สวัสดีชาวพันทิปทุกท่าน ที่เป็นกระทู้แรกของเรากับกรเที่ยวครั้งแรกในยุโรปแบบเบื๊อกเบื๊อกโดยตลอดทั้งทริปวางแผนเที่ยวไว้เป็นเวลาเกือบปีโดยศึกษาเก็บข้อมูลจากโพสในพันทิปนี่แหละ
กระทู้นี้จึงถือว่าเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัวของเราเองหลังจากที่ไปสัมผัสบรรยากาศจากถานที่จริง

กับสถานที่ยอดฮิตที่ชาวพันทิปฝันว่าอยากจะลองไปสัมผัสสักครั้ง
ถ้าคุณกำลังแพลนไว้ว่ากำลังไปเที่ยวเองครั้งแรกในยุโรปกระนี้คงเป็นประโยชน์มากทีเดียว
ถ้าคุณไปมาแล้วจนเชี่ยวนี่มันก็แค่กระทู้เด็กน้อยแล้วก็เบื๊อกสมชื่อหน่อยๆ
แพลนของเราคือไปเที่ยวยุโรป 11 วัน คือวันที่ 18-28 พฤษภาคม 2017 รวม 3 ประเทศ ลิสออกมาก่อนเลยว่าอยากไปไหนบ้างก็สรุปได้แบบนี้แถ่นแถ้น:
18 พค. Austria: Salzburg
19 พค. Austria: Hallstatt
20 พค. Austria: Innsbruck
21-22 พค. Switzerland: Interlaken Ost
23 พค. Switzerland: Zermatt
24 พค. Switzerland: Geneva
25 - 28 พค. France: Paris, Colmar, Strasbourg

ทริปนี้ไปกันสี่คน ที่เราแพลนแบบนี้เพราะว่าขาไปเราต้องการบินตรงเท่านั้นกับป้าม่วง ซึ่งเช็คแล้วไม่มีลงที่ Austria ถ้าต้องการไป Austria เราต้องลง Munich แทนราคาตั๋วไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเรากับแฟนแลกไมล์แล้วอัพเกรดเป็น Business Class เอานาจา ส่วนเพื่อนอีกสองคนที่นั่งชั้นประหยัดได้ตั๋วราคาถูกจากบริษัทนำเที่ยวแห่งนึง ขาไปลง Munich, Germany ขากลับ CDG, France ราคาคนละ 25,XXX บาท
แพลนแล้วซื้อตั๋วแล้วก็เตรียมทำ Schengen Visa กับ TLS Contact กันเลยเพราะอยู่ที่สวิสนานสุด (การขอวีซ่าให้ดูว่าจากในแพลนเที่ยว เราอยู่ที่ไหนนานสุดเป็นอันดับแรก ถ้าอยู่ในแต่ละประเทศระยะเวลานานเท่ากันต้องไปทำที่ที่เราบินลงเป็นที่แรก)
พอรู้ว่าต้องทำผ่านตัวแทนประเทศสวิสมีความวิตกกังวลกลัวจะไม่ผ่านก็หาข้อมูลมากมายบอกตามตรงเวียนหัว
เพราะข้อมูลที่หามาได้จากการ Search หาใน Googleของแต่ละคนที่ประสบพบเจอก็ไม่ค่อยจะตรงกันสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าได้ลิ้งค์ TLS Contact มาก็ทำตามๆที่ในเวปแจ้งแล้วกันวะ
ถามว่าไปทำที่สถานฑูตสวิสได้มั้ยก็ได้นะอยากไปก็ไปสิตามสบายแต่ที่ได้ยินมาต้องนัดล่วงหน้านานหลายเดือนก่อนไป เช่นถ้าเราไปเดือน พค. เราอาจจะต้องนัดตั้งแต่เดือนมค เพราะกว่าได้คิวไปทำอาจจะเป็นเดือนมีค-เมษาไปเลยแล้วกว่าจะได้ Passport คืนใช้เวลานานเป็นอาทิตย์ซึ่งไม่อยากเสี่ยงเพราะงานเรายุ่งช่วงต้นเดือนแล้วกินเวลายุ่งๆไปประมาณ 15 วันตอนเรานัด TLS contact เราเลยนัดช่วงปลายๆเมษา
วิธีการทำวีซ่าผ่าน TLS contact ไม่ขอบอกไรมากเพราะมีหลายกระทู้ตั้งไว้แล้ว จะบอกแค่สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมหลักๆวลาไปทำจะได้ไม่เสียเวลาเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เตรียมเอกสารเกินเปลืองกระดาษ
สิ่งที่ต้องทำและเตรียมหลักๆมีดังนี้:
1. เราต้องแพลนในใจก่อนว่าเราอยากไปทำวีซ่าวันไหนของเราเดินทาง 18 พค. เราจะใช้เวลาเดือนมีนาถึงเมษาในการเตรียมตัว เดือนมีนากรอกข้อมูลในเวป
https://ch.tlscontact.com/th/BKK/
ลองหาข้อมูลใน Google ได้เลยคนโพสไว้แล้วเยอะมาก เพิ่มเติมคือถ้าเราไปกันหลายคนไปด้วยกันกลับพร้อมกันก็จะกรอกง่ายขึ้น หลังจากที่คนแรกกรอกข้อมูลเสร็จแล้วจะออกมาตามภาพ

เราสามารถกด Duplicate ได้เลยโดยคนต่อไปไม่ต้องกรอกรายละเอียดเยอะ โดยข้อมูลการเดินทาง จำนวนวัน รายละเอียดที่อยู่โรงแรมที่เราไปพักของคนแรกจะถูก Copy ไปยังรายชื่อของเพื่อนร่วมทริปเราด้วสะดวกและไวขึ้นมากในการกรอกฟรอ์มขอทำ Visa ขึ้นอยู่กับ Duplicate option เราเลือกได้ว่าจะให้ ทำซ้ำข้อมูลส่วนไหนของคนแรกที่ทำเสร็จแล้วลองทำดูได้ไม่ยากเลย เวลานับจำนวนระยะเวลาที่ท่องเที่ยวในประเทศ Schengen ให้นับนิ้วดีดี เช่น เดินทางไปกลับวันที่ 18-28 คือ 11 วัน ไม่ใช่ 10 วันะจ๊ะ บางคนตื่นเต้นบวกลบผิดนับนิ้วเอาดีที่สุด
2. เอกสารที่สำคัญๆแม้แต่รูปถ่ายก็สำคัญเพื่อนถ่ายรูปไปไม่ผ่านต้องถ่ายใหม่เสียตังเสียเวลาอีกดีที่ TLS เค้ามีเครื่องถ่ายรูปให้ 2 เครื่องแต่ก็ต้องไปลุ้นอีกเครื่องเสียมั้ย แบงค์ที่เตรียมไปมันรับมั้ย แบงค์เก่าไปแบงค์รุ่นใหม่แม่มไม่รับอีก แบงค์ใหญ่ไม่มีทอนอีก คนรอถ่ายอีกกี่คิวๆ เพราะฉะนั้นเตรียมตัวให้ดีจะได้มีชีวิตไม่ยุ่งยากนะฮะ
ตัวอย่างรูปถ่ายตามนี้เลย

ตอนถ่ายร้านข้างนอกบอกตากล้องเลยว่าต้องการรูป "ทำวีซ่าพื้นหลังขาว" ตากล้องบางคนอวดฉลาดพี่รู้ๆ แต่

รู้มั้ยถ่ายแล้วต้องมาถ่ายใหม่เสียตังนะเว้ย ทางที่ดีที่สุดเอารูปตัวอย่างให้ดูด้วยเอาขนาดหน้าใหญ่ๆเท่านี้!!!!!! ต่อให้ร้านดีร้านดังถ่ายออกมาหน้าสวยเล็กผอมบอกเลยไม่ผ่าน ถ่ายใหม่ครัช ต้องหน้าใหญ่แทบเต็มกรอบแต่ต้องเห็นคอแทบไม่เห็นไหล่นี่ผ่านฉลุย (ไม่ต้องห่วงว่ารูปไม่สวยจะไปโชว์ในหน้าวีซ่า เค้าถ่ายใหม่ให้ ณ วันที่ไปทำวีซ่าขั้นตอนการทำ Biometric นะจ๊ะ)
รูปถ่ายนี่ต้องเหมือนจริงที่สุด ถ้าคิดว่าจะไปทำผมเสริมสวยก็ไปทำก่อนถ่ายรูปนะ เผื่อว่าช่างตัดผมจะไม่เข้าคำว่าเอาออกนิดเดียว เกิดไปตัดผมหลังถ่ายรูปแล้วหน้าจริงจะไม่เหมือนในรูปอีก ถ่ายใหม่สิคับเปลืองเงินอีก
3. สำหรับพนักงานบริษัทอย่างเราๆ ต้องขอเอกสารรับรองการทำงานจาก HR ซึ่งวันที่ Issue เอกสารเนี่ยต้องไม่เกิน 1 เดือนของวันที่ทำวีซ่า เช่นเราจะไปทำวีซ่าวันที่ 24 เมษา เราขอ HR ให้ออกเอกสารให้เราได้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนา - 23 เมษา วันที่ที่ Issue ไม่ควรก่อนหน้านี้ ไม่งั้นต้องกลับมาขอใหม่อีกเสียเวลา!!! ถ้าเรารู้จัก HR เราดีว่าทำงานเร็วช้า เราก็สามารถกะเวลาได้กรขอเอกสารได้ ขอไวไปเอามาเก็บไว้เดี๋ยวจะหายอีกถ้าเก็บไม่ดี ขอช้าไปอาจจะไม่ทันเวลาที่นัด TLS ไว้อีก ของเราขอ 2 วันก็ได้แล้ว เราเลยขอช่วงใกล้ๆไปทำวีซ่าสัก 1 อาทิตย์
เอกสารรับรองการเป็นพนักงานที่เราขอต้องมีรายละเอียดดังนี้
- วันที่ที่ HR ออกจดหมาย (Issue date)
- ชื่อสถานฑูตประเทศที่เราต้องการขอ (ถึงแม้จะทำผ่านตัวแทน)
- ชื่อ นามสกุลเราที่ตรงกับวีซ่า
- วันที่เริ่มงาน และ จำนวนปีที่ทำงาน
- เงินเดือน
- วันที่ที่เดินทางไปกลับ และ จำนวนวันที่ไปเที่ยวในประเทศ Schengen
ได้เอกสารมาแล้วตรวจสอบความถูกต้องก็พอ
4. เอกสารแสดงฐานะทางการเงิน
ของเราขอเป็น Bank Statement จากทางธนาคารโดยตรงขอไปเลยย้อนหลังปีกว่าเผื่อไว้ไม่เสียหาย ค่าธรรมเนียม 100 บาท
ประเด็นที่ถกเถียงบ่อยๆคือต้องมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ว้า ถึงจะขอวีซ่าผ่าน หลายคนบอกแสนอัพ เราเลยใช้เวลา ร่วมปีในการเก็บเงินไปเที่ยวโดยเฉพาะวันละ 300 บาท ร่วมกับแฟนเราก็ได้คนละ แสนกว่าแล้ว

รู้สึกได้เลยว่าไปเที่ยวโดยไม่กระทบกับเงินที่มีอยู่ออมวันละนิดหน่อยปีเดียวก็ได้ไปยุโรปโดยไม่ควักเนื้อจนตัวพรุน ระหว่างที่เก็บเงินนั้นพอดีทองคำแท่งลงไปอยู่ที่ 19,0XX ต่อบาท ปลายๆธค 16-มค 17 เลยเอาเงินที่เก็บไว้ไปซื้อทองดีกว่ารอดอกเบี้ยอันน้อยนิดไปวันๆ พอทองขึ้นสัก 20,6XX - 20,8xx ต่อบาทก็เอาไปขายได้กำไรไปพลางๆ
กลับมาเรื่องเงินในบัญชีย้ำอีกทีว่าต่ำกว่าแสนวีซ่าก็ผ่าน เพื่อนเราใช้บัญชีที่เป็นบัญชีเงินเดือนไปขอ Statement มีเงินแปดหมื่นก็ผ่าน ถ้าน้อยกว่านี้ไม่แน่ใจถ้าให้แน่ให้ใช้บัญชีทีมีเงินเดือนเข้าออก เพื่อการันตีว่าเรามีรายได้ประจำก็พอ ส่วน Bank Book ไม่ต้องถ่ายเอกสารหรือเอาไปใช้ตอนยื่นวีซ่า เพราะเค้าไม่ดูเนื่องจากเรามี Bank Statement ที่ทางธนาคารออกให้แล้ว
5. รายละเอียดการจองที่พักและแพลนเที่ยวของเรา
เราจองที่พักผ่าน booking.com ในการจองต่ละที่เราต้องใส่ชื่อคนที่เข้าพักให้ครบ เช่นจองสองห้องต้องใส่ชื่อคนที่เข้าพักคนที่ 1-2 ห้องที่สองให้ใส่ชื่อคนที่ 3-4 เป็นต้น เพราะเจ้าหน้าที่จะเช็คเลยว่ามีชื่อเรามั้ยในใบจองถ้าไม่มีหรือมีไม่ครบเค้าจะตีว่า เอกสารไม่สมบูรณ์ตอนที่ยื่นไปถึงสถานฑูตสวิสซึ่งทางสถานฑูตจะเป็นฝ่ายพิจารณาว่าวีซ่าเราจะผ่านหรือไม่ผ่าน บางรร. เราจองผ่าน Agoda ซึ่งจะมีแค่ชื่อของคนที่จองเท่านั้นนั่นคือเจ้าของ Account เราอาจจะต้องโทรไปแจ้งทาง Agoda ให้ทำการก้ไขเพิ่มรายชื่อเพื่อนคนอื่นๆเข้าไปให้ด้วย แต่เราทำเป็นจดหมายรับรองเขียนเองเป็นภาษาอังกฤษว่ามีใครพักบ้างชำระด้วยบัตรเครดิตใคร พักวันไหนถึงวันไหนเป็นต้น
ส่วนแพลนเราทำเป็น Excel แบบละเอียดเฟร่อ
คร่าวๆคือวันทีนี้ไปเที่ยวไหนบ้างตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง นั่งรถไฟไปสายไหน (ทำเพื่อให้ตัวเองเที่ยวง่ายขึ้นมากกว่า

)ราคาเท่าไหร่ เป็นยูโรและเงินบาทโดยเขียนเป็นภาษาอังกฤษ
ถ้าได้จองรถไฟข้ามประเทศไว้ก็ปริ้นออกมาเพื่อยื่นขอวีซ่าด้วย จองล่วงหน้าได้ราคาถูกมากบางทีลังเลผ่านไปสามวันราคาขึ้นละไรวะ....
6. ประกันการเดินทาง
หลายคนอาจยังไม่รุ้ว่ามีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรVisa Platinum และอื่นๆ สามารถทำประกันเดินทางได้ฟรีถึง 10 วัน เดินทางเกิน 10 วันให้ซื้อจำนวนวันที่เกินเพิ่มเอาเอง รายละเอียดเพิ่มเติมศึกษาขากในลิ้งค์ด้านล่างฮะ
http://visa.co.th/personal/offers/cigna.shtml
เอกสารหลักก็เท่านี้ที่ต้งเตรียมให้ดีดี สามวันหลังจากยื่นเอกสารไปเราก็ได้วีซ่ามาแบบรวดเร็วทันใจ
แบบว่าอยากโพสรูปจะแย่ไม่อยากเขียนไรเยอะแยะแล้ว เพราะข้อมูลส่วนอื่นๆหาอ่านได้ไม่ยากแค่เตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้าคงไม่ยากเกินไปสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวเนอะ
เที่ยวแบบเบื๊อกเบื๊อกในยุโรป: 11 วัน 3 ประเทศ ออสเตรีย สวิสเซอร์แลนด์ และ ฝรั่งเศส
กระทู้นี้จึงถือว่าเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัวของเราเองหลังจากที่ไปสัมผัสบรรยากาศจากถานที่จริง
ถ้าคุณกำลังแพลนไว้ว่ากำลังไปเที่ยวเองครั้งแรกในยุโรปกระนี้คงเป็นประโยชน์มากทีเดียว
ถ้าคุณไปมาแล้วจนเชี่ยวนี่มันก็แค่กระทู้เด็กน้อยแล้วก็เบื๊อกสมชื่อหน่อยๆ
แพลนของเราคือไปเที่ยวยุโรป 11 วัน คือวันที่ 18-28 พฤษภาคม 2017 รวม 3 ประเทศ ลิสออกมาก่อนเลยว่าอยากไปไหนบ้างก็สรุปได้แบบนี้แถ่นแถ้น:
18 พค. Austria: Salzburg
19 พค. Austria: Hallstatt
20 พค. Austria: Innsbruck
21-22 พค. Switzerland: Interlaken Ost
23 พค. Switzerland: Zermatt
24 พค. Switzerland: Geneva
25 - 28 พค. France: Paris, Colmar, Strasbourg
แพลนแล้วซื้อตั๋วแล้วก็เตรียมทำ Schengen Visa กับ TLS Contact กันเลยเพราะอยู่ที่สวิสนานสุด (การขอวีซ่าให้ดูว่าจากในแพลนเที่ยว เราอยู่ที่ไหนนานสุดเป็นอันดับแรก ถ้าอยู่ในแต่ละประเทศระยะเวลานานเท่ากันต้องไปทำที่ที่เราบินลงเป็นที่แรก)
พอรู้ว่าต้องทำผ่านตัวแทนประเทศสวิสมีความวิตกกังวลกลัวจะไม่ผ่านก็หาข้อมูลมากมายบอกตามตรงเวียนหัว
เพราะข้อมูลที่หามาได้จากการ Search หาใน Googleของแต่ละคนที่ประสบพบเจอก็ไม่ค่อยจะตรงกันสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าได้ลิ้งค์ TLS Contact มาก็ทำตามๆที่ในเวปแจ้งแล้วกันวะ
ถามว่าไปทำที่สถานฑูตสวิสได้มั้ยก็ได้นะอยากไปก็ไปสิตามสบายแต่ที่ได้ยินมาต้องนัดล่วงหน้านานหลายเดือนก่อนไป เช่นถ้าเราไปเดือน พค. เราอาจจะต้องนัดตั้งแต่เดือนมค เพราะกว่าได้คิวไปทำอาจจะเป็นเดือนมีค-เมษาไปเลยแล้วกว่าจะได้ Passport คืนใช้เวลานานเป็นอาทิตย์ซึ่งไม่อยากเสี่ยงเพราะงานเรายุ่งช่วงต้นเดือนแล้วกินเวลายุ่งๆไปประมาณ 15 วันตอนเรานัด TLS contact เราเลยนัดช่วงปลายๆเมษา
วิธีการทำวีซ่าผ่าน TLS contact ไม่ขอบอกไรมากเพราะมีหลายกระทู้ตั้งไว้แล้ว จะบอกแค่สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมหลักๆวลาไปทำจะได้ไม่เสียเวลาเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เตรียมเอกสารเกินเปลืองกระดาษ
สิ่งที่ต้องทำและเตรียมหลักๆมีดังนี้:
1. เราต้องแพลนในใจก่อนว่าเราอยากไปทำวีซ่าวันไหนของเราเดินทาง 18 พค. เราจะใช้เวลาเดือนมีนาถึงเมษาในการเตรียมตัว เดือนมีนากรอกข้อมูลในเวป https://ch.tlscontact.com/th/BKK/
ลองหาข้อมูลใน Google ได้เลยคนโพสไว้แล้วเยอะมาก เพิ่มเติมคือถ้าเราไปกันหลายคนไปด้วยกันกลับพร้อมกันก็จะกรอกง่ายขึ้น หลังจากที่คนแรกกรอกข้อมูลเสร็จแล้วจะออกมาตามภาพ
เราสามารถกด Duplicate ได้เลยโดยคนต่อไปไม่ต้องกรอกรายละเอียดเยอะ โดยข้อมูลการเดินทาง จำนวนวัน รายละเอียดที่อยู่โรงแรมที่เราไปพักของคนแรกจะถูก Copy ไปยังรายชื่อของเพื่อนร่วมทริปเราด้วสะดวกและไวขึ้นมากในการกรอกฟรอ์มขอทำ Visa ขึ้นอยู่กับ Duplicate option เราเลือกได้ว่าจะให้ ทำซ้ำข้อมูลส่วนไหนของคนแรกที่ทำเสร็จแล้วลองทำดูได้ไม่ยากเลย เวลานับจำนวนระยะเวลาที่ท่องเที่ยวในประเทศ Schengen ให้นับนิ้วดีดี เช่น เดินทางไปกลับวันที่ 18-28 คือ 11 วัน ไม่ใช่ 10 วันะจ๊ะ บางคนตื่นเต้นบวกลบผิดนับนิ้วเอาดีที่สุด
2. เอกสารที่สำคัญๆแม้แต่รูปถ่ายก็สำคัญเพื่อนถ่ายรูปไปไม่ผ่านต้องถ่ายใหม่เสียตังเสียเวลาอีกดีที่ TLS เค้ามีเครื่องถ่ายรูปให้ 2 เครื่องแต่ก็ต้องไปลุ้นอีกเครื่องเสียมั้ย แบงค์ที่เตรียมไปมันรับมั้ย แบงค์เก่าไปแบงค์รุ่นใหม่แม่มไม่รับอีก แบงค์ใหญ่ไม่มีทอนอีก คนรอถ่ายอีกกี่คิวๆ เพราะฉะนั้นเตรียมตัวให้ดีจะได้มีชีวิตไม่ยุ่งยากนะฮะ
ตัวอย่างรูปถ่ายตามนี้เลย
ตอนถ่ายร้านข้างนอกบอกตากล้องเลยว่าต้องการรูป "ทำวีซ่าพื้นหลังขาว" ตากล้องบางคนอวดฉลาดพี่รู้ๆ แต่
รูปถ่ายนี่ต้องเหมือนจริงที่สุด ถ้าคิดว่าจะไปทำผมเสริมสวยก็ไปทำก่อนถ่ายรูปนะ เผื่อว่าช่างตัดผมจะไม่เข้าคำว่าเอาออกนิดเดียว เกิดไปตัดผมหลังถ่ายรูปแล้วหน้าจริงจะไม่เหมือนในรูปอีก ถ่ายใหม่สิคับเปลืองเงินอีก
3. สำหรับพนักงานบริษัทอย่างเราๆ ต้องขอเอกสารรับรองการทำงานจาก HR ซึ่งวันที่ Issue เอกสารเนี่ยต้องไม่เกิน 1 เดือนของวันที่ทำวีซ่า เช่นเราจะไปทำวีซ่าวันที่ 24 เมษา เราขอ HR ให้ออกเอกสารให้เราได้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนา - 23 เมษา วันที่ที่ Issue ไม่ควรก่อนหน้านี้ ไม่งั้นต้องกลับมาขอใหม่อีกเสียเวลา!!! ถ้าเรารู้จัก HR เราดีว่าทำงานเร็วช้า เราก็สามารถกะเวลาได้กรขอเอกสารได้ ขอไวไปเอามาเก็บไว้เดี๋ยวจะหายอีกถ้าเก็บไม่ดี ขอช้าไปอาจจะไม่ทันเวลาที่นัด TLS ไว้อีก ของเราขอ 2 วันก็ได้แล้ว เราเลยขอช่วงใกล้ๆไปทำวีซ่าสัก 1 อาทิตย์
เอกสารรับรองการเป็นพนักงานที่เราขอต้องมีรายละเอียดดังนี้
- วันที่ที่ HR ออกจดหมาย (Issue date)
- ชื่อสถานฑูตประเทศที่เราต้องการขอ (ถึงแม้จะทำผ่านตัวแทน)
- ชื่อ นามสกุลเราที่ตรงกับวีซ่า
- วันที่เริ่มงาน และ จำนวนปีที่ทำงาน
- เงินเดือน
- วันที่ที่เดินทางไปกลับ และ จำนวนวันที่ไปเที่ยวในประเทศ Schengen
ได้เอกสารมาแล้วตรวจสอบความถูกต้องก็พอ
4. เอกสารแสดงฐานะทางการเงิน
ของเราขอเป็น Bank Statement จากทางธนาคารโดยตรงขอไปเลยย้อนหลังปีกว่าเผื่อไว้ไม่เสียหาย ค่าธรรมเนียม 100 บาท
ประเด็นที่ถกเถียงบ่อยๆคือต้องมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ว้า ถึงจะขอวีซ่าผ่าน หลายคนบอกแสนอัพ เราเลยใช้เวลา ร่วมปีในการเก็บเงินไปเที่ยวโดยเฉพาะวันละ 300 บาท ร่วมกับแฟนเราก็ได้คนละ แสนกว่าแล้ว
กลับมาเรื่องเงินในบัญชีย้ำอีกทีว่าต่ำกว่าแสนวีซ่าก็ผ่าน เพื่อนเราใช้บัญชีที่เป็นบัญชีเงินเดือนไปขอ Statement มีเงินแปดหมื่นก็ผ่าน ถ้าน้อยกว่านี้ไม่แน่ใจถ้าให้แน่ให้ใช้บัญชีทีมีเงินเดือนเข้าออก เพื่อการันตีว่าเรามีรายได้ประจำก็พอ ส่วน Bank Book ไม่ต้องถ่ายเอกสารหรือเอาไปใช้ตอนยื่นวีซ่า เพราะเค้าไม่ดูเนื่องจากเรามี Bank Statement ที่ทางธนาคารออกให้แล้ว
5. รายละเอียดการจองที่พักและแพลนเที่ยวของเรา
เราจองที่พักผ่าน booking.com ในการจองต่ละที่เราต้องใส่ชื่อคนที่เข้าพักให้ครบ เช่นจองสองห้องต้องใส่ชื่อคนที่เข้าพักคนที่ 1-2 ห้องที่สองให้ใส่ชื่อคนที่ 3-4 เป็นต้น เพราะเจ้าหน้าที่จะเช็คเลยว่ามีชื่อเรามั้ยในใบจองถ้าไม่มีหรือมีไม่ครบเค้าจะตีว่า เอกสารไม่สมบูรณ์ตอนที่ยื่นไปถึงสถานฑูตสวิสซึ่งทางสถานฑูตจะเป็นฝ่ายพิจารณาว่าวีซ่าเราจะผ่านหรือไม่ผ่าน บางรร. เราจองผ่าน Agoda ซึ่งจะมีแค่ชื่อของคนที่จองเท่านั้นนั่นคือเจ้าของ Account เราอาจจะต้องโทรไปแจ้งทาง Agoda ให้ทำการก้ไขเพิ่มรายชื่อเพื่อนคนอื่นๆเข้าไปให้ด้วย แต่เราทำเป็นจดหมายรับรองเขียนเองเป็นภาษาอังกฤษว่ามีใครพักบ้างชำระด้วยบัตรเครดิตใคร พักวันไหนถึงวันไหนเป็นต้น
ส่วนแพลนเราทำเป็น Excel แบบละเอียดเฟร่อ
คร่าวๆคือวันทีนี้ไปเที่ยวไหนบ้างตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง นั่งรถไฟไปสายไหน (ทำเพื่อให้ตัวเองเที่ยวง่ายขึ้นมากกว่า
ถ้าได้จองรถไฟข้ามประเทศไว้ก็ปริ้นออกมาเพื่อยื่นขอวีซ่าด้วย จองล่วงหน้าได้ราคาถูกมากบางทีลังเลผ่านไปสามวันราคาขึ้นละไรวะ....
6. ประกันการเดินทาง
หลายคนอาจยังไม่รุ้ว่ามีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรVisa Platinum และอื่นๆ สามารถทำประกันเดินทางได้ฟรีถึง 10 วัน เดินทางเกิน 10 วันให้ซื้อจำนวนวันที่เกินเพิ่มเอาเอง รายละเอียดเพิ่มเติมศึกษาขากในลิ้งค์ด้านล่างฮะ
http://visa.co.th/personal/offers/cigna.shtml
เอกสารหลักก็เท่านี้ที่ต้งเตรียมให้ดีดี สามวันหลังจากยื่นเอกสารไปเราก็ได้วีซ่ามาแบบรวดเร็วทันใจ
แบบว่าอยากโพสรูปจะแย่ไม่อยากเขียนไรเยอะแยะแล้ว เพราะข้อมูลส่วนอื่นๆหาอ่านได้ไม่ยากแค่เตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้าคงไม่ยากเกินไปสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวเนอะ