เฒ่าสามบาท
บทนำ
ฟ้าคร่ำครวญผ่านหวนไห้กลางสายฝน สายฝนคำรนหล่นหลั่งถั่งชะล้างแมกไม้สายธาร ให้คืนสู่ความสดใสเขียวขจี ฟ้าฝนหลั่งน้ำตา เม็ดฝนหยดน้ำตาฟ้าคล้ายคนหลั่งน้ำตาหรือไม่ ฤาว่าสายฝนปนหยาดน้ำตา ละอองไอฝนหล่นไหลให้เศษเสี้ยวหัวใจปลิดปลิวลิ่วลมแตกสลายมลายไป ลูกผู้ชายใยหลั่งน้ำตา ใช่มันเก็บกดจนเหลือทานทนหรือไม่... ฤาลูกผู้ชายมิอาจหลั่งน้ำตา ให้มันเก็บกดปางตาย ทรมานปางตาย
ความนี้ เฒ่าสามบาทรู้สว่างกระจ่างชัด
เนื่องเพราะคืนนี้มันนั่งจ้องมองสายฝน ความรัก ความหลัง ความหลอน ความเจ็บปวดในอดีตกาลผ่านมาและผ่านไปคล้ายเงาฝนลมแรง
แต่มันยังมีเวลาหลั่งน้ำตา....ความจริงไม่แปลกใจอะไรเลยกับการที่ลูกผู้ชายหลั่งน้ำตา ขอเพียงมีหัวใจ เพียงมีหัวใจย่อมรู้สึกรักรู้สึกร้าว ร้าวรักมักชักชวนให้หัวใจแตกสลาย แต่นั่นใช่ความรักจริงแท้แน่นอนหรือไม่...เช่นไร...บางครั้งการหลั่งน้ำตาเป็นการปลดปล่อย..หาใช่ความอ่อนแอ แต่ความจริงคือ คนที่รู้จักหลั่งน้ำตา หัวใจยังไม่ตายด้านชาชิน พร้อมจะพลิกฟื้นขึ้นมาเพื่อรับความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า....ครั้งแล้วครั้งเล่า...ได้เสมอ จนกว่า่หัวใจจะตายด้านอย่างแท้จริงในที่สุด
เฒ่าสามบาทถอนใจ มองสายฝน มองหัวใจตนเอง มองโลกผ่านสายฝน พลันสลัดศีรษะ ขับไล่ความทรงจำออกจากควมคิดจิตวิญญาณ ยังมีภาระมากมายต้องกระทำ
ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ขอเพียงเป็นคนต้องเคยได้ยินฉายา "เฒ่าสามบาท" นักฆ่า ผู้ไม่เคยฆ่าคน
มันไม่เพียงเป็นเฒ่าไร้น้ำใจร่ำรวยเงินทองประหนึ่งท้องพระคลัง ยังเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของเมือง
จอมยุทธ์บางคนชมชอบความปราดเปรียวของกระบี่ บางคนชมชอบความกร้าวแกร่งดุดันของเพลงทวน บางคนชมชอบความพลิกแพลงของมีดสั้น แต่อาวุธคู่มือเฒ่าสามบาทกลับเป็นปังตอ
ยามสองทุกคืน มันจะตื่นขึ้นมาลงมือเข่นฆ่า ปังตอไร้เงาของมันพอสะบัดออกชีวิตต้องดับสูญ การลงมือแต่ละครั้งต้องต่อเนื่องไม่อาจขาดตอน ไม่ถึงชั่วยามซากศพกราดเกลื่อนปฐพี สมุนของมันค่อยทยอยเก็บซากศพไปจัดการตามขั้นตอน
ตำแหน่งมันลงมือล้วนเป็นคอหอย มันไม่ยินยอมลงมือตำแหน่งอื่น
ผู้คนทั่วไป ล้วนมีลำคอสั้นยาวแตกต่างกัน กระทั่งบางคนหาคอไม่เจอ คิดจะเชือดคอคนผู้หนึ่งไม่อาจกระทำได้ง่ายดาย คิดจะฆ่าหั่นศพยิ่งไม่ใช่ง่ายหากไม่โหกพอ แต่ลำคอของเป็ดจะอย่างไรต้องยาวกว่าลำคอผู้คน เฒ่าสามบาท มีอาชีพสังหารเป็ดขายส่งตลาดเชือดคอเป็ดจะอย่างไรก็ง่ายกว่าเชือดคนผู้คน..
เพียงทุกครั้ง ที่ลงมือ มันหลั่งน้ำตา....มีเรื่องราวดำมืดใดกัน ?
ความจริงคือไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหน้าเป็ด เป็ดย่าง เป็ดตุ๋น เป็ดแดดเดียว เป็ดลวกจิ้ม ลาบเป็ด ยำเป็ด เป็ดแช่น้ำปลา และอีกสารพัดเป็ดเท่าที่จะนึกชื่อได้ เจ้าของร้านล้วนต้องพึ่งพาอาศัยเป็ดของเฒ่าสามบาท ฟังว่าเป็ดที่ส่งมาจากบ้านของเฒ่าสามบาท ล้วนมีรสชาติกรุบกรอบ อร่อย หอมหวนชวนรับประทานมากกว่าที่อื่น คงเป็นเพราะเพลงปังตอไร้เงาอันสูงเยี่ยมเทียมฟ้าของมัน ยามลงมือสังหารมันมีสีหน้าท่าทางอาจหาญสูงส่งสง่างาม สังหารด้วยความเมตตา ฆ่าด้วยความรัก
กล่าวกันว่า...เคยมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งบังเอิญพลัดหลงทางมาพบการสังหารเป็ดของเฒ่าสามบาท บุรุษหนุ่มผู้นั้นถึงกับเลือดลมพลุ่งพล่าน ดวงตากระจ่างมองเห็นปรัชญาและความจริงแท้ของชีวิต ดังนั้นจึงสละครอบครัวละทิ้งทางโลกออกบวชแสวงหาเส้นทางนิพพาน
ฟังว่าเป็ดที่ถูกส่งเข้าพื้นที่สังหารของเฒ่าผู้นี้ ไม่มีทีท่าตื่นตระหนกหวาดกลัว บางทีพวกมันอาจทราบว่าชะตากรรมของเป็ดอย่างไรก็หนีการถูกเชือดคอ กลายเป็นอาหารผู้คนไม่พ้น เพียงการตกตายใต้เพลงปังตอไร้เงาจึงเป็นสิ่งที่มีเกียรติสูงส่ง จึงสามารถไปพบหน้าบรรพบุรุษเป็ดในสัมปรายภพได้อย่างภาคภูมิ พวกมันล้วนตกตายอย่างไม่รู้ตัว
เพียงเพราะเกิดเป็นเป็ด......เป็นอาหารมนุษย์ จุดจบล้วนคล้ายคลึงกัน ฤาอย่างไร..
ประกายปังตอพอกรีดวาดผ่าน พวกเป็ดยังสามารถเดินไปทักทายเพื่อนฝูงอยู่ครู่หนึ่งจึงล้มลง ใบหน้าถึงกับมีรอยยิ้มนิด ๆ ก่อนลาลับดับหาย โลหิตค่อยหลั่งไหล บาดแผลค่อยปรากฏ ค่อยล้มลงตายอย่างเบิกบานรำราญใจไร้ทุกข์ทรมานออกจากวัฏจักรเกิดแก่เจ็บตาย
ถ้าจะตาย ควร อย่างที่ควรจะตาย...ฤา..
แต่สิ่งเร้าใจคือที่มาของ ฉายา "เฒ่าสามบาท"
การค้าของมันรุ่งเรือง มันพกเงินติดตัวมากมาย การพกเงินของมันถือว่าเป็นความสุขประการหนึ่ง เพียงมีเงินติดตัวมาก ๆ มิเพียงรู้สึกโอ่อ่าภาคภูมิยังรู้สึกยิ่งใหญ่เหนือคนทั้งปวง เงินมิใช่พระเจ้าแต่ราวเป็นบิดาของพระเจ้าในสายตาของเฒ่าสามบาท เงินทองแม้ไม่อาจบันดาลได้ทุกสิ่งแต่ก็บันดาลเรื่องราวได้มากมายสุดคณานับ จะอย่างไรมีเงินมากย่อมประเสริฐกว่ามีเงินน้อย หรือผู้ใดจะเถียง...
ที่น่าตระหนกคือมันไม่เคยจ่ายเงินให้คนอื่นเกินครั้งละ สามบาท
รับมากจ่ายน้อย ความจริงเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง เพียงกระทำอย่างนี้ได้ก็ไม่ต้องหวาดหวั่นความยากไร้ เสียดายที่กระทำยากยิ่งแล้ว รับมากจ่ายมากยังพอทำเนา แต่รับน้อยจ่ายมากนั่นจึงเลวร้ายสุดคาดคิด เฒ่าสามบาทรู้แจ้งประการนี้ มันจึงร่ำรวยยิ่ง มีเรื่องเล่าราวตำนานสะท้านขวัญมากมาย
หลายปีก่อนเคยมีเจ้าของร้านแตงโมแห่งหนึ่ง ขายแตงโมให้เฒ่าสามบาทในราคาสิบสองบาท แต่กลับได้รับเงินวันแรกเพียงสามบาท เจ้าของร้านแตงโมถึงกับผมเผ้าลุกชี้ชัน ผู้อื่นเกรงกลัวเฒ่าสามบาทแต่มันกลับนอกกฎเกณฑ์..มันมีฉายา "เฒ่าแตงโม" ฉายานี้มิได้มาเพราะโชคช่วย มันขายแตงโมมาตั้งแต่เป็นทารกถึงบัดนี้ เรื่องราวของแตงโมมันกระจ่างชัดที่สุด
ช่วงเป็นหนุ่มยามค่ำคืนมันแอบหนีลูกและภรรยาขึ้นไปบนยอดเขา ฝึกวิชา"แตงโมบิน" อยู่กับสตรีลึกลับผู้หนึ่งติดต่อกันทุกคืนเป็นเวลาถึงห้าปีจึงสำเร็จวิชา ดังนั้นไม่เกรงกลัวผู้ใด
เฒ่าแตงโมพลันหยิบแตงโมลูกหนึ่งขึ้นมาซัดขว้างใส่เฒ่าสามบาท ประกายแตงโมเจิดจ้าเสียดแทงนัยน์ตาพุ่งครอบคลุมเข้าหาเฒ่าอันตรายด้วยอานุภาพประหนึ่งจะโยกคลอนขุนเขา ในตลาดแห่งนี้น่ากลัวมีคนสามารถหลบพ้นไม่เกินสามคน เฒ่าสามบาทไม่รู้จักคำว่าหลบ เขียนคำว่าหลีกไม่ได้ อ่านคำว่าหนีไม่เป็น
เห็นชัดว่าเฒ่าสามบาทจะถูกแตงโมบินซัดใส่จนเสียผู้เสียคน พลันมีประกายสีเงินพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ เป็นประกายปังตอไร้เงา..
วิชา "แตงโมบิน" ของเฒ่าแตงโม จัดได้ว่าอยู่อับดับที่เจ็ดของทำเนียบอาวุธพิสดาร
แตงโมบินของมันไม่เคยพลาดเป้า มันพอซัดแตงโมลูกที่หนึ่งก็มั่นใจได้ว่าไม่ซัดลูกที่สองแล้ว แต่ครานี้แตงโมบินของมันคล้ายกับกรวดทรายโถมลงสู่ทะเล สีเขียวของเปลือกแตงโมโบยบินเวียนว่อนขึ้นดั่งลมหอบก่อนหล่นลงไปยังถังขยะจนหมดสิ้น เนื้อแตงโมแยกออกเป็นยี่สิบสองส่วนขนาดใหญ่เล็กเท่ากัน แยกย้ายพุ่งเข้าไปในปากของคนยี่สิบสองคน ที่รายรอบชมดูเหตุการณ์อยู่โดยรอบอย่างปากอ้าตาค้าง
เฒ่าแตงโมตะลึงลานไปแล้ว..
บรรดาผู้คนที่มุงดูอยู่พอได้สติต่างพากันรีบเคี้ยวกลืนแตงโมลงไป โอกาสรับประทานฟรีเช่นนี้หาไม่ง่ายนัก พวกมันเพียงหวังให้เฒ่าแตงโมซัดแตงโมลูกต่อไปอีก แต่เฒ่าสาทบาทมิเพียงทำลายแตงโม ยังทำลายขวัญ กำลังใจ ความฮึกเหิมของเฒ่าแตงโมไปจนหมดสิ้น มันไม่มีปัญญาซัดแตงโมลูกที่สองได้อีกแล้วมันเสียดายแตงโม...หลังจากนั้นเป็นเวลาสามวัน มีคนเห็นเฒ่าแตงโมเดินหลั่งน้ำตาเดินไปที่บ้านของคู่กรณี เพื่อรับเงินวันละสามบาทมันไม่หวั่นไหวต่อคำพูดผู้คน แต่ทนให้บุคคลอื่นติดค้างมันไม่ได้
"ลูกผู้ชายฆ่าได้ ติดค้างเงินไม่ได้" ปรัชญาล้ำลึกสุดขอบฟ้า
การประมือครั้งนั้นเป็นที่เล่าขานเลื่องลือจนกลายเป็นตำนานบทหนึ่งของเมือง และเมื่อสองเดือนก่อนในเมืองเกิดเรื่องราวพิสดารพันลึกขึ้นอย่างไม่คาดคิด นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของจอมยุทธ์พิสดาร เฒ่าสามบาท ที่จะบอกกล่าวเล่าขานต่อไป
ค่อนรุ่งของวันนั้น เหตุการณ์ที่ตลาดสดของเมืองยังคงเป็นเช่นปกติ เตาไฟถูกจุดหม้อน้ำถูกต้ม โต๊ะเก้าอี้ถูกปัดกวาดเช็ดถู เนื้อถูกสับ ถ้วยชามถูกจัดเข้าที่ ลูกจ้างถูกด่า สามีถูกด่า แมวถูกสุนัขไล่กัด ดั่งเช่นทุกวันพ่อค้าขายไข่คนหนึ่งหลังจากจัดร้านเสร็จแล้ว บังเอิญเหลือบไปเห็นป้ายบอกราคาพลันสะดุ้งเฮือกกระโดดตัวลอยร้องสุดเสียง
"ใครมาเปลี่ยนป้ายบอกราคาไข่ของเรา..."
เย็นวานป้ายบอกราคายังเขียน "ไข่ใบละ 3 บาท" อยู่ชัด ๆ ตอนนี้กลับเขียน
"ไข่ใบละ 5 บาท"
นี่เป็นเรื่องราวผีสางใดกัน มันสาบานว่าเมื่อคืนไม่ได้ละเมอเดินมาเปลี่ยนป้ายโดยเด็ดขาด หลายคนที่รับทราบเรื่องราวต่างพากันหัวร่ออย่างขบขัน แต่พอมองไปยังป้ายแจ้งราคาสินค้าของตนบ้างต้องแตกตื่นจนหน้าถอดสีทันที
ป้ายแจ้งราคาล้วนตัวเลขเปลี่ยนไป...ตัวเลขมีค่ามากขึ้น ลางสังหรณ์อัปมงคลเกาะกินความรู้สึกจนสะท้าน ราคาของแพงขึ้นโดยพร้อมเพรียงเช่นนี้ไม่ธรรมดาแล้ว เป็นฝีมืออุบาทว์ใด
มีเพียงคนขายปลาที่ยังมีสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
"ป้ายของเราไม่ขึ้นราคา.." มันยึดอกประกาศก้อง "สินค้าพวกท่านขึ้นราคาแต่ป้ายของเรายังคงราคาเดิม ปลาของเราแต่ละตัวราคาเท่าเดิม"
หลายคนรุมล้อมดูอย่างประหลาดใจยิ่ง ไฉนมีการยกเว้นเช่นนี้พวกมันไม่เข้าใจแต่พอสังเกตดูครู่หนึ่งเรื่องราวพลันกระจ่าง
"อย่าเพิ่งลำพองไป.." ใครคนหนึ่งชี้ไปที่เข่งปลา "ราคาปลาท่านเท่าเดิมแต่ท่านดูปลาของท่านให้ดี"
พ่อค้าปลาหันไปมองพลันใจหายวาบ ราคาปลาเท่าเดิม..แต่ปลาของมันเล็กลงกว่าเดิม เย็นวานยังตัวโตแต่ตอนนี้กลับผอมเล็กลงจนเห็นได้ชัด เช่นนี้ราคาเท่าเดิมมีความหมายใด มันเข่าอ่อนทรุดลงร่ำไห้สุดเสียงด้วยความอับอายขายหน้า
ยายเฒ่าผู้หนึ่งขายมีอาชีพขายผัก ขณะกำลังเปิดกระปุกเงินก็ต้องร้องเสียงหลง
"เงิน..เงินลอยได้.."
เมื่อครู่นางเห็นเงินลอยตัวขึ้นมาจริง ๆ ....แต่เรื่องนี้ใครจะเชื่อได้เล่า..หลายคนลองจับเงินของตนดู ถึงเงินไม่ลอยตัว แต่ดูไปคล้ายน้ำหนักเงินเบาหวิวไปแล้ว ค่าของเงินลอยตัวตามตลาดโลก ผู้คนระส่ำระสายไปทั่ว อย่าว่าแต่ตอนเช้าของวันนั้น ผู้คนเคยคลาคล่ำมากมายกลับลดไปจนน่าใจหาย ส่งให้บรรยากาศตลาดสดวังเวง สุนัขตัวหนึ่งถึงกับโก่งคอหอนเยือกเย็นชวนขนลุก
......
จบบทนำครับ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน เด้อ...
เฒ่าสามบาท...........1 (น้ำตาลูกผู้ชาย)
บทนำ
ฟ้าคร่ำครวญผ่านหวนไห้กลางสายฝน สายฝนคำรนหล่นหลั่งถั่งชะล้างแมกไม้สายธาร ให้คืนสู่ความสดใสเขียวขจี ฟ้าฝนหลั่งน้ำตา เม็ดฝนหยดน้ำตาฟ้าคล้ายคนหลั่งน้ำตาหรือไม่ ฤาว่าสายฝนปนหยาดน้ำตา ละอองไอฝนหล่นไหลให้เศษเสี้ยวหัวใจปลิดปลิวลิ่วลมแตกสลายมลายไป ลูกผู้ชายใยหลั่งน้ำตา ใช่มันเก็บกดจนเหลือทานทนหรือไม่... ฤาลูกผู้ชายมิอาจหลั่งน้ำตา ให้มันเก็บกดปางตาย ทรมานปางตาย
ความนี้ เฒ่าสามบาทรู้สว่างกระจ่างชัด
เนื่องเพราะคืนนี้มันนั่งจ้องมองสายฝน ความรัก ความหลัง ความหลอน ความเจ็บปวดในอดีตกาลผ่านมาและผ่านไปคล้ายเงาฝนลมแรง
แต่มันยังมีเวลาหลั่งน้ำตา....ความจริงไม่แปลกใจอะไรเลยกับการที่ลูกผู้ชายหลั่งน้ำตา ขอเพียงมีหัวใจ เพียงมีหัวใจย่อมรู้สึกรักรู้สึกร้าว ร้าวรักมักชักชวนให้หัวใจแตกสลาย แต่นั่นใช่ความรักจริงแท้แน่นอนหรือไม่...เช่นไร...บางครั้งการหลั่งน้ำตาเป็นการปลดปล่อย..หาใช่ความอ่อนแอ แต่ความจริงคือ คนที่รู้จักหลั่งน้ำตา หัวใจยังไม่ตายด้านชาชิน พร้อมจะพลิกฟื้นขึ้นมาเพื่อรับความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า....ครั้งแล้วครั้งเล่า...ได้เสมอ จนกว่า่หัวใจจะตายด้านอย่างแท้จริงในที่สุด
เฒ่าสามบาทถอนใจ มองสายฝน มองหัวใจตนเอง มองโลกผ่านสายฝน พลันสลัดศีรษะ ขับไล่ความทรงจำออกจากควมคิดจิตวิญญาณ ยังมีภาระมากมายต้องกระทำ
ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ขอเพียงเป็นคนต้องเคยได้ยินฉายา "เฒ่าสามบาท" นักฆ่า ผู้ไม่เคยฆ่าคน
มันไม่เพียงเป็นเฒ่าไร้น้ำใจร่ำรวยเงินทองประหนึ่งท้องพระคลัง ยังเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของเมือง
จอมยุทธ์บางคนชมชอบความปราดเปรียวของกระบี่ บางคนชมชอบความกร้าวแกร่งดุดันของเพลงทวน บางคนชมชอบความพลิกแพลงของมีดสั้น แต่อาวุธคู่มือเฒ่าสามบาทกลับเป็นปังตอ
ยามสองทุกคืน มันจะตื่นขึ้นมาลงมือเข่นฆ่า ปังตอไร้เงาของมันพอสะบัดออกชีวิตต้องดับสูญ การลงมือแต่ละครั้งต้องต่อเนื่องไม่อาจขาดตอน ไม่ถึงชั่วยามซากศพกราดเกลื่อนปฐพี สมุนของมันค่อยทยอยเก็บซากศพไปจัดการตามขั้นตอน
ตำแหน่งมันลงมือล้วนเป็นคอหอย มันไม่ยินยอมลงมือตำแหน่งอื่น
ผู้คนทั่วไป ล้วนมีลำคอสั้นยาวแตกต่างกัน กระทั่งบางคนหาคอไม่เจอ คิดจะเชือดคอคนผู้หนึ่งไม่อาจกระทำได้ง่ายดาย คิดจะฆ่าหั่นศพยิ่งไม่ใช่ง่ายหากไม่โหกพอ แต่ลำคอของเป็ดจะอย่างไรต้องยาวกว่าลำคอผู้คน เฒ่าสามบาท มีอาชีพสังหารเป็ดขายส่งตลาดเชือดคอเป็ดจะอย่างไรก็ง่ายกว่าเชือดคนผู้คน..
เพียงทุกครั้ง ที่ลงมือ มันหลั่งน้ำตา....มีเรื่องราวดำมืดใดกัน ?
ความจริงคือไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหน้าเป็ด เป็ดย่าง เป็ดตุ๋น เป็ดแดดเดียว เป็ดลวกจิ้ม ลาบเป็ด ยำเป็ด เป็ดแช่น้ำปลา และอีกสารพัดเป็ดเท่าที่จะนึกชื่อได้ เจ้าของร้านล้วนต้องพึ่งพาอาศัยเป็ดของเฒ่าสามบาท ฟังว่าเป็ดที่ส่งมาจากบ้านของเฒ่าสามบาท ล้วนมีรสชาติกรุบกรอบ อร่อย หอมหวนชวนรับประทานมากกว่าที่อื่น คงเป็นเพราะเพลงปังตอไร้เงาอันสูงเยี่ยมเทียมฟ้าของมัน ยามลงมือสังหารมันมีสีหน้าท่าทางอาจหาญสูงส่งสง่างาม สังหารด้วยความเมตตา ฆ่าด้วยความรัก
กล่าวกันว่า...เคยมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งบังเอิญพลัดหลงทางมาพบการสังหารเป็ดของเฒ่าสามบาท บุรุษหนุ่มผู้นั้นถึงกับเลือดลมพลุ่งพล่าน ดวงตากระจ่างมองเห็นปรัชญาและความจริงแท้ของชีวิต ดังนั้นจึงสละครอบครัวละทิ้งทางโลกออกบวชแสวงหาเส้นทางนิพพาน
ฟังว่าเป็ดที่ถูกส่งเข้าพื้นที่สังหารของเฒ่าผู้นี้ ไม่มีทีท่าตื่นตระหนกหวาดกลัว บางทีพวกมันอาจทราบว่าชะตากรรมของเป็ดอย่างไรก็หนีการถูกเชือดคอ กลายเป็นอาหารผู้คนไม่พ้น เพียงการตกตายใต้เพลงปังตอไร้เงาจึงเป็นสิ่งที่มีเกียรติสูงส่ง จึงสามารถไปพบหน้าบรรพบุรุษเป็ดในสัมปรายภพได้อย่างภาคภูมิ พวกมันล้วนตกตายอย่างไม่รู้ตัว
เพียงเพราะเกิดเป็นเป็ด......เป็นอาหารมนุษย์ จุดจบล้วนคล้ายคลึงกัน ฤาอย่างไร..
ประกายปังตอพอกรีดวาดผ่าน พวกเป็ดยังสามารถเดินไปทักทายเพื่อนฝูงอยู่ครู่หนึ่งจึงล้มลง ใบหน้าถึงกับมีรอยยิ้มนิด ๆ ก่อนลาลับดับหาย โลหิตค่อยหลั่งไหล บาดแผลค่อยปรากฏ ค่อยล้มลงตายอย่างเบิกบานรำราญใจไร้ทุกข์ทรมานออกจากวัฏจักรเกิดแก่เจ็บตาย
ถ้าจะตาย ควร อย่างที่ควรจะตาย...ฤา..
แต่สิ่งเร้าใจคือที่มาของ ฉายา "เฒ่าสามบาท"
การค้าของมันรุ่งเรือง มันพกเงินติดตัวมากมาย การพกเงินของมันถือว่าเป็นความสุขประการหนึ่ง เพียงมีเงินติดตัวมาก ๆ มิเพียงรู้สึกโอ่อ่าภาคภูมิยังรู้สึกยิ่งใหญ่เหนือคนทั้งปวง เงินมิใช่พระเจ้าแต่ราวเป็นบิดาของพระเจ้าในสายตาของเฒ่าสามบาท เงินทองแม้ไม่อาจบันดาลได้ทุกสิ่งแต่ก็บันดาลเรื่องราวได้มากมายสุดคณานับ จะอย่างไรมีเงินมากย่อมประเสริฐกว่ามีเงินน้อย หรือผู้ใดจะเถียง...
ที่น่าตระหนกคือมันไม่เคยจ่ายเงินให้คนอื่นเกินครั้งละ สามบาท
รับมากจ่ายน้อย ความจริงเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง เพียงกระทำอย่างนี้ได้ก็ไม่ต้องหวาดหวั่นความยากไร้ เสียดายที่กระทำยากยิ่งแล้ว รับมากจ่ายมากยังพอทำเนา แต่รับน้อยจ่ายมากนั่นจึงเลวร้ายสุดคาดคิด เฒ่าสามบาทรู้แจ้งประการนี้ มันจึงร่ำรวยยิ่ง มีเรื่องเล่าราวตำนานสะท้านขวัญมากมาย
หลายปีก่อนเคยมีเจ้าของร้านแตงโมแห่งหนึ่ง ขายแตงโมให้เฒ่าสามบาทในราคาสิบสองบาท แต่กลับได้รับเงินวันแรกเพียงสามบาท เจ้าของร้านแตงโมถึงกับผมเผ้าลุกชี้ชัน ผู้อื่นเกรงกลัวเฒ่าสามบาทแต่มันกลับนอกกฎเกณฑ์..มันมีฉายา "เฒ่าแตงโม" ฉายานี้มิได้มาเพราะโชคช่วย มันขายแตงโมมาตั้งแต่เป็นทารกถึงบัดนี้ เรื่องราวของแตงโมมันกระจ่างชัดที่สุด
ช่วงเป็นหนุ่มยามค่ำคืนมันแอบหนีลูกและภรรยาขึ้นไปบนยอดเขา ฝึกวิชา"แตงโมบิน" อยู่กับสตรีลึกลับผู้หนึ่งติดต่อกันทุกคืนเป็นเวลาถึงห้าปีจึงสำเร็จวิชา ดังนั้นไม่เกรงกลัวผู้ใด
เฒ่าแตงโมพลันหยิบแตงโมลูกหนึ่งขึ้นมาซัดขว้างใส่เฒ่าสามบาท ประกายแตงโมเจิดจ้าเสียดแทงนัยน์ตาพุ่งครอบคลุมเข้าหาเฒ่าอันตรายด้วยอานุภาพประหนึ่งจะโยกคลอนขุนเขา ในตลาดแห่งนี้น่ากลัวมีคนสามารถหลบพ้นไม่เกินสามคน เฒ่าสามบาทไม่รู้จักคำว่าหลบ เขียนคำว่าหลีกไม่ได้ อ่านคำว่าหนีไม่เป็น
เห็นชัดว่าเฒ่าสามบาทจะถูกแตงโมบินซัดใส่จนเสียผู้เสียคน พลันมีประกายสีเงินพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ เป็นประกายปังตอไร้เงา..
วิชา "แตงโมบิน" ของเฒ่าแตงโม จัดได้ว่าอยู่อับดับที่เจ็ดของทำเนียบอาวุธพิสดาร
แตงโมบินของมันไม่เคยพลาดเป้า มันพอซัดแตงโมลูกที่หนึ่งก็มั่นใจได้ว่าไม่ซัดลูกที่สองแล้ว แต่ครานี้แตงโมบินของมันคล้ายกับกรวดทรายโถมลงสู่ทะเล สีเขียวของเปลือกแตงโมโบยบินเวียนว่อนขึ้นดั่งลมหอบก่อนหล่นลงไปยังถังขยะจนหมดสิ้น เนื้อแตงโมแยกออกเป็นยี่สิบสองส่วนขนาดใหญ่เล็กเท่ากัน แยกย้ายพุ่งเข้าไปในปากของคนยี่สิบสองคน ที่รายรอบชมดูเหตุการณ์อยู่โดยรอบอย่างปากอ้าตาค้าง
เฒ่าแตงโมตะลึงลานไปแล้ว..
บรรดาผู้คนที่มุงดูอยู่พอได้สติต่างพากันรีบเคี้ยวกลืนแตงโมลงไป โอกาสรับประทานฟรีเช่นนี้หาไม่ง่ายนัก พวกมันเพียงหวังให้เฒ่าแตงโมซัดแตงโมลูกต่อไปอีก แต่เฒ่าสาทบาทมิเพียงทำลายแตงโม ยังทำลายขวัญ กำลังใจ ความฮึกเหิมของเฒ่าแตงโมไปจนหมดสิ้น มันไม่มีปัญญาซัดแตงโมลูกที่สองได้อีกแล้วมันเสียดายแตงโม...หลังจากนั้นเป็นเวลาสามวัน มีคนเห็นเฒ่าแตงโมเดินหลั่งน้ำตาเดินไปที่บ้านของคู่กรณี เพื่อรับเงินวันละสามบาทมันไม่หวั่นไหวต่อคำพูดผู้คน แต่ทนให้บุคคลอื่นติดค้างมันไม่ได้
"ลูกผู้ชายฆ่าได้ ติดค้างเงินไม่ได้" ปรัชญาล้ำลึกสุดขอบฟ้า
การประมือครั้งนั้นเป็นที่เล่าขานเลื่องลือจนกลายเป็นตำนานบทหนึ่งของเมือง และเมื่อสองเดือนก่อนในเมืองเกิดเรื่องราวพิสดารพันลึกขึ้นอย่างไม่คาดคิด นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของจอมยุทธ์พิสดาร เฒ่าสามบาท ที่จะบอกกล่าวเล่าขานต่อไป
ค่อนรุ่งของวันนั้น เหตุการณ์ที่ตลาดสดของเมืองยังคงเป็นเช่นปกติ เตาไฟถูกจุดหม้อน้ำถูกต้ม โต๊ะเก้าอี้ถูกปัดกวาดเช็ดถู เนื้อถูกสับ ถ้วยชามถูกจัดเข้าที่ ลูกจ้างถูกด่า สามีถูกด่า แมวถูกสุนัขไล่กัด ดั่งเช่นทุกวันพ่อค้าขายไข่คนหนึ่งหลังจากจัดร้านเสร็จแล้ว บังเอิญเหลือบไปเห็นป้ายบอกราคาพลันสะดุ้งเฮือกกระโดดตัวลอยร้องสุดเสียง
"ใครมาเปลี่ยนป้ายบอกราคาไข่ของเรา..."
เย็นวานป้ายบอกราคายังเขียน "ไข่ใบละ 3 บาท" อยู่ชัด ๆ ตอนนี้กลับเขียน
"ไข่ใบละ 5 บาท"
นี่เป็นเรื่องราวผีสางใดกัน มันสาบานว่าเมื่อคืนไม่ได้ละเมอเดินมาเปลี่ยนป้ายโดยเด็ดขาด หลายคนที่รับทราบเรื่องราวต่างพากันหัวร่ออย่างขบขัน แต่พอมองไปยังป้ายแจ้งราคาสินค้าของตนบ้างต้องแตกตื่นจนหน้าถอดสีทันที
ป้ายแจ้งราคาล้วนตัวเลขเปลี่ยนไป...ตัวเลขมีค่ามากขึ้น ลางสังหรณ์อัปมงคลเกาะกินความรู้สึกจนสะท้าน ราคาของแพงขึ้นโดยพร้อมเพรียงเช่นนี้ไม่ธรรมดาแล้ว เป็นฝีมืออุบาทว์ใด
มีเพียงคนขายปลาที่ยังมีสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
"ป้ายของเราไม่ขึ้นราคา.." มันยึดอกประกาศก้อง "สินค้าพวกท่านขึ้นราคาแต่ป้ายของเรายังคงราคาเดิม ปลาของเราแต่ละตัวราคาเท่าเดิม"
หลายคนรุมล้อมดูอย่างประหลาดใจยิ่ง ไฉนมีการยกเว้นเช่นนี้พวกมันไม่เข้าใจแต่พอสังเกตดูครู่หนึ่งเรื่องราวพลันกระจ่าง
"อย่าเพิ่งลำพองไป.." ใครคนหนึ่งชี้ไปที่เข่งปลา "ราคาปลาท่านเท่าเดิมแต่ท่านดูปลาของท่านให้ดี"
พ่อค้าปลาหันไปมองพลันใจหายวาบ ราคาปลาเท่าเดิม..แต่ปลาของมันเล็กลงกว่าเดิม เย็นวานยังตัวโตแต่ตอนนี้กลับผอมเล็กลงจนเห็นได้ชัด เช่นนี้ราคาเท่าเดิมมีความหมายใด มันเข่าอ่อนทรุดลงร่ำไห้สุดเสียงด้วยความอับอายขายหน้า
ยายเฒ่าผู้หนึ่งขายมีอาชีพขายผัก ขณะกำลังเปิดกระปุกเงินก็ต้องร้องเสียงหลง
"เงิน..เงินลอยได้.."
เมื่อครู่นางเห็นเงินลอยตัวขึ้นมาจริง ๆ ....แต่เรื่องนี้ใครจะเชื่อได้เล่า..หลายคนลองจับเงินของตนดู ถึงเงินไม่ลอยตัว แต่ดูไปคล้ายน้ำหนักเงินเบาหวิวไปแล้ว ค่าของเงินลอยตัวตามตลาดโลก ผู้คนระส่ำระสายไปทั่ว อย่าว่าแต่ตอนเช้าของวันนั้น ผู้คนเคยคลาคล่ำมากมายกลับลดไปจนน่าใจหาย ส่งให้บรรยากาศตลาดสดวังเวง สุนัขตัวหนึ่งถึงกับโก่งคอหอนเยือกเย็นชวนขนลุก
......
จบบทนำครับ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน เด้อ...