
ทุกอย่างใน Wonder Woman ในความเห็นของผมมันคือจุดกึ่งกลาง ความพอดีที่พอดีจริงๆ จากเดิมโทนหนังของ DC จะมีความจริงจังค่อนข้างสูงมาตลอด แต่ใน Wonder Woman หนังได้ปรับโทนตรงนั้นด้วยการสอดแทรกมุขตลกแบบพอดีๆ ช่วยให้หนังมีความผ่อนคลายแต่ก็ยังไม่ทิ้งโทนความจริงจังออกไป ตัวละครมีความเป็นมนุษย์ค่อนข้างสูง เป็นการผสมผสานที่ลงตัวไม่หนักไปทางตลกจนนอกลู่นอกทางหรือไม่มืดหม่นจนเกินไป ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีมากๆแต่ในขณะเดียวกันด้วยความพอดีนี้กลับทำให้ผมรู้สึกว่าหนังไปได้ไม่ถึงในหลายๆอย่าง กล่าวคือหนังมีความหลากหลายแต่ขยี้ได้ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ มันค่อนข้างเบาในหลายๆอารมณ์ มุขตลกให้อารมณ์ยิ้มสนุกๆธรรมดาๆ พล็อตเรื่อง ปัญหาต่างๆในหนังก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลางไม่ค่อยรู้สึกอยากติดตามหรืออยากรู้เรื่องราวสักเท่าไหร่ ดูได้เรื่อยๆ เฉยๆมากกว่า
ในช่วงครึ่งแรกของหนังผมรู้สึกว่าค่อนข้างอืดๆ เนื่อยๆ นิดหน่อยในการเล่าเรื่องแต่ก็มีความน่าสนใจอยู่ มีที่มาที่ไปที่ฟังขึ้น แต่กว่าจะถึงฉากเปิดตัวสาวน้อยมหัศจรรย์อย่างเป็นทางการก็ปาเข้าไป 1 ชม. แล้ว

ฉากเปิดตัวเป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในหนัง ตัวกัล กาด็อตถ่ายทอดฉากนี้ออกมาได้ดีมากๆ มันแสดงให้เห็นว่าเธอคนนี้มีความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจมนุษย์มากแค่ไหน เธอมีความเศร้า ความเสียใจ มีความอยากช่วยเหลือมนุษย์จริงๆ จนทำให้เธอดูเป็นความหวังซึ่งจุดนี้ผมว่าทำได้ถึงว่าความหวังของซุปเปอร์แมนที่เคยเน้นย้ำในหนังเรื่องก่อนๆ ฉากแอ็คชั่นมันมีกลิ่นอายของ Batman V Superman นิดหน่อยเรื่องความรวดเร็วในการต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์ของหนัง DC แต่อย่างที่บอก Wonder Woman คือจุดกึ่งกลางที่มีความพอดี หนังปรับความรวดเร็วในการต่อสู้ลงมาให้ดูพอดิบพอดี ลดความเลอะเทอะลงมาแต่ก็ยังมีบ้าง ไม่เร็วเว่อหรือรุนแรงเกินไปแบบ Batman V Superman
อีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับ Wonder Woman คือดนตรีที่เป็น theme ประจำตัวของสาวน้อยมหัศจรรย์ที่ผมรู้สึกติดหู รู้สึกสุดยอดมาตั้งแต่ฉากเปิดตัวของเธอใน Batman V Superman และในเรื่องนี้ได้ถูก remix ใหม่ก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ที่ได้ยินแต่ผมรู้สึกชอบเวอร์ชั่น Batman V Superman มากกว่าด้วยดนตรีที่หนักแน่นและตื่นเต้นมากกว่า

ด้านตัวละครเอาจริงๆ ที่ทำให้ผมจำได้มีแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นอย่าง Wonder Woman กับสตีฟ เทรเวอร์ของคริส ไพน์ที่แสดงได้ดีรวมถึงแอนติโอปี้ครูฝึกของ Wonder Woman ด้วย กัล กาด็อตเข้าถึงบท Wonder Woman ได้ดีทั้งบทดราม่าและแอ็คชั่น เธอดูสวย มีเสห์น่ แข็งแกร่งและเท่มากๆ เหมาะกับบทนี้ดี ยิ่งตอนเธอใส่ผ้าคลุมดำรู้สึกดูสง่าเหมาะกับเป็นองหญิงจริงๆ ด้านความสามารถของ Wonder Woman หนังก็ถ่ายทอดบทบู๊ของเธอออกมาได้ดี เท่และน่าตื่นเต้น ส่วนคริส ไพน์ก็ช่วยมาเติมสีสันให้หนังได้เป็นอย่างดี นอกนั้นตัวละคนอื่นๆไม่มีความรู้สึกว่าน่าจดจำเลยสักตัวทั้งฝ่ายดีและร้าย โดยเฉพาะตัวร้ายที่รู้สึกว่าไม่มีน้ำหนักเอาซะเลย เหมือนจะเก่ง เหมือนจะดี มีหนังซุปเปอร์ฮีโร่หลายเรื่องทั้ง Marvel และ DC ที่ทำตัวเอกออกมาดีมากๆแต่ตัวร้ายไม่โอเคทำให้หนังดูดรอปลงไปพอควร ไม่มีคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อทำให้ไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่

Wonder Woman นับเป็นก้าวแรกในการปรับตัวปรับทิศทางของหนัง DC ได้ถูกทางแล้ว หนังมีความสมดุลที่ลงตัวแต่ก็ยังรู้สึกทำได้ไม่ถึงเท่าไหร่ ยังไม่รู้สึกอินในหลายๆอย่าง ทำได้แค่ปานกลางสำหรับผมแต่ชอบที่หนังไม่ละทิ้งความจริงจังออกไปเป็นตลกไปซะหมด หนังมีความยาว 2 ชม. 20 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่นานเกินไปสำหรับพล็อตเรื่องที่หนังนำเสนอและทำออกมาไม่ได้รู้สึกน่าติดตามขนาดนั้นจึงทำให้รู้สึกมีจุดอืด จุดเนื่อยใช้เวลานานเกินไปอยู่บ้าง ดูได้เรื่อยๆ มีตัว Wonder Woman เองเท่านั้นที่แสดงและถ่ายทอดออกมาได้ถึงจริงๆ นับว่าเป็นการเปิดตัวที่ดีสำหรับสาวน้อยมหัศจรรย์และน่าจะดีต่อหนังเรื่องถัดไปอย่าง Justic League ที้เราจะได้ชมในสิ้นปีนี้ สุดท้ายเพิ่งสังเกตว่าหนังไม่ได้ใช้ชื่อไทยว่า สาวน้อยมหัศจรรย์ เล่นทับศัพท์ซะงั้น
พล็อตเรื่อง 7.5/10
ดำเนินเรื่อง 7.5/10
ตัวละคร 7/10
สรุป 7.5/10
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ -
https://www.facebook.com/NangDMeReview/
[CR] [Review-No Spoil] Wonder Woman วันเดอร์วูแมน
ทุกอย่างใน Wonder Woman ในความเห็นของผมมันคือจุดกึ่งกลาง ความพอดีที่พอดีจริงๆ จากเดิมโทนหนังของ DC จะมีความจริงจังค่อนข้างสูงมาตลอด แต่ใน Wonder Woman หนังได้ปรับโทนตรงนั้นด้วยการสอดแทรกมุขตลกแบบพอดีๆ ช่วยให้หนังมีความผ่อนคลายแต่ก็ยังไม่ทิ้งโทนความจริงจังออกไป ตัวละครมีความเป็นมนุษย์ค่อนข้างสูง เป็นการผสมผสานที่ลงตัวไม่หนักไปทางตลกจนนอกลู่นอกทางหรือไม่มืดหม่นจนเกินไป ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีมากๆแต่ในขณะเดียวกันด้วยความพอดีนี้กลับทำให้ผมรู้สึกว่าหนังไปได้ไม่ถึงในหลายๆอย่าง กล่าวคือหนังมีความหลากหลายแต่ขยี้ได้ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ มันค่อนข้างเบาในหลายๆอารมณ์ มุขตลกให้อารมณ์ยิ้มสนุกๆธรรมดาๆ พล็อตเรื่อง ปัญหาต่างๆในหนังก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลางไม่ค่อยรู้สึกอยากติดตามหรืออยากรู้เรื่องราวสักเท่าไหร่ ดูได้เรื่อยๆ เฉยๆมากกว่า
ในช่วงครึ่งแรกของหนังผมรู้สึกว่าค่อนข้างอืดๆ เนื่อยๆ นิดหน่อยในการเล่าเรื่องแต่ก็มีความน่าสนใจอยู่ มีที่มาที่ไปที่ฟังขึ้น แต่กว่าจะถึงฉากเปิดตัวสาวน้อยมหัศจรรย์อย่างเป็นทางการก็ปาเข้าไป 1 ชม. แล้ว
ฉากเปิดตัวเป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในหนัง ตัวกัล กาด็อตถ่ายทอดฉากนี้ออกมาได้ดีมากๆ มันแสดงให้เห็นว่าเธอคนนี้มีความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจมนุษย์มากแค่ไหน เธอมีความเศร้า ความเสียใจ มีความอยากช่วยเหลือมนุษย์จริงๆ จนทำให้เธอดูเป็นความหวังซึ่งจุดนี้ผมว่าทำได้ถึงว่าความหวังของซุปเปอร์แมนที่เคยเน้นย้ำในหนังเรื่องก่อนๆ ฉากแอ็คชั่นมันมีกลิ่นอายของ Batman V Superman นิดหน่อยเรื่องความรวดเร็วในการต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์ของหนัง DC แต่อย่างที่บอก Wonder Woman คือจุดกึ่งกลางที่มีความพอดี หนังปรับความรวดเร็วในการต่อสู้ลงมาให้ดูพอดิบพอดี ลดความเลอะเทอะลงมาแต่ก็ยังมีบ้าง ไม่เร็วเว่อหรือรุนแรงเกินไปแบบ Batman V Superman
อีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับ Wonder Woman คือดนตรีที่เป็น theme ประจำตัวของสาวน้อยมหัศจรรย์ที่ผมรู้สึกติดหู รู้สึกสุดยอดมาตั้งแต่ฉากเปิดตัวของเธอใน Batman V Superman และในเรื่องนี้ได้ถูก remix ใหม่ก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ที่ได้ยินแต่ผมรู้สึกชอบเวอร์ชั่น Batman V Superman มากกว่าด้วยดนตรีที่หนักแน่นและตื่นเต้นมากกว่า
ด้านตัวละครเอาจริงๆ ที่ทำให้ผมจำได้มีแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นอย่าง Wonder Woman กับสตีฟ เทรเวอร์ของคริส ไพน์ที่แสดงได้ดีรวมถึงแอนติโอปี้ครูฝึกของ Wonder Woman ด้วย กัล กาด็อตเข้าถึงบท Wonder Woman ได้ดีทั้งบทดราม่าและแอ็คชั่น เธอดูสวย มีเสห์น่ แข็งแกร่งและเท่มากๆ เหมาะกับบทนี้ดี ยิ่งตอนเธอใส่ผ้าคลุมดำรู้สึกดูสง่าเหมาะกับเป็นองหญิงจริงๆ ด้านความสามารถของ Wonder Woman หนังก็ถ่ายทอดบทบู๊ของเธอออกมาได้ดี เท่และน่าตื่นเต้น ส่วนคริส ไพน์ก็ช่วยมาเติมสีสันให้หนังได้เป็นอย่างดี นอกนั้นตัวละคนอื่นๆไม่มีความรู้สึกว่าน่าจดจำเลยสักตัวทั้งฝ่ายดีและร้าย โดยเฉพาะตัวร้ายที่รู้สึกว่าไม่มีน้ำหนักเอาซะเลย เหมือนจะเก่ง เหมือนจะดี มีหนังซุปเปอร์ฮีโร่หลายเรื่องทั้ง Marvel และ DC ที่ทำตัวเอกออกมาดีมากๆแต่ตัวร้ายไม่โอเคทำให้หนังดูดรอปลงไปพอควร ไม่มีคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อทำให้ไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่
Wonder Woman นับเป็นก้าวแรกในการปรับตัวปรับทิศทางของหนัง DC ได้ถูกทางแล้ว หนังมีความสมดุลที่ลงตัวแต่ก็ยังรู้สึกทำได้ไม่ถึงเท่าไหร่ ยังไม่รู้สึกอินในหลายๆอย่าง ทำได้แค่ปานกลางสำหรับผมแต่ชอบที่หนังไม่ละทิ้งความจริงจังออกไปเป็นตลกไปซะหมด หนังมีความยาว 2 ชม. 20 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่นานเกินไปสำหรับพล็อตเรื่องที่หนังนำเสนอและทำออกมาไม่ได้รู้สึกน่าติดตามขนาดนั้นจึงทำให้รู้สึกมีจุดอืด จุดเนื่อยใช้เวลานานเกินไปอยู่บ้าง ดูได้เรื่อยๆ มีตัว Wonder Woman เองเท่านั้นที่แสดงและถ่ายทอดออกมาได้ถึงจริงๆ นับว่าเป็นการเปิดตัวที่ดีสำหรับสาวน้อยมหัศจรรย์และน่าจะดีต่อหนังเรื่องถัดไปอย่าง Justic League ที้เราจะได้ชมในสิ้นปีนี้ สุดท้ายเพิ่งสังเกตว่าหนังไม่ได้ใช้ชื่อไทยว่า สาวน้อยมหัศจรรย์ เล่นทับศัพท์ซะงั้น
พล็อตเรื่อง 7.5/10
ดำเนินเรื่อง 7.5/10
ตัวละคร 7/10
สรุป 7.5/10
ฝาก page ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด Like ติดตามกันนะครับ - https://www.facebook.com/NangDMeReview/