าหลบ เขียนคำว่าหลีกไม่ได้ อ่านคำว่าหนีไม่เป็น

           เห็นชัดว่าเฒ่าสามบาทจะถูกแตงโมบินซัดใส่จนเสียผู้เสียคน พลันมีประกายสีเงินพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ เป็นประกายปังตอไร้เงา..


              วิชา "แตงโมบิน" ของเฒ่าแตงโม จัดได้ว่าอยู่อับดับที่เจ็ดของทำเนียบอาวุธพิสดาร

              แตงโมบินของมันไม่เคยพลาดเป้า มันพอซัดแตงโมลูกที่หนึ่งก็มั่นใจได้ว่าไม่ซัดลูกที่สองแล้ว แต่ครานี้แตงโมบินของมันคล้ายกับกรวดทรายโถมลงสู่ทะเล สีเขียวของเปลือกแตงโมโบยบินเวียนว่อนขึ้นดั่งลมหอบก่อนหล่นลงไปยังถังขยะจนหมดสิ้น เนื้อแตงโมแยกออกเป็นยี่สิบสองส่วนขนาดใหญ่เล็กเท่ากัน  แยกย้ายพุ่งเข้าไปในปากของคนยี่สิบสองคน  ที่รายรอบชมดูเหตุการณ์อยู่โดยรอบอย่างปากอ้าตาค้าง

             เฒ่าแตงโมตะลึงลานไปแล้ว..

             บรรดาผู้คนที่มุงดูอยู่พอได้สติต่างพากันรีบเคี้ยวกลืนแตงโมลงไป โอกาสรับประทานฟรีเช่นนี้หาไม่ง่ายนัก พวกมันเพียงหวังให้เฒ่าแตงโมซัดแตงโมลูกต่อไปอีก  แต่เฒ่าสาทบาทมิเพียงทำลายแตงโม ยังทำลายขวัญ กำลังใจ ความฮึกเหิมของเฒ่าแตงโมไปจนหมดสิ้น มันไม่มีปัญญาซัดแตงโมลูกที่สองได้อีกแล้วมันเสียดายแตงโม...หลังจากนั้นเป็นเวลาสามวัน มีคนเห็นเฒ่าแตงโมเดินหลั่งน้ำตาเดินไปที่บ้านของคู่กรณี เพื่อรับเงินวันละสามบาทมันไม่หวั่นไหวต่อคำพูดผู้คน แต่ทนให้บุคคลอื่นติดค้างมันไม่ได้

              "ลูกผู้ชายฆ่าได้ ติดค้างเงินไม่ได้" ปรัชญาล้ำลึกสุดขอบฟ้า

            การประมือครั้งนั้นเป็นที่เล่าขานเลื่องลือจนกลายเป็นตำนานบทหนึ่งของเมือง  และเมื่อสองเดือนก่อนในเมืองเกิดเรื่องราวพิสดารพันลึกขึ้นอย่างไม่คาดคิด   นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของจอมยุทธ์พิสดาร   เฒ่าสามบาท  ที่จะบอกกล่าวเล่าขานต่อไป




              ค่อนรุ่งของวันนั้น เหตุการณ์ที่ตลาดสดของเมืองยังคงเป็นเช่นปกติ เตาไฟถูกจุดหม้อน้ำถูกต้ม โต๊ะเก้าอี้ถูกปัดกวาดเช็ดถู เนื้อถูกสับ ถ้วยชามถูกจัดเข้าที่ ลูกจ้างถูกด่า สามีถูกด่า  แมวถูกสุนัขไล่กัด ดั่งเช่นทุกวันพ่อค้าขายไข่คนหนึ่งหลังจากจัดร้านเสร็จแล้ว บังเอิญเหลือบไปเห็นป้ายบอกราคาพลันสะดุ้งเฮือกกระโดดตัวลอยร้องสุดเสียง

             "ใครมาเปลี่ยนป้ายบอกราคาไข่ของเรา..."

             เย็นวานป้ายบอกราคายังเขียน "ไข่ใบละ 3 บาท" อยู่ชัด ๆ ตอนนี้กลับเขียน

             "ไข่ใบละ 5 บาท"

             นี่เป็นเรื่องราวผีสางใดกัน มันสาบานว่าเมื่อคืนไม่ได้ละเมอเดินมาเปลี่ยนป้ายโดยเด็ดขาด หลายคนที่รับทราบเรื่องราวต่างพากันหัวร่ออย่างขบขัน แต่พอมองไปยังป้ายแจ้งราคาสินค้าของตนบ้างต้องแตกตื่นจนหน้าถอดสีทันที

            ป้ายแจ้งราคาล้วนตัวเลขเปลี่ยนไป...ตัวเลขมีค่ามากขึ้น  ลางสังหรณ์อัปมงคลเกาะกินความรู้สึกจนสะท้าน ราคาของแพงขึ้นโดยพร้อมเพรียงเช่นนี้ไม่ธรรมดาแล้ว เป็นฝีมืออุบาทว์ใด

              มีเพียงคนขายปลาที่ยังมีสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง

             "ป้ายของเราไม่ขึ้นราคา.."      มันยึดอกประกาศก้อง    "สินค้าพวกท่านขึ้นราคาแต่ป้ายของเรายังคงราคาเดิม ปลาของเราแต่ละตัวราคาเท่าเดิม"

             หลายคนรุมล้อมดูอย่างประหลาดใจยิ่ง ไฉนมีการยกเว้นเช่นนี้พวกมันไม่เข้าใจแต่พอสังเกตดูครู่หนึ่งเรื่องราวพลันกระจ่าง

             "อย่าเพิ่งลำพองไป.."     ใครคนหนึ่งชี้ไปที่เข่งปลา     "ราคาปลาท่านเท่าเดิมแต่ท่านดูปลาของท่านให้ดี"

             พ่อค้าปลาหันไปมองพลันใจหายวาบ    ราคาปลาเท่าเดิม..แต่ปลาของมันเล็กลงกว่าเดิม เย็นวานยังตัวโตแต่ตอนนี้กลับผอมเล็กลงจนเห็นได้ชัด เช่นนี้ราคาเท่าเดิมมีความหมายใด     มันเข่าอ่อนทรุดลงร่ำไห้สุดเสียงด้วยความอับอายขายหน้า

             ยายเฒ่าผู้หนึ่งขายมีอาชีพขายผัก ขณะกำลังเปิดกระปุกเงินก็ต้องร้องเสียงหลง

             "เงิน..เงินลอยได้.."

             เมื่อครู่นางเห็นเงินลอยตัวขึ้นมาจริง ๆ ....แต่เรื่องนี้ใครจะเชื่อได้เล่า..หลายคนลองจับเงินของตนดู ถึงเงินไม่ลอยตัว แต่ดูไปคล้ายน้ำหนักเงินเบาหวิวไปแล้ว ค่าของเงินลอยตัวตามตลาดโลก ผู้คนระส่ำระสายไปทั่ว อย่าว่าแต่ตอนเช้าของวันนั้น ผู้คนเคยคลาคล่ำมากมายกลับลดไปจนน่าใจหาย ส่งให้บรรยากาศตลาดสดวังเวง สุนัขตัวหนึ่งถึงกับโก่งคอหอนเยือกเย็นชวนขนลุก


    ......



จบบทนำครับ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน  เด้อ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่